พระประจำวันศุกร์ วัดราชนัดดา วัดราชนัดดารามวรวิหาร เจ้าสัวถุงแดง

กราบพระประจำวันศุกร์ ปางรำพึง ขอพรการค้าเจ้าสัวถุงแดง วัดราชนัดดา

ขอแนะนำจุดมูสำคัญอีกแห่งของวัดราชนัดดาแห่งนี้ นั่นก็คือ ศาลาการเปรียญ ที่นอกจากจะทรงคุณค่าทางสถาปัตยกรรมแล้ว ยังเป็นจุดมูไฮไลท์ที่คนค้าขาย สายนักธุรกิจ ไม่ควรพลาดอีกด้วย

Home / กรุงเทพมหานครฯ / กราบพระประจำวันศุกร์ ปางรำพึง ขอพรการค้าเจ้าสัวถุงแดง วัดราชนัดดา

กราบพระประจำวันศุกร์ ปางรำพึง ขอพรการค้าเจ้าสัวถุงแดง วัดราชนัดดา

วัดราชนัดดา

วัดราชนัดดารามวรวิหาร หรือ วัดราชนัดดา พระอารามหลวงในเขตพระนคร จังหวัดกรุงเทพมหานคร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2389 ตรงกับปลายรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี บนสวนผลไม้เก่าเนื้อที่ประมาณ 25 ไร่ พระราชทานเป็นเกียรติแก่พระราชนัดดา คือ สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี อันเป็นที่มาของชื่อวัด แปลว่า “วัดของพระราชนัดดา” สิ่งสำคัญภายในวัดนอกจาก โลหะปราสาท แห่งเดียวของโลกที่ยังหลงเหลืออยู่แล้ว MTHAI จะมาขอแนะนำจุดมูสำคัญอีกแห่งของวัดราชนัดดาแห่งนี้ นั่นก็คือ ศาลาการเปรียญ ที่นอกจากจะทรงคุณค่าทางสถาปัตยกรรมแล้ว ยังเป็นจุดมูไฮไลท์ที่คนค้าขาย สายนักธุรกิจ ไม่ควรพลาดอีกด้วย

สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี

สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี พระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

ศาลาการเปรียญ

ประวัติศาลาการเปรียญ

ศาลาการเปรียญแห่งนี้ สมัยโบราณเป็นสถานที่แสดงธรรม ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของพระอุโบสถ ลักษณะสูงใหญ่หากแต่ลดขนาดจากพระอุโบสถและพระวิหาร ตามประโยชน์การใช้สอย เสาอาคารด้านหน้า 5 ต้น ด้านระเบียง 8 ต้น ก่ออิฐถือปูน หลังคาชั้นลด 8 ชั้น มุงกระเบื้องประดับช่อฟ้าใบระกาหน้าบัน ลงรักปิดทองประดับกระจก ซุ้มประตูหน้าต่าง ตกแต่งลายปูนปั้น ผนังภายในเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังลายดอกไม้ร่วง

ศาลาการเปรียญ

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในศาลาการเปรียญ

  • พระพุทธรูปปางรำพึง (พระประจำวันศุกร์)
  • พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสมัยอู่ทอง
  • พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ( รัชกาลที่ 3) ประทับยืน (หรืออีกพระสมัญญานามที่ชาวบ้านเรียกกันว่า เจ้าสัวถุงแดง) จำลองมาจากปราสาทพระเทพบิดรภายในพระบรมมหาราชวัง
  • พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ( รัชกาลที่ 5 สมเด็จพระปิยมหาราช)

พระพุทธรูปปางรำพึง (พระประจำวันศุกร์)

พระพุทธรูปปางรำพึง

พระพุทธรูปปางนี้อยู่ในพระอิริยาบถยืน พระหัตถ์ทั้งสองประสานยกขึ้นประทับที่พระอุระ พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้ายเป็นกิริยารำพึง บางแห่งสร้างเป็นแบบนั่งก็มี นิยมสร้างขึ้นเป็นที่สักการะบูชาประจำวันของคนเกิดวันศุกร์

บทสวดบูชาพระประจำวันศุกร์ (ปางรำพึง)

ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยและตั้งนะโม 3 จบ

อัปปะสันเนหิ นาถัสสะ สาสะเน สาธุสัมมะเต
อะมะนุสเสหิ จัณเฑหิ สะทา กิพพิสะการิภิ
ปะริสานัญจะ ตัสสันนะ มะหิงสายะ จะ คุตติยา
ยันเทเสสิ มะหาวีโร ปะริตตันตัมภะณามะเห ฯ

สวดแบบย่อ

วา โธ โน อะ มะ มะ วา ( 21 จบ)

พระพุทธรูป

พระปางรำพึงมีความหมายว่าอย่างไร

ความหมายของปางนี้ เกิดจากเมื่อพระพุทธเจ้าทรงรำพึงถึงพระสัจธรรมแล้ว ทรงท้อพระทัยที่จักแสดงให้คนรู้ตามได้ เพราะเป็นของละเอียดสุขุมลึกซึ้งอย่างยิ่ง แต่ท้าวสหัมบดีพรหมได้เข้ามากราบทูลอาราธนาให้ทรงแสดงต่อมหาชน เป็นการสั่งสอนแนวทางสู่ความสันติสุข จึงทรงรำพึงถึงธรรมเนียมของพระพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีตกาลว่าได้เผยแพร่พระธรรม จึงทรงตัดสินพระทัยที่จะบอกหลักธรรมให้แพร่หลายก่อน จึงเสด็จนิพพาน

ประวัติความเป็นมาของพระพุทธรูปปางรำพึง

เมื่อตปุสสะ และภัลลิกะ 2 พานิช กราบทูลลาไปแล้วพระพุทธองค์เสด็จกลับจากร่มไม้ราชายตนะ ไปประทับเสวยวิมุตติสุข ณ ร่มไม้อชลปาลนิโครธอีกครั้งหนึ่ง และทรงรำพึงถึงธรรมที่พระองค์ได้ตรัสรู้แล้วนั้นว่า เป็นธรรมประณีตละเอียดสุขุมคัมภีรภาพ ยากที่บุคคลจะรู้ได้ทำให้ท้อแท้พระทัย ถึงกับทรงดำริจะไม่แสดงธรรมแก่มหาชน

ครั้งนั้น ท้าวสหัมบดีพรหมทราบวาระจิตของพระพุทธองค์ จึงร้องประกาศชวนเทพดาทั้งหลาย พากันไปเฝ้าพระพุทธองค์ยังที่ประทับ ณ ควงไม้อชปาลนิโครธ ถวายอภิวาทแล้วกราบทูลอาราธนาพระพุทธองค์ ขอให้ทรงแสดงธรรมโปรดประชาชน เพื่อบุคคลผู้มีธุลีในนัยน์ตาน้อย ทั้งมีอุปนิสัยในอันจะเป็นพุทธสาวก จะได้ตรัสรู้ธรรมบ้าง

พระพุทธองค์ ทรงรำพึงถึงธรรมเนียมของพระพุทธเจ้าทั้งหลายแต่ปางก่อนว่า ได้ตรัสรู้แล้วย่อมทรงแสดงธรรมโปรดประชาชนทั้งหลายประดิษฐานพระพุทธศาสนาให้แผ่ไพศาลเพื่อประโยชน์สุขแก่ปัจฉิมชน ผู้เกิดมาภายหลังแล้วจึงเสด็จปรินิพพาน จึงได้น้อมพระทัยไปในอันแสดงธรรมโปรดเวไนยสัตว์ในโลกแล้ว ทรงพิจารณาอีกว่า จะมีผู้รู้ถึงธรรมนั้นบ้างหรือไม่ ก็ทรงทราบถึงอุปนิสัยของบุคคลทั้งหลายในโลกนี้ย่อมมีต่างๆกัน คือทั้งประณีต ปานกลาง และหยาบ ที่มีนิสัยดีมีกิเลสน้อยเบาบาง มีบารมีที่ได้สั่งสมอบรมมาแล้ว ซึ่งพอจะตรัสรู้ธรรมตามพระองค์ได้ก็มีอยู่ ผู้มีอินทรีย์ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิปัญญา กล้าก็มี ผู้มีอินทรีย์อ่อนก็มี เป็นผู้จะพึงสอนให้รู้ได้โดยง่ายก็มี เป็นผู้จะพึงสอนให้รู้ได้โดยยากก็มีเป็นผู้สามารถจะรู้ได้ก็มี เป็นผู้ไม่สามารถจะรู้ได้ก็มี

เปรียบเหมือนดอกบัวที่เกิดในน้ำ เจริญในน้ำ น้ำเลี้ยงอุปถัมภ์ไว้บางเหล่ายังจมอยู่ในน้ำ บางเหล่าอยู่เสมอน้ำ บางเหล่าขึ้นพ้นน้ำแล้ว ในดอกบัว 3 เหล่านั้น ดอกบัวที่ขึ้นพ้นน้ำแล้วนั้นคอยสัมผัสรัศมีพระอาทิตย์อยู่จักบาน ณ เช้าวันนี้ ดอกบัวที่ตั้งอยู่เสมอน้ำ จักบาน ณ วันพรุ่งนี้ดอกบัวที่ยังไม่ขึ้นจากน้ำยังอยู่ภายในน้ำ จักบานในวันต่อๆไป

ดอกบัวที่จะบานมีต่างชนิดฉันใด เวไนยสัตว์ที่จะตรัสรู้ธรรมก็มีต่างกันฉันนั้นเหมือนกัน คือ ผู้มีกิเลสน้อยเบาบาง มีอินทรีย์แก่กล้าเป็นผู้ที่จะพึงสอนให้รู้ได้โดยง่าย และอาจรู้ธรรมพิเศษนั้นได้โดยฉับพลัน ผู้มีคุณสมบัติเช่นนั้นเป็นประมาณปานกลาง เมื่อได้รับอบรมในปฏิปทาอันเป็นบุพพภาค จนมีอุปนิสัยแก่กล้าก็สามารถบรรลุธรรมพิเศษนั้นดุจเดียวกัน ผู้มีคุณสมบัติดังกล่าวแต่ยังอ่อน ก็ยังควรได้รับการแนะนำในธรรมเบื้องต่ำต่อไปก่อนเพื่อบำรุงอุปนิสัย เมื่อเป็นเช่นนี้ พระธรรมเทศนาของพระองค์คงไม่ไร้ผล จักยังประโยชน์ให้สำเร็จแก่คนทุกหมู่เหล่า เว้นแต่จำพวกปทปรมะซึ่งมิใช่เวไนย คือ ไม่รับการแนะนำซึ่งเปรียบด้วยดอกบัวอ่อน อันจะเป็นภักษาหารของปลาและเต่าต่อไป

ครั้นพระพุทธองค์ทรงพิจารณาด้วยพระปรีชาญาณ หยั่งทราบเวไนยสัตว์ผู้จะรับประโยชน์ จากพระธรรมเทศนาแล้วก็ทรงอธิฐานพระหฤทัย ในอันจะแสดงธรรมสั่งสอนเวไนยสัตว์และตั้งพุทะปณิธานจะใคร่ดำรงพระชนม์อยู่ จนกว่าจะได้ประกาศพระพุทธศาสนาให้แพร่หลายประดิษฐานให้มั่นคงสำเร็จประโยชน์แก่ชนนิกรทุกหมู่เหล่าต่อไป
พระพุทธจริยาที่ทรงรำพึงถึงธรรมที่จะแสดงโปรดชนนิกรผู้เป็นเวไนยบุคคลนั้นแลเป็นเหตุให้สร้างพระพุทธรูปที่เรียกว่า “ปางรำพึง”

เจ้าสัวถุงแดง

ขอพรการค้า เจ้าสัวถุงแดง พระบิดาแห่งการค้าขายของไทย

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงมีพระอัจฉริยภาพด้านการค้าขาย ทรงได้รับพระสมัญญานาม (สมญานาม) “เจ้าสัว” จากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 พระราชบิดา พระองค์ทรงเริ่มต้นเส้นทางการค้าขายตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ และเมื่อขึ้นครองราชย์ พระองค์ได้ทรงนำความรู้และประสบการณ์นั้นมาสร้างความรุ่งเรืองให้แก่แผ่นดินไทย นับเป็นยุคที่การคลังของไทยรุ่งโรจน์ถึงขีดสุด

คำบูชาเจ้าสัวถุงแดง

คำบูชารัชกาลที่ 3

(พระบิดาแห่งการค้า เจ้าสัวถุงแดง)

ตั้งนะโม 3 จบ

มะหาเจสะฏา ปะตินโท มะหาราชา สยามะรัฏฐะ
วาสีนะมินโท อะโหสิ กะตาภินี หาโร วิเสโส
ปายะโกวิโท เอกัคคะสาสะนูปัตถัมภะโก
มะหาเตโช มะหาลาโภ สักกาเรนะ อภิปูชะยามิฯ

(ด้วยการกล่าวคำบูชานี้)

ขอบุญบารมี พระเดชานุภาพ ของพระองค์
จงบันดาลดล ให้ลูกหลานและครอบครัว
จงมีความสุข กิจการค้าเจริญรุ่งเรืองตลอดการเทอญ
กราบถวายสักการะ 1 ครั้ง

หากต้องการถุงแดงไว้บูชา พกติดตัว หรือ ตั้งหิ้งพระบูชา ก็สามารถทำบุญและนำถุงแดงกลับไปบูชาได้ค่ะ หากหาไม่เจอ แนะนำให้สอบถามเจ้าหน้าที่หน้าศาลาการเปรียญได้เลยค่ะ

สักการะขอพรการงาน พระปิยมหาราช

พระปิยมหาราช

นอกจากนี้สายข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ที่ต้องการเติบโตในตำแหน่งหน้าที่การงาน สามารถมาสักการะขอพรจากเสด็จพ่อรัชกาลที่ 5 ได้ที่นี่เช่นกันตามวันและเวลาทำการค่ะ

ภายในวัดราชนัดดารามวรวิหารยังมีจุดมูอีกมาก และยังคงความงดงามอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์อีกหลายจุด เหมาะแก่การเก็บเข้าลิสท์เที่ยวชมย่านเมืองเก่ากรุงเทพ UNSEEN เพราะศาลาการเปรียญวัดราชนัดดาได้ปิดมาตลอด เพิ่งจะได้รับการเปิดให้เข้าชมเมื่อไม่กี่ปีมานี่เองค่ะ

ภาพโดย MTHAI TEAM

ที่อยู่ : 2 ถนนมหาไชย แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
Google map : https://maps.app.goo.gl/RqdrhZcuH5WTonKcA
เวลาเปิด – ปิด : 09.00 น. – 17.00 น.

เนื้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

โลหะปราสาท แห่งเดียวของโลกที่ยังเหลืออยู่ ณ วัดราชนัดดารามวรวิหาร
วิหารพระภิกษุณี 52 รูป ขอพรงานสายผู้หญิงให้ราบรื่น ณ วัดเทพธิดาราม
ขอพรการเงิน วัดราชโอรส วัดประจำรัชกาลที่ ๓ วัดสวยย่านฝั่งธน

ดวงตาสวรรค์