ประเด็นน่าสนใจ
- [NOTE] บทความชุดนี้เป็นบทความในมุมมองถึงการเปลี่ยนแปลงของ Facebook สู่ Meta
- ในการลงทุนเปิดโลกใหม่อย่างโลกเสมือนจริง จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี – เงินทุนในการพัฒนาจำนวนไม่น้อยเลย
- แต่แน่นอนว่า โอกาสในการสร้างรายได้ของ Facebook หรือ Meta ในโลกเสมือนนั้นดูจะมีช่องทางมากมาย และคาดว่าน่าจะสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ
- ซึ่งในโลกเสมือนของมาร์ก ซักเกอร์ยังคงมีความเป็นไปได้คล้ายคลึงกับเมื่อครั้งที่เฟซบุ้กเมื่อหลายปีก่อนหลายส่วน และคาดว่า น่าจะถูกนำมาประยุกต์ใช้ใน Metaverse ครั้งใหม่นี้ด้วย
- สินทรัพย์ที่จะมีขายในโลกเสมือนมีมากมายเช่น เสื้อผ้า แฟชั่นต่าง ๆ ไอเทม รวมไปถึงที่ดินในโลกเสมือนจริง หรือแม้แต่ภาพวาดสะสม
- Facebook สู่ Meta
- [EP. 1] ความทะเยอทะยานของมาร์ค
- [EP. 2] พื้นที่เสมือนจริงแต่ทุกสิ่งไม่ฟรีเสมอไป
- [EP. 3] ความท้าทายสู่โลกเสมือน
- [EP. 4]โลกดิจิตัลแห่งใหม่ – #04 : ตัวตน สังคม กฏหมาย จริยธรรมในโลกเสมือนจริง (เร็ว ๆ นี้)
…
Metaverse โลกเสมือนจริงที่กำลังเป็นที่พูดถึงในขณะนี้ และเป็นกระแสไปทั่วโลก ทำให้หลายคนตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นโลกใหม่ที่หลายคนอยากลอง และมาร์ค ซักเกอร์เบิร์กก็เปิดประเด็นขึ้นอีกครั้งตามความตั้งใจที่มาร์ค ตั้งเป้าและหมายมั่นปั้นมือมานาน
แน่นอนว่า ในเป้าหมายของการสร้างโลกเสมือนเหล่านี้ขึ้นมา ส่วนหนึ่งเป็นความมุ่งมั่นในการผลักดันเทคโนโลยีให้เดินต่อไปในการสร้างสรรสิ่งใหม่ สร้างสิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้นกับโลกจริงที่เรายังคงอาศัยอยู่ แต่แน่นอนว่า ในการสร้างสรรเทคโนโลยีใหม่ ๆ สั่งสิ่งหนึ่งที่จะในการเปลี่ยนแปลงโลกไปสู่อีกจุดหนึ่งนั้น นอกจากต้องใช้เวลาแล้ว ทรัพยากรโดยเฉพาะเงินทุนจำนวนมหาศาลที่จะต้องจ่ายลงไป กับสิ่งต่าง ๆ ในการพัฒนานั้นก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
อดีตของ Facebook
ในการเปลี่ยนแปลงโลกสู่โลกเสมือนจริงในครั้งนี้ ของมาร์ค ดูจะได้รับแรงกระเพื่อมมากกว่าครั้งไหน ๆ และมากกว่าใครในวงการไอที ที่ออกมาพูดถึงกัน ส่วนหนึ่งนั่นเพราะความเป็น มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก และเฟซบุ้ก นั่นเอง ที่มีจำนวนผู้ใช้งานนับพันล้านคนทั่วโลก ซึ่งนั่นทำให้ความเป็นไปได้มีสูงขึ้น
เฟซบุ้กก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2003 ที่เปิดเว็บไซต์ในแนว Hot or Not เพื่อให้งานกันเฉพาะภายในกลุ่มเพื่อนในมหาวิทยาลันฮาร์วาด ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ให้อัพโหลดรูป และให้ผู้เข้าชมกดลงคะแนนว่า ระหว่างสองภาพนี้ ใครฮอตกว่ากัน แน่นอนว่า เว็บไซต์ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนมีเรื่องราวให้ปิดตัวลงภายในไม่กี่วัน และทำให้เกิดเว็บไซต์ thefacebook.com ขึ้นมา มีการเปิดขยายจากเฉพาะในฮาร์วาด ไปสู่มหาวิทยาลัยอื่น ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ จนได้เงินทุนมาร่วมลงทุนด้วย และกลายเป็นเว็บไซต์ Facebook.com
แน่นอนว่า ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ปี 2004 ที่มีการเปิดเว็บไซต์ Facebook.com มีการขยายระบบ ปรับปรุงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ก่นอที่จะขยายให้ทุกคนสมัครใช้งานกันได้ในช่วงปี 2006 ท่ามกลางเงินลงทุนที่เข้ามาเป็นระยะ ๆ และตัวเลขเงินลงทุนจะก่อเกิดกำไรให้กับเฟซบุ้กใน ปี 2009
ซึ่งแน่นอนว่า รายได้หลักเหล่านั้นมาจากระบบโฆษณาที่เกิดขึ้นหน้าวอลล์ของผู้ใช้งานที่ปัจจุบันเราคุ้นเคยกับคำว่า บูสต์โพสต์นั่นเอง และสิ่งนี้ก็ถือเป็นรายได้หลักที่ยังสร้างรายได้ให้กับเฟซบุ้กนั่นเอง
…
โลกเสมือนจริง มีพื้นที่ให้ใช้ฟรี
จากต้นกำเนิดของเฟซบุ้กจะเห็นว่า มีต้นกำเนิดจากการบริการฟรี และหารายได้จากการโฆษณาเป็นหลัก ดังนั้นจึงคาดการณ์ได้ว่า Metaverse ของมาร์ก ก็น่าจะมาในแนวทางเดียวกัน คือให้ใช้บริการได้ฟรี ทุกคนสามารถเข้าไปสร้างตัวตนในโลกเสมือนจริงได้ฟรี มี Horizon Home เป็นของตัวเอง (ส่วนที่เปรียบเหมือนกับหน้า Profile ของแต่ละคนในขณะนี้) มีกลุ่มเพื่อนต่าง ๆ เข้าด้วยกัน แต่ไม่ได้ควบรวมถึง “อุปกรณ์กรณ์” สำหรับใช้งานในการเข้าสู่โลกเสมือนจริงนั้น
นอกจากที่เราจะสร้าง Horizon Home ของเราเองได้แล้ว คาดว่า น่าจะสร้าง Horizon Worlds ของกลุ่มเพื่อน หรือสถานที่ หรือเอกชน ได้ในลักษณะคล้ายกับการสร้างเพจ หรือ กรุ๊ป แบบที่เป็นอยู่ในเฟซบุ้กขณะนี้ แต่ก็เชื่อว่า คงไม่ใช่ใครทุกคนที่สร้างได้ หรือจะสร้างเท่าไหร่ก็ได้
นอกจากนี้ แนวทางหนึ่งที่เฟซบุ้กเคยใช้ในการสร้างความ “ว้าว” ให้โลกโซเซียลนั่นคือ “การเปิด API” ให้กับนักพัฒนาในการเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ระบบต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้น เชื่อว่า คนที่เคยเล่นเฟซบุ้กในช่วงปี 2010 -2015 น่าจะคุ้นเคยกับ “เกมบนเฟซบุ้ก” หรือ “แอพฯ บนเฟซบุ้ก” อย่าง City ville, Farm Ville, Sims Social, Pet Society, Diamond Dash, Zynga Poker, EA Sports: FIFA Superstars และอื่น ๆ อีกมากมาย
ซึ่งแอพฯ และเกมเหล่านี้ สร้างกระแสให้คน “ติด” เฟซบุ้กอย่างมากในช่วงนั้น หลายคนต้องเข้ามาเพื่อเก็บผัก, ปลูกผัก, ให้อาหารสัตว์ แข่งขันกับเพื่อนเพื่อแย่งชิงอันดับในกลุ่ม ฯลฯ หลายคนสร้าง Profile ปลอม ๆ ขึ้นมาจำนวนมาก เพื่อกดคำร้อง คำขอ คำเชิญต่าง ๆ มากมายเพื่อให้ได้มาซึ่งไอเทม หรือจำนวนสิทธิ์ที่ต้องการ และต่อมาคำขอ, Invites ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมากมายจนรกหน้าวอลล์อย่างมาก ทำให้หลายคนบล็อกแอพฯ ออกไปในที่สุด และทำให้แอพฯ – เกมดัง ๆ บน Facebook หายไป
และสิ่งที่ว่ามา กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ เมื่อ Meta เริ่มดึงกลุ่มนักพัฒนา นักออกแบบ เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างสรรชิ้นงานต่าง ๆ มากขึ้น และจากบทเรียนที่เกิดขึ้นในยุคแอพฯ – เกมเฟซบุ้กเฟื่องฟู คงจะมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นให้ผู้ใช้งานทั่วไปอย่างเรา ๆ ได้ใช้งานกันฟรี ๆ ไม่น้อยเลยทีเดียว
…
ธุรกิจสู่ธุรกิจในโลกเสมือน
แน่นอนว่า การลงทุนย่อมต้องมีผลตอบแทน ในปัจจุบัน Facebook มีรายได้หลักจากการโฆษณาที่เปิดให้เอกชน หรือใครก็ตามที่ต้องการโปรโมทสินค้า – บริการของตนสามารถ “บูสต์โพสต์” ลงโฆษณาได้ แต่สิ่งหนึ่งที่จำกัดคือ
“พื้นที่” ในการขายโฆษณาเหล่านั้น มีอยู่อย่างจำกัด
แม้เฟซบุ้กจะมีคนเล่นกว่า 2 พันล้านคน แต่ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อจำนวนคนไม่ได้เพิ่มขึ้น ปริมาณของการขายก็ไม่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับพื้นที่ของการขายที่ก็มีอย่างจำกัด บนไทม์ไลน์, สตอรี, แชท เป็นต้น
ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต่างออกไปเมื่อทุกสิ่งเข้าไปอยู่ใน Metaverse!
นั่นเพราะโลกเสมือนจริงมีทุกสิ่งให้เราต้องเห็น ต้องสัมผัส สิ่งแรกที่ใกล้ตัวตนของคนเล่นมากที่สุดคื บรรดาเสื้อผ้า หน้าผม ของตัวตอนของเราในโลกเสมือน หากเราย้อนกลับไปในยุคของ Sim Social, Pet Society หลายคน “ยอมที่จะจ่ายเงินซื้อ” เสื้อผ้า สิ่งของให้กับอวาตาร์, สัตว์เลี้ยงของเรา
แฟชั่นใน Metaverse
ใน Metaverse ก็ไม่ต่างกัน เราจะได้เห็นการขายเสื้อแบรนด์หรูในโลกเสมือน , มีการวางขายทรงผมเท่ ๆ, หมวกเก๋ ๆ ในโลกเสมือนจริง แม้มาร์กและทีมงานจะไม่ได้เป็นผู้ผลิตก็ตาม แต่ส่วนแบ่งรายได้ที่จะเกิดขึ้น คงเป็นตัวเลขไม่น้อยเลยทีเดียว
ซึ่งอาจจะควบรวมไปถึงอีเว้นต์ แฟชั่นโชว์เสมือนจริง หรือแม้แต่การประกวด Miss Metaverse ก็เป็นไปได้เช่นกัน
ที่ดิน – อาคาร – ห้อง ในโลกเสมือนจริง
นอกจากนี้ ใน Metaverse ที่มาร์กได้กล่าวถึงในตอนที่เปิดตัวประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักคือ Horizon Worlds – Workrooms – Home ที่เปรียบเสมือนพื้นที่ที่ตัวตนของเราเข้าไปอยู่ได้นั่นคือ โลกเสมือน, ที่ทำงาน และบ้าน และหากสังเกตคำว่า Worlds และ Workrooms จะเห็นว่า มี s ลงท้ายอยู่ด้วย นั่นสื่อเป็นนัยว่า “โลกเสมือนไม่ได้มีเพียงหนึ่ง” , “ห้องทำงานของคุณไม่ได้มีที่เดียว”
ดังนั้น หากบริษัทสักแห่งหนึ่งต้องเปิดบริษัทในโลกเสมือน จำเป็นต้อง “ซื้ออะไรบ้าง” นั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในโลกเสมือน ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่า “แทบจะไม่ต่างจากโลกจริง” คุณสามารถจะ “ซื้อที่ดิน” ในโลกเสมือนนั้น “สร้างห้อง” ฯลฯ เพื่อใช้งานไม่ว่าจะเป็นเพียงที่รวมกลุ่มของเพื่อนฝูง หรือ ใช้เป็นห้องประชุมในการทำงาน หรืออาจจะควบรวมไปถึง การสร้าง Worlds ขนาดใหญ่ ในการเปิดให้วงดนตรีสักวงนึงเช่า เพื่อจัดคอนเสิร์ตเสมือนจริง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ทั้งหมด
โฆษณาในโลกเสมือน
แน่นอนว่า ท้ายที่สุดแล้ว โฆษณาและการตลาดยังคงติดตามเราไปอยู่ทุกที่ เราก็จะได้เห็นโฆษณาสินค้า ไม่ว่าจะเป็นบิลบอร์ดเสมือน และอาจจะมีการตอบสนองที่ต่างไปในรูปแบบต่างไปมากกว่าในโลกจริงในขณะนี้ แต่แน่นอนว่า ราคาของมันก็คงไม่ใช่ในอัตราเดียวกับที่เราบูสต์โพสต์กันในทุกวันนี้อย่างแน่นอน รวมถึงการรับจ้างโพสต์-แชร์โฆษณาในพื้นที่ Horizon Worlds หรือ Horizon Home ของตัวเองด้วยเช่นกัน ไม่ต่างกับการจ้าง Influencer หรือ ลงขายสินค้าในกรุ๊ปปัจจุบันนี้
ของในโลกจริง เพื่อโลกเสมือน
แน่นอน ในหลาย ๆ อย่างที่สามารถทำได้ในโลกเสมือนย่อมมีข้อจำกัด และข้อจำกัดเหล่านั้นมักจะมี “สิ่งของ” มาแก้ไขปัญหาเสมอ ๆ เช่น หากเราต้องการปั่นจักรยานในโลกเสมือน แน่นอน เราก็จำเป็นที่ต้องมีจักรยานในโลกจริงด้วยนั่นเอง สิ่งของในโลกจริง ที่จะช่วยให้เราเข้าถึงความเสมือนจริงเหล่านั้นได้มากขึ้น ก็จะมีเพิ่มขึ้นตั้งแต่แบบดั้งเดิม เช่น จอยพวงมาลัยเกมแข่งรถ และอุปกรณ์ Simulator ที่มีขายกันอยู่ในตอนนี้
ยังไม่นับสินค้าที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตเช่น ถุงมือ เสื้อผ้าในโลกจริง ที่ทำให้รู้สึกเหมือนหยิบ จับสัมผัสได้จริง หรือแม้แต่สิ่งที่เป็นข้อจำกัดของโลกดิจิทัลตลอดมาอย่าง กลิ่น – รส ซึ่งเชื่อว่า มีหลายคนมุ่งเป้าในการพัฒนาสิ่งเหล่านี้อยู่
และอื่น ๆ ที่อาจจะสร้างได้
นอกจากที่ว่ามายังคงมีโอกาสที่จะเกิดสิ่งอื่น ๆ ขายกันในโลกเสมือนได้อีกมาก เช่นสินค้าทั่ว ๆ ไป จิปาถะที่เรามองเห็นกันในโลกจริง ๆ เช่น รถ, จักรยาน, เซิร์ฟสเก็ต ฯลฯ นอกเหนือจากอุปกรณ์สำหรับเข้าสู่โลกเสมือนจริงที่จำเป็นต้องใช้งาน
อาจจะเป็นสินค้าสะสม อย่างภาพวาด ก็เกิดขึ้นได้ เพราะในปัจจุบันของสะสมในรูปแบบ NFT กำลังเกิดขึ้นเรื่อย ๆ เกมต่าง ๆ ที่เป็นในรูปแบบ Play to Earn (เล่นแล้วได้เงิน) ผ่านการสร้างสรรค์ชิ้นงานที่เป็น NFT ออกมาขายกันก็มีให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึง “สกุลเงินดิจิทัล” อื่น ๆ ที่อาจจะเข้ามามีบทบาทในโลกเสมือนเหล่านี้อีกจำนวนมาก
…
บทสรุปของโลกเสมือน คือรายได้มหาศาล
ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามา เป็นการคาดการณ์บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็มีให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนว่า ในการเกิดขึ้นอาจจะไม่ได้ปัจจุบันทันด่วน แต่ก็คงไม่นานเกินรอ และสิ่งเหล่านี้ที่จะเกิดขึ้นล้วนแล้วแต่เป็น “เม็ดเงิน” ที่จะเข้าสู่บริษัท Meta ของมาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก ไม่ว่าจะเป็นทางตรงจากการขายตั้งแต่อุปกรณ์ – สินทรัพย์ดิจิตอล หรือทางอ้อม ที่เกิดจากการใช้จ่ายสินค้าเสมือนจริงใน Metaverse และถูกแบ่งให้กับ Meta ในรูปแบบของค่าธรรมเนียมของระบบนั่นเอง
ทั้งหมดนี้ Meta ก็ดูจะไม่ต่างจากผู้ครอบครองโลกเสมือนจริงไปกลาย ๆ นั่นเอง
…
[Coming Soon] ปัญหาและความท้าทายของ Metaverse ทั้งผู้สร้างและผู้ใช้งาน
[EP. 01 ] Facebook สู่ Meta – โลกดิจิตัลแห่งใหม่ – #01 : ความทะเยอทะยานของมาร์ค