เที่ยวมะละกา เที่ยวมาเลเซีย

เที่ยวเมืองท่าสุดคูล ตามรอยประวัติศาสตร์ แห่งมรดกโลก ใน มะละกา

มะละกา เมืองเล็กๆที่แฝงไปด้วยมนต์เสน่ห์ความหลากหลายทางวัฒนธรรม เป็นอีกหนึ่งรัฐน่าท่องเที่ยวของมาเลเซีย ในอดีต มะละกา คือ เมืองท่าเก่าแก่ แห่งเกาะสุมาตรา เส้นทางเดินเรือสำคัญทางการค้าระหว่าง จีน สิงคโปร์ อินเดีย และฝั่งยุโรป หรือที่เราเคยได้ยินว่า “ช่องแคบมะละกา”…

Home / TRAVEL / เที่ยวเมืองท่าสุดคูล ตามรอยประวัติศาสตร์ แห่งมรดกโลก ใน มะละกา

มะละกา เมืองเล็กๆที่แฝงไปด้วยมนต์เสน่ห์ความหลากหลายทางวัฒนธรรม เป็นอีกหนึ่งรัฐน่าท่องเที่ยวของมาเลเซีย ในอดีต มะละกา คือ เมืองท่าเก่าแก่ แห่งเกาะสุมาตรา เส้นทางเดินเรือสำคัญทางการค้าระหว่าง จีน สิงคโปร์ อินเดีย และฝั่งยุโรป หรือที่เราเคยได้ยินว่า “ช่องแคบมะละกา” นั่นเอง

เที่ยวเมืองท่าสุดคูล ตามรอยประวัติศาสตร์ แห่งมรดกโลก ใน มะละกา

ซึ่งครั้งหนึ่งในอดีต มะละกาได้ตกเป็นอาณานิคมของโปรตุเกส อาณาจักรดัตช์หรือเนเธอร์แลนด์ และประเทศอังกฤษ ทำให้มะละกา กลายเป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม หลังจากมะละกาประกาศตนเป็น

อิสระจากอังกฤษ ช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 มะละกาจึงถูกจัดตั้งให้เป็นรัฐหนึ่งของประเทศมาเลเซีย ทว่ายังคงทิ้งร่องรอยหลักฐานทางวัฒนธรรมในอดีตไว้มากมาย ทำให้สถาปัตยกรรมสิ่งปลูกสร้างและบ้านเรือนต่างๆของมะละกา มีกลิ่นอายความเป็นเอเชียและตะวันตกแฝงอยู่ในทุกที่ ตึกรามบ้านช่องส่วนใหญ่ของที่นี่จึงเป็นสไตล์ชิโน-โปรตุกีส เรียงรายตามตรอกซอกซอยและตลอดสองข้างทางของแม่น้ำมะละกา ความงดงามทางสถาปัตยกรรมอันเป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์โดดเด่นของมะละกา และได้ถูกจัดให้เป็น ‘เมืองมรดกโลก’ (World Heritage Site) จากองค์การยูเนสโกใน ค.ศ. 2008

อีกทั้งที่นี่ ยังเป็นเมืองทางประวัติศาสตร์ ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างให้ความสนใจมาเยือน และเราได้รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจเอาไว้ ให้ทุกท่านได้มาตามรอยกันค่ะ ถ้าพร้อมแล้ว เราตีตั๋วท่องเมืองท่าสุดคูลกันเลย

1.ป้อมปราการ เอ ฟาโมซา (A Famosa)

1.ป้อมปราการ เอ ฟาโมซา (A Famosa)

ป้อมปราการ เอ ฟาโมซา (A Famosa) สร้างขึ้นช่วง ค.ศ. 1511-1641 โดยนายพล Alfonso de Albuquerque เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางการรบกับประเทศมหาอำนาจ มีกำแพงหนา 3 เมตร มีหอสังเกตการณ์ สูง 40 เมตร เพื่อป้องกันการบุกรุกของข้าศึกในสมัยนั้น ภายในป้อมปราการ มีห้องพัก ห้องเก็บเสบียงต่างๆ ห้องสำหรับประชุม และโบสถ์อีก 5 หลัง ปัจจุบัน ป้อมปราการ เอ ฟาโมซา (A Famosa) หลงเหลือแต่เพียงซากปรักหักพัง แต่ยังคงมีกลิ่นอายของศิลปะแบบโปรตุเกสไว้ มีปืนใหญ่สัญลักษณ์สำคัญ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมาเก็บภาพคู่กับปืนใหญ่ ซึ่งถือเป็นร่องรอยทางประวัติศาสตร์ในยุคนั้น

1.ป้อมปราการ เอ ฟาโมซา (A Famosa)

พิกัด : ป้อมปราการ เอ ฟาโมซา
ที่อยู่ : Jln Parameswara, Banda Hilir, 78000 Alor Gajah, Melaka, Malaysia
เวลา เปิด-ปิด : เปิดทุกวันไม่มีเวลาหยุด สามารถไปถ่ายภาพเที่ยวชมได้ตลอด 24 ชม.

2.พิพิธภัณฑ์มาริไทม์ มะละกา (Maritime Museum of Melaka)

2.พิพิธภัณฑ์มาริไทม์ มะละกา (Maritime Museum of Melaka)

พิพิธภัณฑ์มาริไทม์ มะละกา หรือ Flora de Lamar อีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์กที่ทุกคนต้องมา พิพิธภัณฑ์มาริไทม์ มะละกา ตั้งอยู่ไม่ไกลจากจัตุรัสแดง สามารถเดินเท้ามาได้ ลักษณะของพิพิธภัณฑ์มาริไทม์ เป็นเรือสำเภาขนาดใหญ่ของชาวโปรตุเกส ที่ในอดีตจมอยู่บริเวณชายฝั่งของเมืองมะละกา ตัวเรือมีขนาดกว้าง 8 เมตร สูง 34 เมตร และยาว 36 เมตร ต่อมาได้ถูกยกขึ้นและบูรณะปรับปรุงใหม่ ให้เป็นตัวอาคารที่มีความแข็งแรงอยู่ด้านในของเรือสำเภา และจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเดินเรือของมะละกา รวมทั้งประวัติศาสตร์ของเมืองมะละกาด้วย ใครที่ชอบศึกษาข้อมูลความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ของมะลากา ที่นี่ตอบโจทย์แน่นอนค่ะ
พิกัด : พิพิธภัณฑ์มาริไทม์ มะละกา (Maritime Museum of Melaka)
ที่อยู่ : Jln Merdeka, Banda Hilir, 75000 Melaka, Malaysia
เวลา เปิด-ปิด : วันอังคาร-วันอาทิตย์ 09.00-17.00 น.
ปิดทุกวันจันทร์

3. โบสถ์เซนต์ฟรานซิส ซาเวียร์ (St. Francis Xavier’s Church Melaka)

3. โบสถ์เซนต์ฟรานซิส ซาเวียร์ (St. Francis Xavier’s Church Melaka)

โบสถ์เซนต์ฟรานซิส ซาเวียร์ (St. Francis Xavier’s Church Melaka) สถานที่ทางประวัติศาสตร์อีกหนึ่งแห่ง สร้างขึ้น ปี ค.ศ.1849 เสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1856 เพื่ออุทิศให้กับนักบุญฟรานซิส ซาเวียร์ โดยโบสถ์เก่าแก่แห่งนี้ ตั้งอยู่ย่านเมืองเก่าของมะละกา มีอายุกว่า 160 ปี ออกแบบตามสถาปัตยกรรมโกธิค (Gothic) ตัวโบสถ์ถูกทาด้วยสีเหลือง จุดเด่นคือรูปปั้นประติมากรรมนักบุญฟรานซิส ซาเวียร์ ที่ทำจากหินอ่อนก้อนเดียว โดยสร้างขึ้นที่กรุงโรม และได้เคลื่อนย้ายมายังมะละกา โบสถ์แห่งนี้นอกจากจะมีไว้เพื่อรำลึกถึงนักบุญฟรานซิส ซาเวียร์ ยังใช้เพื่อไว้ประกอบพิธีทางศาสนาจนถึงปัจจุบัน ใครที่มีโอกาสมาเที่ยวเมืองมะละกา โบสถ์เซนต์ฟรานซิสเป็นอีกหนึ่งสถานที่ตามรอยประวัติศาสตร์ที่น่ามาเยือนค่ะ

พิกัด : โบสถ์เซนต์ฟรานซิส ซาเวียร์ (St. Francis Xavier’s Church Melaka)
ที่อยู่ : Banda Hilir, 75000 Melaka, Malaysia

4.มัสยิดลอยน้ำแห่งมะละกา (Masjid Selat Melaka)

4.มัสยิดลอยน้ำแห่งมะละกา (Masjid Selat Melaka)

หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวตามรอยประวัติศาสตร์ที่อยากแนะนำ คือ มัสยิดลอยน้ำแห่งมะละกา ตั้งอยู่ริมทะเลของช่องแคบมะละกา ผสมผสานระหว่างหัตถศิลป์แบบตะวันออกกลางกับมลายูเข้าด้วยกัน โดดเด่นด้วยหอคอยสูง 98 ฟุต ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวนิยมมานั่งชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น และหากว่าอยู่ในช่วงที่ระดับน้ำทะเลสูง ลักษณะของมัสยิดแห่งนี้เหมือนกับลอยอยู่กลางมหาสมุทร ทำให้ที่แห่งนี้ถูกเรียกว่า “มัสยิดลอยน้ำ” นั่นเอง

4.มัสยิดลอยน้ำแห่งมะละกา (Masjid Selat Melaka)

หมายเหตุ : สำหรับสุภาพสตรีที่ต้องการเข้าไปเที่ยวชมด้านในของมัสยิด ต้องแต่งกายเรียบร้อย และคลุมผ้าฮิญาบ โดยสถานที่จะเตรียมไว้ให้
พิกัด : มัสยิดลอยน้ำแห่งมะละกา (Masjid Selat Melaka
ที่อยู่ : Masjid Selat, 75000, Melaka, Malaysia

พิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมบาบ๋า-นอนหย๋า

5.พิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมบาบ๋า-นอนหย๋า (Baba & Nyonya Heritage Museum)

หากมาเยือน มะละกา ถ้าไม่พูดถึงแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมบาบ๋า-นอนหย๋า (Baba & Nyonya Heritage Museum) ที่ไม่ได้ ใครที่เคยดูภาพยนตร์ซีรีย์ชื่อดังในอดีต “บ้าบ๋า-ย่าหยา” เรื่องราวความรักต่างเชื้อชาติ ต่างวัฒนธรรมของ จีนและมาเลเซีย มะละกา ก็คือแหล่งกำเนิดสำคัญของวัฒนธรรม จีน-มาเลย์ ซึ่ง พิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมบาบ๋า-นอนหย๋า (Baba & Nyonya Heritage Museum) ได้จัดแสดงถึงประวัติศาสตร์และความเป็นมาของเรื่องราวความเป็นมาสองเชื้อชาตินี้ไว้อย่างละเอียด นอกจากเรื่องราวความสัมพันธ์ที่น่าประทับใจ ยังมีเรื่องของการแต่งกาย และอาหารการกินที่เรารู้จักกันว่าอาหารยอนยา

ใครที่ชอบท่องเที่ยวแนวประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมบาบ๋า-นอนหย๋า (Baba & Nyonya Heritage Museum) คืออีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ของมะละกาต้องควรค่ามาเยือน

พิกัด : Baba & Nyonya Heritage Museum
ที่อยู่ :48-50, Jalan Tun Tan Cheng Lock, 75200 Melaka, Malaysia
ราคาค่าเข้าชม : 135.95 บาท
เวลา เปิด-ปิด : วันอังคาร-วันอาทิตย์ 10.00-17.00 น.
หยุดทุกวันจันทร์