ย่านหว่านไจ๋ (Wan Chai) ได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์ของนักชิม เพราะเป็นหนึ่งในย่านแรกๆ ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นในฮ่องกง ทำให้ผู้คนจากหลากหลายภูมิภาคเข้ามาตั้งถิ่นฐานและนำวัฒนธรรมอาหารประจำถิ่นของตัวเองมาเปิดร้าน ทำให้ย่านนี้มีความหลากหลายทางอาหารอย่างลงตัวและไม่เหมือนใคร
Ho Wah Restaurant หนึ่งในร้าน ชาชางเตง (Cha Chaan Teng) หรือร้านอาหารเช้าแบบฮ่องกงที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งใน ย่านหว่านไจ๋ (Wan Chai) ร้านเด็ดร้านดังที่จะพามาทำความรู้จัก โดย คุณ Mr. Bill Ho ทายาทรุ่นที่ 3
ที่อยู่ : Shop A, G/F, Comix Home Base, 1-11 Mallory Street, Wan Chai
Map : https://share.google/OgOx37qf6Cm0IAb7Q
คุณ Mr. Bill Ho ทายาทรุ่นที่ 3 เปิดใจเล่าถึงตำนานร้าน Ho Wah
ร้าน Ho Wah ก่อตั้งขึ้นในปี 1952 ในรูปแบบร้านรถเข็นเล็กๆ ริมถนนย่านหว่านไจ๋ โดยร้านดั้งเดิมตั้งอยู่ข้างร้านในปัจจุบัน ต่อมาในปี 1980 ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในตึกแถวและปรับโฉมเป็นร้านแนวคาเฟ่แห่งแรก และในปี 2013 ได้เปิดสาขาที่ 2 ขึ้นที่ข้างร้านเดิม ตามคำเชิญขององค์การฟื้นฟูเมืองของฮ่องกง (Urban Renewal Authority: URA)
ร้าน Ho Wah สาขาที่ 2 ตั้งอยู่ที่เลขที่ 7 ถนน Mallory ในอาคารประวัติศาสตร์ระดับ 2 ที่สร้างตั้งแต่ช่วงปี 1910 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูของ URA โดยอาคารแห่งนี้ยังคงรักษามรดกทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นเอาไว้ได้อย่างงดงาม ไม่ว่าจะเป็นระเบียงยื่นแบบมีคานรับ, หลังคาทรงจั่วที่ปูด้วยกระเบื้อง, ประตูไม้แบบบานเปิดสไตล์ฝรั่งเศส และบันไดไม้ภายในอาคาร
ในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ร้าน Ho Wah เผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน คุณ Mr. Bill Ho จึงตัดสินใจรับช่วงต่อกิจการและได้เรียนรู้ทุกอย่างจากคุณพ่อ เพื่อสานต่อตำนานของร้าน Ho Wah ให้คงอยู่ตลอดไป
คุณ Mr. Bill Ho เล่าว่า สิ่งที่ภาคภูมิใจที่สุดคือการได้สืบทอด ทั้งกิจการของครอบครัว ทั้งสูตรชานมฮ่องกงและแซนด์วิชสูตรดั้งเดิม แต่ความท้าทายที่ต้องเผชิญคือ การรักษาเอกลักษณ์และรสชาติตามแบบฉบับดั้งเดิมของ Ho Wah เอาไว้ ในขณะเดียวกันก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับโลกที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน
ชานมของ Ho Wah โดดเด่นไม่เหมือนใคร เป็นสูตรเฉพาะของครอบครัวที่ผสมผสานใบชาหลายชนิดจากหลากหลายประเทศเข้าด้วยกัน ทำให้ได้รสชาติที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ซึ่งแตกต่างจากร้านส่วนใหญ่ในฮ่องกงที่มักจะซื้อถุงชาสำเร็จรูปจากผู้ค้าส่งเพียงหนึ่งหรือสองราย ทำให้รสชาติชานมของร้านอื่นมีความคล้ายคลึงกัน
แนะนำเมนูซิกเนเจอร์ที่อร่อยลงตัวเมื่อทานคู่กับชานมมากที่สุด คือ เฟรนช์โทสต์ และ ขนมปังลูกเกดสอดไส้ ‘คายา’ (สังขยาแบบฮ่องกง) และเนยสด
คุณ Mr. Bill Ho ฝากถึงนักชิมชาวไทยที่อยากสัมผัสวัฒนธรรมอาหารแบบต้นตำรับ ขอแนะนำให้ลองไปร้านคาเฟ่สไตล์ฮ่องกงแบบดั้งเดิม เพราะจะได้สัมผัสเสน่ห์ของการผสมผสานเมนูอาหารและเครื่องดื่มแบบตะวันตกเข้ากับรสชาติแบบจีน ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่หาจากที่ไหนไม่ได้ และสะท้อนจิตวิญญาณของอาหารฮ่องกงได้อย่างแท้จริง
