ณเดชน์ คูกิมิยะ บีบี เอกนรี ละคร มนต์รักหนองผักกะแยง อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ แดง ธัญญา โบว์ เมลดา

เรื่องย่อละคร มนต์รักหนองผักกะแยง ช่อง 3

EP.13 (ตอนจบ) เขียว ตัดสินใจจะสานต่องานที่ไร่แบ่งฝันปันรัก พยายามง้อขอคืนดีกับ ชมพู่ แต่ชมพู่ไม่แน่ใจว่าเขียวจะมาหลอกเธออีกหรือเปล่า ทุกคนจึงระดมความคิดวางแผนเป็นกามเทพ หาจังหวะยิงลูกศรให้เขียวและชมพู่คืนดีกัน

Home / เรื่องย่อละคร / เรื่องย่อละคร มนต์รักหนองผักกะแยง ช่อง 3

มนต์รักหนองผักกะแยง EP.13 (ตอนจบ)

หลังจากที่เขียว (ณเดชน์) ตัดสินใจ จะสานต่องานที่ไร่แบ่งฝันปันรัก เขียวก็พยายามไปง้อขอคืนดีกับ ชมพู่(โบว์ เมลดา) ให้ชมพู่กลับมาดูแลงานที่ไร่ด้วยกัน แต่ชมพู่ยังคงไม่แน่ใจว่าเขียวจะมาหลอกเธออีกหรือเปล่า จึงไม่ยอมใจอ่อนให้กับเขียวสักที เขียวต้องไปขอให้พ่อและแม่ของชมพู่ช่วยพูดกับชมพู่ด้วยอีกแรง ยายเพียร (น้อย โพธิ์งาม) เรียกประชุม พิลา (ยิ่งยง) พิไล (สรวงสุดา) มานิต (หยอง ลูกหยี) พิกุล (เปิ้ล ชไมพร) สมศักดิ์ (สมจิตร) พร้อมทั้ง ครูริช (แดนนี่) ยอด (เต๋า ภูศิลป์) ครูน้ำฝน (นับตังค์) ส้มแป้น (เปรี้ยว อนุสรา) มาร่วมระดมความคิด วางแผนเป็นกามเทพหาจังหวะยิงลูกศรให้เขียวและชมพู่คืนดีกันให้ได้ เขียวมานั่งฟังความคิดเห็นของทุกคนด้วย แต่ความฝันที่เขาจะได้กลับมาคืนดีกับชมพู่จะเป็นจริงหรือไม่ เขียวยังคงกังวลใจ ครอบครัวของเขียวและชมพู่จะได้มาเป็นทองแผ่นเดียวกันหรือไม่ แผนการของทุกคนจะเป็นอย่างไร อย่าพลาดติดตามชมตอนจบของละคร มนต์รักหนองผักกะแยง

มนต์รักหนองผักกะแยง EP.12

การถ่ายทำโฆษณาของ มอส (ณัชพงศ์พล) ที่ไร่แบ่งฝันปันรักผ่านไปได้ด้วยดี เขียว (ณเดชน์) กำกับงานให้จนเสร็จเรียบร้อย แต่กลับมีเรื่องเข้าใจผิดเมื่อ ยายเพียร (น้อย โพธิ์งาม) มานิต (หยอง ลูกหยี) พิไล (น้ำฝน สรวงสุดา ) พิลา (ยิ่งยง) รวมถึง ชมพู่ (โบว์ เมลดา) ได้ยินมอสคุยกับเขียวเรื่องการขายไร่และกลับไปอยู่กรุงเทพฯ อีกครั้ง ทุกคนโกรธเขียวมาก ยายเพียรเศร้าใจหนัก ผิดหวังในตัวเขียว ชมพู่เองเองก็เสียใจมาก ด้าน ครูน้ำฝน (นับตัง นันท์นภัส) สารภาพกับ ส้มแป้น (เปรี้ยว อนุสรา) ว่าหลงรัก ครูริช (แดนนี่) มานานแล้ว ส้มแป้นให้ครูน้ำฝนสารภาพความจริงกับ ครูริช ก่อนที่เขาจะกลับต่างประเทศและทุกอย่างจะสายเกินไป

มนต์รักหนองผักกะแยง EP.11

ระหว่างที่ความสัมพันธ์ของ เขียว (ณเดชน์) กับ ชมพู่ (โบว์ เมลดา) กำลังไปได้ดี มอส (ณัชพงศ์พล) เพื่อนรักของเขียวก็มาที่บ้านหนองกะแยง ขอร้องให้เขียวช่วยกำกับงานโฆษณาให้ และขอยกทีมมาถ่ายทำที่ไร่แบ่งฝันปันรัก ที่สำคัญ ครั้งนี้ อลิซ (คาลิยา) อดีตคนรักของเขียว ตามมาหาเขียวที่ไร่อีกด้วย ครูริช (แดนนี่) บอกกับชมพู่ว่าเขียวไปช่วยงานมอส ทำให้ไม่สามารถมาช่วยเกี่ยวข้าวได้ ชมพู่แอบเศร้าใจ คิดมากแต่ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง พิลา (ยิ่งยง) เข้าใจผิดคิดว่าเขียวกับอลิซจะกลับมาคืนดีกัน เรื่องราวถูกบอกเล่าต่อๆ กันไปจนรู้ถึงหูของชมพู่ สร้างความกังวลใจให้เธอมากยิ่งขึ้นไปอีก

มนต์รักหนองผักกะแยง EP.8

เขียว (ณเดชน์) ป่วย เพราะโดนพิษของยาฆ่าแมลง ชมพู่ (เมลดา) มาเยี่ยมเขียวที่บ้าน เขียวจึงสารภาพว่านำยาฆ่าแมลงเข้ามาในไร่จริง แต่ยังไม่ได้ใช้กับพืชผัก ชมพู่ให้หมอดินมาตรวจดินในไร่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของเขียว เมื่อความจริงทุกอย่างปรากฏ เขียวจึงกลับเข้าไปทำงานที่ไร่อีกครั้ง เขียวซึ้งใจในความรักที่ทุกคนมีให้แก่ตน เขียวเริ่มกลับมาพูดภาษาอีสานอีกครั้งและความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อชมพู่ก็มีมากขึ้นทุกวัน ชมพู่ให้เขียวผ่านด่านการปลูกแตงกวาในที่สุด อีกด้านหลังจากที่ กระเจี๊ยบ หนีจาก ยอด (เต๋า ภูศิลป์) ไป ส่วนส้มแป้น (เปรี้ยว อนุสรา) ก็เลิกกับสามี ทั้งสองครอบครัวต่างดูแลครอบครัวของกันและกันเป็นอย่างดี ยอดกับส้มแป้นจึงเกิดความรู้สึกที่ดีต่อกัน

มนต์รักหนองผักกะแยง EP.7

ครูริช (แดนนี่) ยังคงแอบหลงรัก ชมพู่ (เมลดา) แต่ไม่กล้าบอก จึงไปปรึกษากับ ครูน้ำฝน (นับตังค์) ยิ่งทำให้ครูน้ำฝนช้ำใจ เพราะแท้ที่จริงแล้ว ตนแอบหลงรักครูริชอยู่ข้างเดียว เขียว (ณเดชน์) ไปนอนเฝ้าที่ไร่แตงกวา ชมพู่ดีใจมากที่เขียวเอาใจใส่เรื่องงานในไร่มากขึ้น ชมพู่กับเขียว ไปเก็บน้ำส้มควันไม้ด้วยกัน มานิต (หยอง ลูกหยี) กับ สมศักดิ์ (สมจิตร) เห็นเด็กทั้งสองเข้ากันได้ดีก็ดีใจ เจ๊ลั้ง (อุ่นเรือน) พยายามเอายาฆ่าแมลงมาขายให้กับชาวบ้านแทนการใช้น้ำส้มควันไม้ แต่ไม่มีใครสนใจเพราะไม่เชื่อใจเจ๊ลั้ง แต่เขียวรู้ไม่เท่าทันเจ๊ลั้ง จึงนำยาฆ่าแมลงกลับไปที่ไร่แบ่งฝันปันรักด้วย

มนต์รักหนองผักกะแยง EP.6

ชมพู่ (โบ เมลดา) บอกกับ เขียว (ณเดชน์) ว่าจะเริ่มการทดสอบด่านที่สาม เริ่มจากการสอนเขียวเรื่องการเตรียมแปลงผัก สำหรับปลูกแตงกวาต่อไป ทั้ง ครูริช (แดนนี่) ส้มแป้น (อนุสรา) ยอด (เต๋า ภูศิลป์) ครูน้ำฝน (นับตังส์) มากันพร้อมที่แปลงผักเพื่อช่วยสอนงานเขียว กระเจี๊ยบ (กมลรัศมิ์) เมียของยอด (เต๋า ภูศิลป์) หนีตามผู้ชายไป ยอดร้องไห้เสียใจ ยายเพียร (น้อย โพธิ์งาม) จึงบอกกับยอดว่าหากวันไหน ต้องเข้าไปทำงานที่ไร่ ให้เอาลูกๆ มาฝากไว้ที่บ้าน จะช่วยเลี้ยงดูให้ มีคนว่าจ้างวงโปงลางให้ไปเล่นที่วัดบ้านดงดอกจิก พิลา (ยิ่งยง) จึงนำทีมเด็กนักเรียนเด็กนักเรียนบ้านหนองกะแยง พร้อมด้วย เขียว ชมพู่ ครูริช ครูน้ำฝน ส้มแป้น ยอด รวมถึง ตะขบ มาย มิ้นท์ ขึ้นเวทีการแสดงอย่างสนุกสนาน

มนต์รักหนองผักกะแยง EP.5

ในเมื่อ เขียว (ณเดชน์) ตัดสินใจจะไปจากบ้านหนองกะแยง ยายเพียร (น้อย โพธิ์งาม) จึงบอกว่าจะยกไร่แบ่งฝันปันรักให้ ชมพู่ (โบว์ เมลดา) ดูแลแทน เมื่อเขียวได้ฟังจึงกลับมาฮึดสู้อีกครั้ง ครูริช (แดนนี่) จึงสอนเขียวเรื่องการเลี้ยงใส้เดือนให้ใหม่ ซึ่งครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดีเพราะความตั้งใจของเขียว รุ่ง (เตชินท์) เอาเงินจากการขายที่ดินไปเล่นพนันจนหมด ประจวบกับที่ตำรวจบุกเข้าทลายบ่อน รุ่งจึงถูกจับไปด้วย ส้มแป้นไปประกันตัวรุ่งแล้วบอกตัดขาดความสัมพันธ์นับแต่นี้เป็นต้นไป รุ่งกินเหล้าเมามาอาละวาดที่ร้านส้มแป้น เขียวเห็นเหตุการณ์เข้าไปช่วยจึงถูกรุ่งทำร้าย ชมพู่เข้าไปช่วยเขียวก็พลอยเจ็บตัวไปด้วย

มนต์รักหนองผักกะแยง EP.4

ชมพู่ (โบ เมลดา) ตั้งใจสอนเรื่องการเลี้ยงไส้เดือนให้กับ เขียว (ณเดชน์) รวมทั้ง ครูริช (แดนนี่) ก็มาเป็นพี่เลี้ยงให้อีกคน แต่สุดท้าย เขียวกลับทำไส้เดือนตาย ชมพู่โกรธมาก ชมพู่ถาม พิกุล (เปิ้ล ชไมพร) ผู้เป็นแม่ เรื่องอดีตคนรักของผู้ใหญ่บ้าน พิลา (ยิ่งยง) แม่จึงเล่าว่ามีคนมาติดพัน พิไล (สรวงสุดา) แต่พิไลไม่ชอบ กลับมาแต่งงานกับ มานิต (หยอง ลูกหยี) ส่วนพิลากลับเป็นคนที่ตกหลุมรักหนุ่มคนนั้นเสียเอง หลังจากที่ล้มเหลวเรื่องด่านการเลี้ยงไส้เดือน เขียวตัดสินใจจะไปจากไร่แบ่งฝันปันรัก เขาบอกกับ ยายเพียร (น้อย โพธิ์งาม) ว่าเขาคงไม่เหมาะกับชีวิตที่นี่ หยอดข้าวก็เป็นลม ประกวดทำบั้งไฟก็แพ้ เลี้ยงไส้เดือนก็ตาย เขียวถอดใจกับชีวิตที่บ้านหนองกะแยงแล้วจริงๆ

มนต์รักหนองผักกะแยง EP.3

เขียว (ณเดชน์) ตัดสินใจบอก น้าพิลา (ยิ่งยง) ว่าจะลงแข่งทำบั้งไฟชิงเงินรางวัลห้าพันบาท มานิต (หยอง ลูกหยี) พ่อของเขียว จึงพาไปเรียนวิธีทำบั้งไฟกับ สมศักดิ์ (สมจิตร) พ่อของ ชมพู่ (เมลดา) โดยมี ครูริช (แดนนี่) ผู้เข้าแข่งขันทำบั้งไฟอีกคน มาเรียนไปพร้อม ๆ กันด้วย เมื่อถึงวันงานประเพณีบั้งไฟของชาวหนองกะแยง ทุกคนต่างไปกันพร้อมหน้า เขียวพกความมั่นใจไปเต็มเปี่ยม ผู้ใหญ่บ้านพิลาเป็นพิธีกรในงาน ยอด (เต๋า ภูศิลป์) อดีตแชมป์เก่าก็ควงคู่มากับภรรยาสุดสวย กระเจี๊ยบ (กมลรัศมิ์) ด้วย ส่วนชมพู่กับ ส้มแป้น (อนุสรา) ก็อยู่ทีมของครูริช โดยเขียวนั้นมีพ่อแม่มาให้กำลังใจพร้อมหน้า ซึ่งผลประกวดออกมาไม่เป็นไปตามคาด เขียวทั้งชวดเงินรางวัลและเสียหน้ามาก

รุ่ง (เตชินท์) เกลี้ยกล่อมให้ ส้มแป้น ขายที่เพื่อเอาเงินมาซ่อมแซมร้าน ถึงแม้ส้มแป้นจะไม่เต็มใจนักแต่สุดท้ายก็ขัดรุ่งไม่ได้ ส่วนยอด ก็เลี้ยงดูลูกอย่างดีทั้งที่ต้องทำไร่ไถนาไปด้วย โดยที่กระเจี๊ยบไม่สนใจเรื่องของครอบครัวเท่าใดนัก หลังจากที่เขียวผ่านด่านทดสอบด่านแรกไปแล้ว ชมพู่ก็ให้เขียวปฎิบัติภารกิจด่านที่สองต่อไป คือการเลี้ยงไส้เดือน ชมพู่ให้เขียวไปเก็บขี้วัวกับครูริชที่ฟาร์ม ห่างไกลจากหมู่บ้านหนองกะแยงเพื่อมาเลี้ยงไส้เดือน กว่าจะถึงฟาร์มวัวก็ใช้เวลานับชั่วโมง เขียวบ่นไปตลอดทาง ซ้ำร้ายพอเก็บขี้วัวเสร็จ รถเกิดมาเสีย ทำให้ทั้งคู่ต้องกางเต้นท์นอนที่ฟาร์มวัวด้วยกัน

มนต์รักหนองผักกะแยง EP.2

ยายเพียร (น้อย โพธิ์งาม) บอกความจริงกับเขียว (ณเดชน์) ว่าคนที่มาเช่าที่ทำไร่แบ่งฝันปันรักก็คือ ชมพู่ (เมลดา) ลูกของ สมศักดิ์ (สมจิตร) และ พิกุล (ชไมพร) สิ่งที่ได้แทนค่าเช่าก็คือ ผัก ผลไม้ ไข่ไก่ ที่ทำให้ยายเพียร มีไว้กินตลอดปี ซ้ำยังเหลือเอาไว้ทำบุญอีกด้วย แต่เขียวไม่เห็นด้วย เขาอยากได้เป็นเงินมากกว่า เขียวมีโอกาสได้พบกับชมพู่จึงเสนอตัวเป็นนายทุนให้ชมพู่เปิดร้านกาแฟและเบเกอรี่ แทน ที่หมู่บ้านหนอกกะแยง มีงานบุญพิธีสรงน้ำพระ เขียวยังคงตามไปเกลี้ยกล่อมชมพู่ถึงวัดแต่ชมพู่ไม่สนใจ กลับไปก่อกองทรายกับ ครูริช (แดนนี่) ด้วยกันแทน ส้มแป้นจึงบอกกับเขียวว่าครูริชกำลังจีบชมพู่

ชมพู่มาหาเขียวที่บ้านเพื่อคุยเรื่องไร่แบ่งฝันปันรัก พอดียายเพียรได้ยินเข้าเขียวจึงรีบตัดบทบอกกับยายว่าตนเองจะทำไร่ด้วยตัวเอง ยายเพียรจึงบอกให้เขียวไปลองทำงานที่ไร่กับชมพู่สักหนึ่งปีก่อน จะได้เข้าใจการทำงานในไร่ เข้าใจเรื่องไร่อินทรีย์มากยิ่งขึ้น ชมพู่จึงตั้งข้อแม้กับเขียวว่าเขาต้องทำงาน 7 เดือน 7 ด่าน ให้ผ่าน ถ้าทำได้ชมพู่จะยกเลิกการทำไร่แบ่งฝันปันรักแล้วคืนที่ดินให้ ด่านแรกที่เขียวจะต้องเรียนรู้กับชมพู่ และพร้อมๆ กับชาวบ้านคือเรื่องการทำนาหยอด ทั้งชมพู่ ครูริช ส้มแป้น (อนุสรา) ครูน้ำฝน (นับตังค์) มาเป็นอาสาสมัคร อธิบายการทำนาหยอดให้ชาวบ้านได้รับรู้ เขียวไม่ค่อยตั้งใจทำงานมากนักจนครูริชต้องเข้ามาเตือน เขียวผ่านงานวันแรกๆ ไปได้ แต่พอหลายวันเข้าร่างกายก็เริ่มล้าแต่ยังไม่ยอมแพ้ จนเขียวเป็นลมล้มหมดสติไป ชมพู่ต้องเข้ามาช่วยไว้

มนต์รักหนองผักกะแยง EP.1

ธรากร หรือ เขียว (ณเดชน์) เด็กหนุ่มเลือดอีสานที่จากบ้านไปศึกษาเล่าเรียนที่กรุงเทพฯ จนเรียนจบ เขียวได้นั่งแท่นเป็นผู้กำกับละครดัง โดยมี มอส (ณัชพงศ์พล) เพื่อนรักคอยช่วยเหลือใกล้ชิด เขียวขยันขันแข็ง อดหลับอดนอนรับงานอย่างต่อเนื่อง เก็บหอมรอบริบ จนสามารถซื้อคอนโดหรู หวังจะใช้เป็นเรือนหอ กับ อลิซ (คาลิยา) นักแสดงสาวเจ้าบทบาท ความฝันของเขียวพังลงทันทีหลังจากที่เขาโอนกรรมสิทธิ์คอนโดให้เป็นชื่อของอลิซ วันรุ่งขึ้นเธอหอบโฉนดหนีจากเขาไป พร้อมประกาศงานหมั้นสายฟ้าแลบกับนักแสดงหนุ่ม เขียวเจ็บช้ำใจอย่างหนัก

ทางด้านหมู่บ้านหนองกะแยง ชมพู่ (เมลดา) ลูกของ สมศักดิ์ (สมจิตร) และ พิกุล (ชไมพร) ก็ขยันขันแข็ง เอาการเอางาน ทำไร่ทำสวนอย่างไม่หยุดหย่อน เป็นที่รักของทุกคนในหมู่บ้าน และเป็นที่พึ่งให้กับพ่อแม่ ที่สำคัญชมพู่มี ครูริช (แดนนี่) ครูอาสาสมัครจากอเมริกา มาช่วยงานที่ไร่เสมอ ส่วนครอบครัวของ ยายเพียร (น้อย โพธิ์งาม) ก็มีความรักความอบอุ่นให้กันเสมอ ทั้ง มานิต (หยอง ลูกหยี) พิไล (สรวงสุดา) พิลา (ยิ่งยง) ต่างดูแลยายเพียรเป็นอย่างดี แล้ววันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เขียวเดินทางกลับมาที่บ้านหนองกะแยง ยายเพียรขอแรงชมพู่ให้ขับรถไปรับเขียวที่หน้าปากทางหมู่บ้าน เธอปิดหน้าปิดตาจนเขียวจำเพื่อนเก่าอย่างชมพู่ไม่ได้

วันรุ่งขึ้นมีงานบุญที่หมู่บ้าน ชาวบ้านต่างมาต่างมารำฟ้อนแห่ผ้าผะเหวดกันอย่างสนุกสนาน เขียวจนใจไปนั่งฟังเทศน์ในวันต่อมาร่วมกับครอบครัวและชาวบ้านทุกคนด้วย เขียวเห็นป้ายที่หน้าไร่เขียนชื่อว่า ไร่แบ่งฝันปันรัก มีทั้งสวนกล้วย เล้าไก่ โรงเรือนเลี้ยงไส้เดือน พร้อมด้วยการปลูกข้าวและพืชผักมากมาย เขียวเริ่มเกิดความคิด หากเขาขายที่นาของครอบครัวได้ จะเอาเงินกลับไปตั้งตัวที่กรุงเทพฯ อีกสักครั้ง

เปิดโปรแกรมละคร มนต์รักหนองผักกะแยง

มนต์รักหนองผักกะแยง บทประพันธ์ชนะเลิศจากการประกวดของกระทรวงวัฒนธรรมและได้รับการถ่ายทอดออกมาเป็นละครทางหน้าจอ ผลิตโดย บีบี เอกนรี วชิรบรรจง ทายาท อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ และ แดง ธัญญา วชิรบรรจง ซึ่งเรื่องนี้ บีบี นั่งแท่นเป็นผู้จัดละครเรื่องแรก ผลิตในนามบริษัท ดูเอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ได้นักแสดงนำแม่เหล็กอย่างพระเอกซุปตาร์ ณเดชน์ คูกิมิยะ ประกบคู่กับนางเอกหน้าหวาน โบว์ เมลดา ที่ประเดิมละครเรื่องแรกกับทาง ช่อง 3 พร้อมด้วยนักแสดงอีกคับคั่ง

เรื่องราวละครบอกเล่าถึงความเป็นไปของพระเอกซึ่งมาเรียนจนเติบใหญ่ได้ทำงานในกรุงเทพฯ แต่แล้วชีวิตพลิกผัน พบกับเรื่องที่ไม่คาดคิด ทำให้ความหวังในชีวิตพังทลาย ต้องซมซานกลับบ้านหนองกะแยงแบบสิ้นหวัง เมื่อเขาได้กลับมาพบกับครอบครัว เรื่องราวในอดีต ความอบอุ่นในชุมชนของหนองกะแยง ประเพณีดั้งเดิมต่างๆ ของชาวอีสาน ได้เรียนรู การใช้ชีวิตแบบวิถีเกษตรกรรม เรียบง่ายแต่ยั่งยืน ทำให้พระเอกหลงรักในวิถีชีวิตอันเรียบง่ายและเกิดเรื่องราวมากมาย รวมถึงความรักที่เติบโตขึ้น ละครเรื่องนี้ถ่ายทอดหลักเศรษฐกิจพอเพียงและการทำเกษตรอินทรีย์ ตัวละครถ่ายทอดความรู้สึกว่าหากท้อแท้หมดหนทาง อยากให้ทุกคนกลับบ้าน

เรื่องย่อ มนต์รักหนองผักกะแยง

บ้านหนองกะแยง เป็นหมู่บ้านขนาดย่อมอยู่ในภาคอีสาน ในหมู่บ้านมีหนองน้ำหลายหนองกระจายอยู่รอบหมู่บ้าน มีผักกะแยงรสเผ็ดกลิ่นร้อนแรงผักโปรดของชาวอีสานบ้านเฮาที่ขึ้นอยู่ริมหนองให้ชาวบ้านได้เก็บไปแกงตลอดปี ทำให้เป็นที่มาของชื่อหมู่บ้าน ธรากร หรือ เขียว มีคู่หูคู่ปรับอยู่ข้างบ้านชื่อ ชมพู่ ทั้งสองเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก แต่พอโตขึ้นเขียวย้ายไปเรียนที่กรุงเทพฯ ทำให้ทั้งสองต้องแยกจากกัน จากที่เคยเป็นนักเรียนยอดนิยม นักกีฬาตัวเด่น เขียวกลายเป็นไอ้บ้านนอก ไอ้ลาวเด็กอีสาน พูดไทยไม่ชัดโดนเพื่อนร่วมชั้นนอกชั้นกลั่นแกล้งสารพัด กลายเป็นตัวตลกในโรงเรียน เขียวสติแตกโทษว่าเป็นความผิดยายที่เป็นคนอีสาน ทำให้ตัวเองต้องโดนเพื่อนแกล้งไม่มีใครยอมรับแบบนี้ ประกาศกร้าวว่าจะไม่กลับไปบ้านหนองกะแยงอีก ยายเพียร เสียใจมากแต่ไม่โกรธโทษหลานรัก ตรงกันข้ามกลับเป็นห่วงหลานอย่างสุดหัวใจ เขียวฝึกพูดภาษาไทยจนชัดโดยที่ไม่มีสำเนียงอีสาน ได้กลับมาเป็นหนุ่มป๊อปปูล่าร์อีกครั้ง มันคือชีวิตที่เริ่ดเลอเพอร์เฟคของหนุ่มวัยรุ่น

ชมพู่ จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สอบติดคณะเกษตรที่มหาวิทยาลัยประจำจังหวัด ส่วนเขียวได้เข้าเรียนคณะนิเทศศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพฯ วันรับปริญญาของเขียว ชมพู่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาแสดงความยินดี แต่เขาทำเมินดูถูกว่าชมพู่เป็นเด็กบ้านนอกไม่ได้สนิทกัน ชมพู่โกรธและเสียใจมาก เมื่อเรียนจบชมพู่ได้งานเป็นเจ้าหน้าที่เกษตรประจำจังหวัดและภายหลังตัดสินใจลาออกมาลงมือทำไร่แบ่งฝันปันรัก ไร่อินทรีย์สอนและช่วยเหลือชาวบ้านหนองกะแยง ดูแลพ่อและแม่อย่างมีความสุข ส่วนเขียวเมื่อเรียนจบ ก็ได้งานเป็นผู้กำกับละครตั้งแต่อายุยังน้อย ได้แฟนชื่อ อลิซ เป็นนางร้ายซึ่งเขียวรักมากหลงมาก รับงานที่ผ่านเข้ามาทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อผ่อนคอนโดหลักหลายล้านที่ทำสัญญาซื้อในชื่อของอลิซ ตั้งใจจะใช้เป็นเรือนหอและใช้สู่ขอแฟนสาว ระหว่างที่เขียวกำลังฝันหวานอลิซก็นำโฉนดไปแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ อลิซประกาศแต่งงานกับชายอื่นแบบสายฟ้าแล่บ เขียวช็อกแทบบ้า เงินไม่เหลือ ติดต่ออลิซไม่ได้ สุดท้ายเขียวจึงจำใจกลับบ้านหนองกะแยงในที่สุด

เขียวมาถึงบ้านหนองกะแยงวันงานบุญของหมู่บ้าน โดยมีชมพู่ขับรถมารับ ปิดหน้าปิดตาจนเขียวจำไม่ได้ ที่สำคัญกว่าจะกลับถึงบ้านก็ต้องพบกับเรื่องราวมากมายเกินบรรยายจนเขียวถึงกับร้องไห้ออกมา ทั้ง ยายเพียร มานิต พิไล น้าพิลา ต่างดีใจที่เขียวกลับมาบ้าน แต่เขียวกลับมองว่าหากวันหนึ่งเขาขายที่ดินซึ่งเป็นสมบัติของครอบครัวได้เมื่อไหร่ จะหอบเงินกลับไปตั้งหลักที่กรุงเทพฯ ให้ได้ ชมพู่มาเช่าที่ดินของยายเพียรเพื่อทำไร่เกษตรอินทรีย์มีชื่อว่า ไร่แบ่งฝันปันรัก ไร่อินทรีย์แห่งนี้มีการจัดสรรพื้นที่ให้มีการทำนา ปลูกผักหมุนเวียน ปลูกผลไม้หลายชนิดที่ผลัดกันออกผลผลิตครบทุกฤดู เลี้ยงไก่อินทรีย์ เลี้ยงไส้เดือน ใช้ปุ๋ยมูลสัตว์ ปุ๋ยหมักเศษอาหาร และน้ำหมักชีวภาพ ไร่นี้ไม่มีลูกจ้าง อาศัยแรงงานอาสาสมัครชาวบ้าน ครูและนักเรียน มีการตอบแทนแรงงานด้วยตะกร้าอาหาร ผลผลิตจากไร่ อาสาสมัครตัวหลักประจำไร่คือ ครูริช ครูอาสาชาวอเมริกัน สอนภาษาอังกฤษ ณ รร.บ้านหนองกะแยง หนุ่มรูปหล่อนิสัยดี เป็นคนติดดินพูดอีสานได้ ชอบวัฒนธรรมและอาหารอีสาน แถมยังชอบสาวอีสานที่ชื่อชมพู่อีกด้วย

ชมพู่ เปิดตัวว่าเป็นเจ้าของโครงการไร่ เขียวเจรจาขอให้เธอยกเลิกสัญญา ชมพู่จึงมีข้อแม้ให้เขียวเรียนรู้เรื่องการทำเกษตรจนครบทุกด่านเสียก่อน แล้วเธอจะยอมคืนไร่แบ่งฝันปันรักให้ การกลับมาครั้งนี้เขียวได้พบกับเพื่อนเก่าอย่างยอดและส้มแป้น ซึ่งตอนนี้ยอด กลายเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวหลังจากที่กระเจี๊ยบเมียของเขาทิ้งไปมีสามีใหม่ ส่วนส้มแป้นก็เปิดร้านขายส้มตำเลี้ยงดูลูกสาวฝาแฝดสองคน เพราะสามีเอาแต่กินเหล้าและติดการพนันจนต้องแยกทางกัน ถึงแม้เขียวจะไม่เต็มใจทำงานในไร่นัก แต่กาลเวลาก็ทำให้เขาเกิดความรักความผูกพันกับบ้านเกิดอีกครั้ง ความสัมพันธ์อันเอื้อเฟื้อมีจิตใจอันงดงามของผู้คนที่บ้านหนองผักกะแยง ทำให้เขียวเริ่มเปลี่ยนไป เขียวเริ่มเรียนรู้วิถีชีวิตที่แท้จริงทั้งเรื่องการทำนาข้าวอินทรีย์ การเลี้ยงใส้เดือน การปลูกผักอินทรีย์ การทำน้ำส้มควันไม้ การเลี้ยงไก่อารมณ์ดี การทำน้ำหมักหลากสูตร อีกทั้งประเพณีของชาวอีสานอีกต่างๆ มากมาย ที่แสดงถึงความรักสามัคคีที่มีต่อกัน จากคนที่ไม่อยากพูดภาษาอีสาน เขียวกลับมาพูดภาษาอีสานอีกครั้งอย่างภาคภูมิใจ

ส่วน ครูริช ยังคงหลงรักชมพู่โดยไม่ได้หันไปมอง ครูน้ำฝน เลยว่าเธอเองก็รักและหวังดีต่อครูริชเช่นเดียวกัน เขียวเริ่มตัดใจจากคนรักเก่าได้แล้ว และเริ่มรู้ตัวว่าหลงรักชมพู่ ทั้งพิลา พิไล ยายน้อย มานิต สมศักดิ์ ต่างเชียร์ให้ชมพู่และเขียวรักกัน เขียวเห็นว่าชมพู่สนิทสนมกับครูริชมากก็ลังเลและนึกน้อยใจ โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าชมพู่นั้นรักเขียวมาตั้งแต่วัยเด็ก และหัวใจของเธอก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง รอคอยวันที่เขียวจะกลับมาที่บ้านหนองกะแยงอีกครั้ง ครูริชได้รับรู้หัวใจของชมพู่ในที่สุดว่าทั้งสี่ห้องของเธอมีแต่เขียวเพียงคนเดียวเท่านั้น ครูน้ำฝนปลอบใจครูริชจนทำให้ครูริชใจอ่อนยอมเปิดใจให้กับครูน้ำฝน ส่วนยอดและส้มแป้นก็มาช่วยงานที่ไร่แบ่งฝันปันรักเสมอ หัวใจที่เคยอ้างว้างผิดหวังของทั้งสองคนต่างเติมเต็มซึ่งกันและกัน ทำให้ทั้งสองครอบครัวหล่อหลอมหัวใจเป็นหนึ่งเดียว
รวงข้าวในนาเริ่มตั้งท้อง มองไกลๆ เห็นเมล็ดข้าวสีเขียว สีเหลืองอ่อน สลับกับสีทองระยิบระยับ

แล้ววันหนึ่ง มอส ก็ยกกองถ่ายทำมาที่บ้านหนองกะแยงโดยมีอลิซมาด้วย อลิซเลิกกับสามีแล้วและตามกลับมาขอคืนดีกับเขียว เขียวสับสนว่าจะเลือกทางไหน ส่วนชมพู่ร้องไห้เสียใจ ยิ่งเมื่อยายเพียรและครอบครัวรู้ความจริงว่าเขียวจะขายที่ ทำให้ทุกคนผิดหวังเสียใจมาก ชมพู่คืนสัญญาการเช่าไร่แบ่งฝันปันรักให้แล้วเดินจากเขียวไปแบบหัวใจสลาย สุดท้ายเขียวจะทำเช่นไร เขาจะเลือกกลับไปใช้ชีวิตหรูหราที่กรุงเทพฯ กับคนรักเก่า หรือจะใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหนองกะแยง ที่ไร่แบ่งฝันปันรักแห่งนี้ ติดตามได้ในละคร มนต์รักหนองผักกะแยง ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ หลังข่าวภาคค่ำ ทางช่อง 3 เริ่มตอนแรกวันศุกร์ 14 พ.ค. 2564

ตัวละคร มนต์รักหนองผักกะแยง

  • ธรากร พันธุ์วิเศษ / บักเขียว : ชายหนุ่มวัย 29 หน้าตาดี ลูกชายคนเดียวของ แม่พิไล และ ครูมานิต หลานชายคนแรกคนเดียวของ ยายเพียร เติบโตมาในครอบครัวที่เทความรักให้เต็มร้อย อยากได้อะไรไม่ค่อยมีใครขัดใจ ตอนเกิดตัวดำมากจนออกเป็นสีเขียวจึงได้ชื่อเล่นว่าเขียว ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านหนองกะแยง สมัยเด็กเคยเป็นคู่หูคู่กัดของ ชมพู่ ธรากรเป็นคนเรียนดีกีฬาเด่น ครอบครัวมีเหตุต้องย้ายเข้ากรุงเทพฯ ธรากรจึงได้มาเรียนในกรุงเทพฯ ด้วยสำเนียงอีสานที่ติดตัว โดนเด็กกรุงเทพฯ แกล้งสารพัด ชีวิตวัยรุ่น ต้องเจอมรสุมหนัก เขาโทษว่าเป็นความผิดยายที่เป็นคนอีสาน เกลียดความเป็นอีสาน
  • ชมพู่ แสนบุญมี : สาวอีสานบ้านหนองผักกะแยง เกิดและโตที่นี่ อายุ 29 ปี หน้าตาน่ารัก ผิวแทนแบบสาวไทยแท้ สวยธรรมชาติ ไม่แต่งหน้าแต่งตัว เป็นคนตรงๆ ปากและใจตรงกัน เป็นที่เลื่องลือในหมู่บ้านถึงความไม่ยอมใคร มีฐานะปานกลาง รักพ่อและแม่มาก จริงใจซื่อสัตย์ ไม่ซับซ้อนแต่มั่นคง และหยิ่งทะนงสุดๆ รักใครรักนาน เกลียดใครก็เกลียดนาน ไม่เปิดใจให้ใครง่ายๆ เป็นคู่หูคู่กัดกับธรากรตั้งแต่เด็ก เลิกเป็นเพื่อนกับธรากรเพราะโดนเขาดูถูก
  • ริช สมิท : ครูอาสาสมัครชาวอเมริกัน สอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนบ้านหนองผักกะแยง อายุ 33 รูปหล่อ สูงโปร่ง หุ่นดีใจดี เด็กๆและชาวบ้านเรียก คูลิด เป็นคนเรื่อยๆ ไม่ทะเยอทะยาน รักความสงบและเรียบง่าย มีความรู้ด้านการเกษตรอินทรีย์และ Permaculture (การออกแบบวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์ ใช้ทรัพยากรแต่น้อยเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและหมุนเวียนในธรรมชาติได้) สมัยเด็กเติบโตมากับแม่เลี้ยงคนอีสาน ทำให้พูดอีสานได้ รักในความเป็นอีสานหลงรักในรสชาติอาหาร ประเพณีและวัฒนธรรม อีสาน รวมไปถึงสาวอีสาน
  • ยายเพียร นามดี : ยายของธรากร แม่ของพิไลและพิลา วัย 74 รักครอบครัว รักหลานมาก สามีชื่อ นายอินทร์ ที่เสียชีวิตในสงครามสู้รบกับคอมมิวนิสต์เมื่อปี พ.ศ. 2518 จึงได้รับเงินบำนาญตลอดชีวิต ยายเพียรมีความแกร่งทั้งใจและกายเพราะต้องเลี้ยงลูกทั้งสองด้วยตัวเอง สมัยเป็นแม่หม้ายใหม่ๆ ได้รับการช่วยเหลืออย่างเต็มที่จากบรรดาญาติๆ และชาวบ้านหนองผักกะแยง ทำให้ยายเพียร ซาบซึ้งใจมาก จึงชอบช่วยเหลือคนอื่น มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ทุกคน
  • พิลา นามดี : ลูกชายคนเล็กของยายเพียร น้องชายพิไล น้าชายของธรากร อายุ 45 ปี อาชีพหลักเป็นผู้ใหญ่บ้านสายฮาขาแดนซ์ ประจำบ้านหนองกะแยง ทำงานดี เป็นที่รักของลูกบ้าน งานถนัดและชอบมากคือเป็นดีเจช่วงเช้าเย็น ได้เปิดเพลงเป็นโฆษกประกาศข่าวสารบ้านเมือง บอกเล่าเก้าสิบให้แก่ชาวบ้าน มีเพลงประจำตัวคือเพลง อีสานบ้านเฮา มีนิสัยชอบช่วยเหลือผู้อื่นเหมือนแม่
  • ครูน้ำฝน โพนภาคภูมิ : ครูภาษาไทยโรงเรียนบ้านหนองกะแยง เพื่อนสมัยเด็กของชมพู่ ธรากร ยอด และ ส้มแป้น ครูน้ำฝนเกิดและเติบโตที่บ้านหนองกะแยง เรียนจบแล้วกลับมาทำงานที่โรงเรียนบ้านหนองกะแยง พ่อและแม่ย้ายไปอยู่กับพี่ชายพี่สะใภ้เพื่อช่วยเลี้ยงหลานในเมือง เป็นคุณครูหน้าสวยรูปร่างดี อดีตนางนพมาศหลายสมัย มีนิสัยอ่อนหวานเรียบร้อย มารยาทงามใจดี แต่มีความเข้มงวดกับนักเรียน เพราะต้องการให้เด็กๆ เติบโตอย่างมีคุณภาพ เป็นครูที่ทำเพื่อเด็กๆ ช่วยเหลือและดูแลนักเรียนเป็นอย่างดี มีความเป็นแม่พิมพ์ของชาติสูง แอบหลงรักครูริช
  • ยอดชาย โคตรสี : อายุ 29 ผิวเข้ม ขยัน แข็งแรงจิตใจดี นิสัยดี ยอมคน ไม่ชอบมีเรื่องหรือหาเรื่องใคร การศึกษาระดับ ปวช. ช่างยนต์ อาชีพขับรถไถ รถปั่นดิน รถสีข้าว ขับได้ซ่อมได้ ยอดเป็นเพื่อนสมัยเด็กของธรากร ชมพู่ ส้มแป้น และ ครูน้ำฝน เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวลูกสอง น้องโต๋และกระต่าย ยอดเป็นเพื่อนที่คอยให้ความช่วยเหลือช่วงที่ธรากรกลับมาทำไร่
  • ส้มแป้น นาบัว : เพื่อนสมัยเด็กของชมพู่ วัย 29 เป็นคนแรง ปากจัด ถึงจะไม่เริ่มก่อนแต่ก็ไม่ยอมใคร ด่าได้ตบได้สไตล์แม่ค้า แต่จิตใจดีงาม แม้จะผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชน เลิกกับอ้ายรุ่ง สามีขี้เกียจ ขี้เหล้า เมายา ติดการพนัน ส้มแป้นเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวสายสตรองที่จบแค่ ม.3 มีลูกสาวฝาแฝด น้องมายและน้องมินท์ เคยทำงานโรงงานแต่พอมีลูกก็ตัดสินใจเปิดร้านส้มตำไก่ย่าง อาหารอีสานรสแซ่บ
  • อลิซ เทเลอร์ : นางร้ายลูกครึ่งหน้าสวยหุ่นแซ่บ อายุ 25 แฟนธรากร มารยาหลายร้อยเล่มเกวียน คบซ้อน หลอกให้ธรากรโอนคอนโดให้เพื่อเป็นสินสอด พอได้คอนโดแล้วประกาศหมั้นสายฟ้าแล่บกับแฟนหนุ่ม แต่สุดท้ายก็ต้องแยกทางกัน และหาทางมาคืนดีกับเขียวในที่สุด
  • มอส ศราวุธ : หนุ่มตี๋วัย 29 เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยของธรากร รักเพื่อน จริงใจกับธรากร ทำงานอยู่ทีมกำกับละครเดียวกัน เคยเห็นสภาพธรากรตอนที่ถูกอลิซทิ้ง แนะให้ธรากรขายที่ดินแล้วขนเงินกลับกรุงเทพฯ มาเปิดบริษัททำละครเอง
  • พิไล พันธุ์วิเศษ : แม่ของธรากร อายุ 56 เป็นแม่บ้านที่ดูแล ปรนนิบัติสามี ลูก น้องชาย และ ยายเพียร เป็นอย่างดี ใจเย็นมาก รักครอบครัว แต่ข่มผัวได้ถ้าจำเป็น ชอบช่วยงานบุญของบ้านหนองกะแยงเป็นประจำ แม่บ้านแม่เรือนตัวอย่าง ทำกับข้าวอร่อย เย็บปักถักร้อยได้ งานฝีมือ แฮนด์เมดลายอีสาน เป็นเพื่อนสนิทของครูพิกุล แม่ของชมพู่

นักแสดง

  • ณเดชน์ คูกิมิยะ
  • โบว์ เมลดา
  • น้อย โพธิ์งาม
  • แดนนี่ ลูเซียโน่
  • นับตังค์ นันท์ณภัส
  • เต๋า ภูศิลป์
  • อนุสรา วันทองทักษ์

บทประพันธ์/บทโทรทัศน์

  • ช.เรเชล

กำกับการแสดง

  • พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง

ผลิตโดย / ควบคุมการผลิต

  • บริษัท ดูเอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด / เอกนรี วชิรบรรจง

ออกอากาศ

  • วันศุกร์-วันอาทิตย์ เวลา 20.20 น. ทางช่อง 3