“สถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ แนะผู้ป่วยวัณโรคปอด รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ฟื้นฟูเสริมสร้างภูมิต้านทานร่างกายให้มีสุขภาพแข็งแรงห่างไกลจากโรค” ด้วยสมัยนี้โรคแปลกๆ เกิดขึ้นเยอะมาก มีโอกาสเป็นได้ทุกคน ดังนั้นเราต้องป้องกันตัวเราเองในเบื้องต้นก่อน อย่างอาหารการกินก็สำคัญ แพทย์แนะนำว่า เราควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ นอกจากจะช่วยต้านทานโรคอย่าง วัณโรค และยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ป้องกันอาการเจ็บป่วยอื่นๆ ได้อีก
10 เมนูอาหารจานด่วนที่ครบ 5 หมู่ ช่วยต้านทาน “วัณโรคปอด”
1. ผัดซีอิ๊ว
มีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ ทั้งวิตามินป้องกันมะเร็งจากยอดคะน้า ได้โอเมก้าสามจากน้ำปลาดี มีไบโอตินจากไข่ และได้โปรตีนย่อยง่ายจากไข่ขาวและเนื้อหมู รวมทั้งคาร์โบไฮเดรตให้พลังงานจากเส้นและซีอิ๊ว
ส่วนผสมสำหรับ 1 จาน
- เส้นใหญ่ 2 ขีด
- คะน้าหั่น 1 ต้น
- หมู 4-5 ชิ้น
- กระเทียมสับ 2 กลีบ
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ้วดำ 2 ช้อนชา
- เต้าเจี้ยว 1 ช้อนชา
วิธีทำ ผัดซีอิ๊ว
- ตั้งกระทะใส่น้ำมัน พอน้ำมันเริ่มร้อน ใส่กระเทียมลงผัดให้หอม ใส่เต้าเจี้ยวและหมูลงไปผัด จนหมูสุก
- ใส่เส้นใหญ่ จากนั้นก็ปรุงรสด้วยน้ำปลา ซอสถั่วเหลือง น้ำตาลทราย และซีอิ๊วดำ ผัดให้เข้ากัน ดันเส้นไว้ข้างกระทะ
- ใส่ไข่ลงไป แล้วนำเส้นกลบไข่ รอสักพัก ผัดให้เข้ากันใส่คะน้าผัดจนสุก แล้วตักใส่จานเสิร์ฟ
….
2. ก๋วยจั๊บ
ในน้ำพะโล้มีสมุนไพรอย่าง โป๊ยกั๊ก มีฤทธิ์ช่วยฆ่าเชื้อป้องกันโรค นอกจากนั้นในเต้าหู้ทอดยังให้แคลเซียมและเพ็พไทด์ที่เป็นโปรตีนย่อยง่าย อีกทั้งได้พลังงานจากเส้นก๋วยจั๊บ
ส่วนผสมเครื่องปรุง (สูตรสำหรับขาย)
- เส้นก๋วยจั๊บ 7 กิโลกรัม
- หมูสามชั้น 8 กิโลกรัม
- ไข่เป็ด 100 ฟอง
- เต้าหู้ 5 พวง
- ไส้หมู 6 กิโลกรัม
- ตับหมู 1 ½ กิโลกรัม
- เลือดหมู 5 กิโลกรัม
- หนังหมู 2 กิโลกรัม
- แป้งข้าวจ้าว 1 กิโลกรัม
- แป้งมัน ½ กิโลกรัม
- เกลือ 3 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยป่น
- กระเทียมเจียว
- ผักชีหั่นฝอย
วิธีทำ
- เริ่มจากต้มน้ำสะอาดในหม้อใบใหญ่ โดยใส่น้ำค่อนหม้อ (ประมาณ ¾ ส่วนของหม้อ) เมื่อน้ำเดือดก็ใส่เส้นก๋วยจั๊บซึ่งยังเป็นแผ่นๆ ลงไป คนสักครู่เส้นจะม้วนกลม โดยอัตโนมัติ
- ถึงตอนนี้ก็ละลายแป้งข้าวจ้าว แป้งมันกับน้ำให้น้ำข้นขาวแล้วเทลงผสมในหม้อใบใหญ่ คนให้เข้ากันแล้วรีบยกลงทันที เพราะถ้าตั้งไฟนานเส้นจะเละ
- นำหมูสามชั้นหมักเกลือ กระเทียม พริกไทย ประมาณ 15 นาที จากนั้นนำไปทอดในน้ำมันหมู พอเหลืองกรอบแล้วตักขึ้นพักไว้
- นำเลือดหมูมาหั่นเป็นชิ้น ๆ ลวกน้ำร้อนให้สุกพักไว้ นำไข่เป็ดไปต้มให้สุก ปลอกเปลือกเสร็จแล้วพักไว้
ส่วนผสมน้ำซุป
- กระดูกหมู 2 กิโลกรัม
- ผงพะโล้ 4 ช้อนโต๊ะ
- รากผักชี 10 ราก
- ซีอิ้วดำ ¼ ขวดใหญ่
- กระเทียมเจียว 3 ช้อนโต๊ะ
- เกลือถุงเล็ก 4 ถุงเล็ก
วิธีทำ
- ต้มน้ำประมาณครึ่งหม้อใบใหญ่ ละลายผงพะโล้ลงไป 3 ช้อนโต๊ะ เติมซีอิ๊วลงไปพอให้น้ำออกสีเหลืองๆ ใส่เกลือ 3 ถุงเล็ก และใส่รากผักชี 3 ราก
- พอน้ำเดือดก็ใส่ไข่ต้มลงไปเคี่ยวให้ออกสีเหลืองตักขึ้น จากนั้นก็ใส่ไส้หมู หนังหมู ปอด ตับ เต้าหู้ ลงไปเคี่ยวให้เปื่อยโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
- เมื่อเคี่ยวทุกอย่างได้ที่แล้วก็ตักขึ้น นำเครื่องก๋วยจั๊บทั้งหมดมาจัดวางรวมกันให้ดูสวยงามน่ารับประทาน
- นำน้ำพะโล้ที่เคี่ยวได้จากข้อ 1 มาเติมน้ำลงไปเพิ่มประมาณ ¾ ส่วนของหม้อ ใส่กระดูกหมูลงไป
- เติมซีอิ๊วดำส่วนที่เหลือเพิ่ม ใส่เกลืออีก 1 ถุง กระเทียมเจียว รากผักชีที่เหลือ เคี่ยวไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ก็เป็นอันใช้ได้
- เวลาเสิร์ฟลูกค้าให้ตักก๋วยจั๊บใส่ชามใส่เส้นประมาณ ¼ ส่วนของชามใส่หมูสามชั้น 5 ชิ้น เต้าหู้หั่นครึ่ง 3 ชิ้น ตับหั่นชิ้นพอคำ 2 ชิ้น ปอด 2 ชิ้น ไส้ 4 ชิ้น เลือด 2 ชิ้น หนังหมูหั่นเป็นเส้น 2 ช้อน ไข่ผ่า 4 ใส่ครึ่งฟอง
- เมื่อใส่เครื่องครบแล้วตักกระเทียมเจียวโรยหน้า โรยต้นหอม ผักชีหั่นฝอย ตักน้ำก๋วยจั๊บใส่พอท่วมเครื่อง แล้วเหยาะพริกไทยลงไปนิดหน่อย เพื่อเพิ่มความอร่อยก่อนเสิร์ฟลูกค้า
สูตรจาก thaismescenter.com
….
3. ก๋วยเตี๋ยว
ได้คอลลาเจนจากน้ำต้มกระดูกที่ใช้เวลาเคี่ยวนาน ผักบุ้ง ถั่วงอกและผักชี ต้นหอม มีไฟเบอร์ และ อัลลิซิน ช่วยลดไขมันในเลือดได้
ก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตก สูตรสำหรับทำขาย!!!
สูตรน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตกรสเข้มข้นกลมกล่อมสูตรขายดีอร่อยถูกใจใครหลายคน
น้ำซุป
- น้ำซุปกระดูกหมูน้ำตก 10 ถ้วย
- เหล้าไทย 1 ช้อนโต๊ะ
- รากขึ้นฉ่าย 3 ราก
สูตรน้ำซุปกระดูกหมูน้ำตก ล้างกระดูกหมูคาตังหรือเอียวเล้ง ½ กิโลกรัมให้สะอาด ใส่ลงในหม้อบรรจุน้ำ 15 ถ้วย ยกขึ้นตั้งไฟกลาง ห่ออบเชยคั่ว โป๊ยกั๊กคั่ว อย่างละ 2 ชิ้น ลูกระวานคั่ว 3 ลูก ด้วยผ้าขาวบาง ใส่ลงในหม้อตามด้วยเก๋าคี่แช่น้ำพอนุ่ม 1 ช้อนโต๊ะ ใบเตยมัดเป็นกำ 8 ใบ รากผักชีทุบ 5 ราก กระเทียมทุบ 1 หัว พริกไทยเม็ดทุบพอแตก 1 ช้อนโต๊ะ น้ำกระเทียมดอง ½ ถ้วย กระเทียมดองทุบ 4-5 หัว พอน้ำซุปเริ่มเดือดลดไฟอ่อนลง หมั่นช้อนฟองทิ้ง ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส ¼ ถ้วย ซีอิ้วขาว ½ ถ้วย ซีอิ้วดำ 3 ช้อนโต๊ะ เกลือแกง 1 ½ ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บหรือน้ำตาลกรวด 3 ช้อนโต๊ะ เคี่ยวจนน้ำซุปมีกลิ่นหอม จากนั้นขยำเลือดหมูสด ¼ ถ้วยกับตะไคร้ 1 ต้น และเกลือป่น ¼ ช้อนชาพอเข้ากัน กรองเอาแต่น้ำใส่ลงในหม้อน้ำซุป เคี่ยวต่อจนน้ำซุปมีรสหวานหอมกลมกล่อม ปิดไฟ วัตถุดิบ
- ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก/เส้นใหญ่หรือเส้นหมี่แช่น้ำพอนุ่ม 1 กิโลกรัม
- เนื้อหมูสันนอกหั่นชิ้นบาง 500 กรัม
- ตับหมูหั่นชิ้นบาง 2 ถ้วย
- ลูกชิ้นหมู 20 ลูก
- คะน้าหรือยอดคะน้าหั่นขนาด 1 นิ้ว 500 กรัม
- ถั่วงอกเด็ดหาง 500 กรัม
- ปอดหมูต้มหั่นชิ้นบาง 2 ถ้วย
- กระเทียมเจียวปนแคบหมู ½ ถ้วย
- ขึ้นฉ่ายหั่น 1 ถ้วย
- เลือดหมูสด ½ ถ้วย
- ยอดโหระพาสำหรับตกแต่ง เครื่องเคียงมีแคบหมู โหระพา และถั่วงอก
เครื่องปรุง
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ้วดำ 1 ช้อนชา
- น้ำปลา 1 ½ ช้อนโต๊ะ
- น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกบด (พริกกะเหรี่ยงคั่วทั้งก้านจนเปลือกไหม้ปั่นกับน้ำอุ่นพอหยาบ) 2 ช้อนชา
วิธีทำ
- ต้มน้ำซุปในหม้อต้มด้วยไฟกลางจนเดือดใส่เหล้าไทย และรากขึ้นฉ่าย ต้มพอเดือดและมีกลิ่นหอม ใส่เนื้อหมูลงลวกพอสุก ตักขึ้นใส่จานไว้ จากนั้นใส่ตับและลูกชิ้นลงลวกต่อ ตักขึ้น ใส่จานเดียวกับเนื้อหมู
- ลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวกับคะน้าและถั่วงอกในหม้อน้ำเดือดด้วยไฟแรงจนสุก ใส่ลงในชามก๋วยเตี๋ยว ใส่เนื้อหมู ตับ ปอด และลูกชิ้น ปรุงรสด้วยน้ำตาล ซีอิ้วดำ น้ำปลา น้ำส้มสายชู และพริกบด โรยกระเทียมเจียวและขึ้นฉ่าย จากนั่นใช้กระบวยตักเลือดหมูประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ จุ่มลงในหม้อน้ำซุปที่เดือดด้วยไฟแรงครึ่งกระบวย พอเลือดสุกตักใส่ชามก๋วยเตี๋ยวพอมีน้ำขลุกขลิก ตกแต่งด้วยยอดโหระพา เสิร์ฟร้อน ๆ พร้อมเครื่องเคียง
….
4. ข้าวราดแกง
มีข้าวเป็นหลัก และยังได้สารอาหารจากแกงชนิดต่างๆ
วิธีทำ แกงขี้เหล็ก
ส่วนผสม
- ใบขี้เหล็ก 500 กรัม
- มะเขือพวง (ทุบ) 1/2 ถ้วย
- หัวกะทิแท้ 100% ตราอร่อยดี 4 ถ้วย
- พริกแกงเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ
- เนื้อหมู 150 กรัม
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
- กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
- ใบมะกรูด ตามชอบค่ะ
วิธีทำ
- ต้มใบขี้เหล็กและมะเขือให้สุก จากนั้นให้กรองเอาน้ำออก แล้วพักใบขี้เหล็กไว้ก่อน
- ตั้งหม้อใส่หัวกะทิลงไป จากนั้นก็ใส่พริกแกงเหลืองลงไป คนให้พริกแกงละลายและจนกะทิแตกมัน เสร็จแล้วให้ใส่ใบขี้เหล็กลงไป
- ใส่เนื้อหมูลงไป ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ และกะปิ คนให้เข้ากัน เสร็จแล้วโรยใบมะกรูดลงไป ต้มต่อสักพักเสร็จแล้วก็ตักใส่ถ้วยเสิร์ฟ
….
5. ข้าวกะเพระาไก่ไข่ดาว
ใบกะเพราช่วยในเรื่องลดไขมันและบำรุงลำไส้ เนื้อไก่มีไขมันน้อยจัดเป็นเนื้อสุขภาพย่อยง่ายดี พริกให้แคปไซซินที่ช่วยแก้อาการภูมิแพ้ และไข่ดาวที่มีประโยชน์ช่วยให้วิตามินที่ดูดซึมในไขมันเข้าไปในร่างกายได้ดีขึ้น
ส่วนผสม
- น้ำมันรำข้าว 1 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกแดงตำ ตามชอบ
- หมูบด 200 กรัม
- น้ำสต็อก 1/4 ถ้วย
- ซอสหอยนางรม 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- ใบกะเพราตามชอบ
วิธีทำ
- เทน้ำมันลงในกระทะตามด้วยกระเทียมสับและพริกแดงตำ ผัดจนมีกลิ่นหอม
- ตามด้วยหมูบด ผัดให้หมูสุกระดับหนึ่ง เทน้ำมันสต็อกลงไปเล็กน้อย ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม น้ำปลา และน้ำตาลทราย ผัดให้ทุกอย่างเข้ากัน
- ปิดไฟแล้วใส่ใบกะเพรา ผัดให้ใบกะเพราสะดุ้งความร้อนเล็กน้อย เสร็จแล้วตักราดข้าวเสิร์ฟคู่กับไข่ดาวได้เลยค่ะ
….
6. ข้าวผัด
น้ำมันที่ใช้ผัดช่วยดึงไลโคปีน จากมะเขือเทศเข้าสู่ผิว หอมใหญ่ คะน้า ได้วิตามินที่ช่วยลดไขมันในเลือดได้
ส่วนผสม
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- หมูหมัก 100 กรัม
- ข้าวสวย(ข้าวเสาไห้) 3 ทัพพี
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
- ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนชา
- หอมหัวใหญ่ ตามชอบ
- คะน้า ตามชอบ
- มะเขือเทศตามชอบ
- พริกไทยป่น
วิธีทำ
- ใส่น้ำมันพืชลงไปในกระทะตามด้วยกระเทียมสับและหมูหมัก ผัดจนหมูสุก
- ใส่ข้าวสวยลงไปปรุงรสด้วยน้ำตาลซีอิ๊วขาวซีอิ๊วดำ ผัดจนเครื่องปรุงเข้ากันกับข้าว
- ใส่ผักตามลง หอมหัวใหญ่ มะเขือเทศ คะน้า ผัดอีกครั้งให้ผักสุก เสร็จแล้วตักใส่จานเสิร์ฟโรยหน้าด้วยพริกไทยป่น
….
7. ข้าวมันไก่
เป็นอาหารที่มีสารอาหารหลักครบทั้ง 5 หมู่ และยังมีวิตามินอี นอกจากนี้ยังมี ขิง ที่ใส่มาในน้ำจิ้มช่วยไล่ไขมันจากไก่ได้
ส่วนผสม
- ข้าวสาร 350 กรัม
- สะโพกหรืออกไก่ 700 กรัม
- ขิงแก่ฝานเป็นแว่น 6 แว่น
- กระเทียมสับหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
- รากผักชีบุบ 2 ราก
- เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
- น้ำเปล่า 6 ถ้วย
- น้ำมันเจียวจากหนังไก่หรือนำมันพืช 14 ถ้วย
- ใบผักชีและแตงกวาหั่นตามขวางปริมาณตามชอบ
- น้ำจิ้มข้าวมันไก่และน้ำซุปตามชอบ เช่น แกงจืด สำหรับทานคู่กัน
วิธีทำ
- ต้มไก่ในน้ำเดือดจนสุก ตักขึ้นพักไว้ กรองน้ำต้มไก่ผ่านกระชอนเตรียมไว้สำหรับหุงข้าว
- ซาวข้าวสารผ่านน้ำ 1 ครั้ง แล้วใส่หม้อหุงข้าวเตรียมไว้
- เมน้ำมันเจียวจากหนังไก่ใส่กระทะประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ตั้งไฟให้ร้อนเจียวกระเทียมจนได้กลิ่นหอมแล้วใส่ลงในหม้อหุงข้าว
- ใส่ขิงและรากผักชีลงไป ตามด้วยน้ำต้ม เกลือป่น และน้ำมันที่เหลือคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปิดฝา หุงข้าวจนสุกดี
- ระหว่างนั้นเลาะกระดูกออกจากเนื้อไก่แล้วหั่นเป้นชิ้นตามยาว เตรียมไว้
- ตักข้าวมันใส่จานเสิร์ฟ วางไก่ต้มลงไปตกแต่งด้วยผักชี รับประทานคู่กับแตงกวา น้ำจิ้ม และน้ำซุปตามชอบ
ส่วนผสมน้ำจิ้มข้าวมันไก่
- ของแก่สับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนูสับหยาบ 1-2 ช้อนโต๊ะ
- เม็ดเต้าเจี้ยวดำบดละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วดำ 1/4 ช้อนชา
- น้ำส้มสายชู 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
ผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ชิมรสตามชอบ แล้วตักใส่ถ้วยเสิร์ฟ
….
8. น้ำพริกปลาทู
ปลาทูทอดจะช่วยจับกับวิตามินเอจากพริกและกรดไขมันโอเมก้าสามที่มีในกะปิ อีกทั้งในปลาทูยังมีซูเปอร์วิตามินชื่อ แอสตาแซนทิน ด้วย
ส่วนผสม
- กะปิอย่างดี 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนูสวนเม็ดเล็ก แดงและเขียว ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมไทย 1 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดง 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
- มะเขือพวง 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำต้มสุก
วิธีทำ
- โขลกตำกระเทียมให้แหลก เสร็จแล้วใส่กะปิลงไปตามปริมาณที่ต้องการ ตำกระเทียม และกะปิให้เข้ากัน
- ใส่พริกขี้หนูลงไปตำให้แหลกเข้ากับเนื้อกระเทียมและกะปิ เมื่อเสร็จแล้วให้ใส่น้ำตาลปี๊บ ตำให้เข้ากัน
- ใส่กุ้งแห้งป่น โขลกคลุกให้ทุกอย่างเข้ากัน และใส่มะเขือพวง บุๆ ให้มะเขือพวงเข้าเนื้อกับน้ำพริกกะปิ
- ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย น้ำมะนาว น้ำปลา (ใส่นิดเดียว) คลุกทุกอย่างให้เข้ากัน ปรุงรสตามต้องการ
- ตักขึ้นใส่ถ้วย ใช้น้ำต้มสุกล้างครก และเทน้ำที่ได้ใส่ถ้วยน้ำพริกกะปิ สุดท้ายใช้พริกขี้หนูบุนิดหน่อย โรยหน้าน้ำพริกกระปิ และใส่มะเขือพวงลงไปแต่งหน้านิดหน่อย
- ทานกับปลาทู ไข่เจียว ผักลวก ผักสดตามชอบ
สูตรจาก cookpad.com
….
9. ผัดไทย
มีวิตามินอีมากใรน้ำมันที่ใช้ผัดและถั่วลิสงคั่ว วิตามินเอมีมากใบผักใบเขียว ขณะที่ หัวปลี กับ ถั่วงอก ที่ให้วิตามินบีกับ กาบา ช่วยบำรุงสมอง
ส่วนผสม
- กุ้งสด
- เส้นจันท์
- ถั่วงอก
- ใบกุยช่าย
- หัวไชโป๊ว
- ถั่วลิสงบด
- ไข่ 2 ฟอง
- พริกป่น
- มะนาว
ส่วนประกอบน้ำปรุงผัดไทย
- น้ำปลา
- น้ำมะขาม
- น้ำตาลปึก
- ซีอิ๊วดำ
วิธีทำ
- ทำน้ำปรุงผัดไทย โดยการนำน้ำมะขาม น้ำตาลปึก น้ำปลา ใส่หม้อสำหรับผสม เติมน้ำเปล่าลงไปนิดหน่อย ตั้งไฟคนผสมให้ทุกอย่างเข้ากัน ชิมรสให้ได้สามรส และรสจัด จึงเติมซีอิ๊วดำลงไปนิดหน่อย
- ตั้งกระทะบนไฟปานกลาง ใส่กุ้งลงไปผัดจนเริ่มสุก ตอกไข่ใส่ลงไปในกระทะ ใช้ตะหลิวเขี่ยให้ไข่แดงแตก พอไข่เริ่มสุก ใส่เส้น เติมน้ำเปล่าลงไปนิดหน่อย
- เมื่อเส้นนุ่มแล้วจึงค่อยเติมน้ำปรุงลงไปผัดให้เข้ากัน ใส่หัวไชโป๊วลงไปผัดให้เข้ากัน
- ใส่ถั่วงอกใบกุยช่าย และพริกป่น ผัดอย่างรวดเร็วให้ส่วนผสมทั้งหมอเข้ากันทั่ว ตัดใส่จาน จัดแต่งด้วยถั่วงอกสด พริกป่น ถั่ว ลิสงป่น และมะนาว ข้างจาน
….
10. ข้าวเหนียวหมูปิ้ง
ควรเลือกหมูปิ้งมันน้อย ส่วนข้าวเหนียวจะเป็นข้าวเหนียวดำหรือข้าวเหนียวขาวก็ได้ เพราะในข้าวเหนียวดำมี โอพีซี(OPCs) เป็นซุปเปอร์วิตามินอยู่
ส่วนผสม
- เนื้อหมูสันนอก 500 กรัม
- น้ำตาลปี๊บ 1/3 ถ้วย
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับ 1/2 ถ้วย
- รากผักชีหั่น 2 ช้อนโต๊ะ
- แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
- นมข้นจืด 1/2 ถ้วย
วิธีทำ
- เตรียมหั่นเนื้อหมูสันนอก เป็นชิ้นให้พอดีกับไม้เสียบสำหรับปิ้ง
- ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ซอสหอยนางรม และน้ำตาล คลุกให้เข้ากัน
- ใส่กระเทียมสับ รากผักชีสับ แป้งข้าวโพด และนมข้นจืด หมักทิ้งไว้ 3 ชม. ขึ้นไป ระหว่างนี้ก็ไปหุงข้าวเหนียว เตรียมเตาย่างได้เลยค่ะ
- เมื่อหมูที่หมักไว้ได้ที่แล้ว นำหมูมาเสียบไม้ หากใครไม่สะดวกใช้เตาถ่าน ให้นำมาปิ้งบนกระทะก็ได้ค่ะ
- ปิ้งหมูเสร็จแล้วก็จัดใส่จานเสิร์ฟพร้อมกันข้าวเหนียวร้อนๆ
….
10 เมนูนี้ เป็นแค่เมนูยกตัวอย่างของเมนูที่มีสารอาหารครบ 5 หมู่ แต่หากเป็นผู้ป่วยวัณโรค ต้องเข้มงวดเรื่องอาหารมากกว่านี้นะคะ ส่วนผสมใดที่เข้าข่ายว่าคนที่เป็นโรคนี้ต้องงด ก็ควรงดและเลี่ยงใช้เครื่องปรุงนั้นๆ ไปเลยค่ะ หรือระหว่างการรักษาแนะนำว่าให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่านะคะ
สำหรับอาหารที่ผู้ป่วยวัณโรคปอด ควรงดและหลีกเลี่ยง คือ
อาหารประเภทของทอด ของมัน กะทิ น้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง อาทิ น้ำมันจากสัตว์ น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว อาหารที่มีแก๊สสูง เช่น ของดอง ถั่ว น้ำอัดลม เครื่องดื่ม ที่มีแอลกอฮอล์ อาหารที่มีกลิ่นแรง และอาหารสำเร็จรูป เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หากผู้ป่วยวัณโรคปอดสามารถปฏิบัติตนโดยรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์จากคำแนะนำต่างๆเหล่านี้ และรับประทานยาตามแพทย์สั่ง อย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูจากโรคที่เป็นอยู่ ส่งผลให้มีสุขภาพแข็งแรงอีกด้วย