ภาพยนตร์ บ้านเช่าบูชายัญ เล่าเรื่องราวของสองสามีภรรยา “กวิน – หนิง” ที่มีลูกสาววัย 7 ปี “น้องอิง” ทั้งสามพ่อแม่ลูกได้ตัดสินใจย้ายออกจากบ้านมาอยู่คอนโดแทนด้วยปัจจัยปริศนา พร้อมปล่อยบ้านของตัวเองให้คุณหมอวัยเกษียณ นามว่า “ราตรี” มาเช่าอยู่ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ได้เกิดเรื่องเล่าลึกลับ ทุกตีสี่จะได้ยินเสียงสวดมนต์คล้ายทำพิธีกรรมประจำลัทธิบางอย่าง พร้อมรอยสักประหลาดที่ปรากฏบนตัวของสามี รอยเดียวกับบนตัวของผู้เช่า จนท้ายที่สุดได้ตามมาด้วยเรื่องราวสุดสะเทือนขวัญ
บ้านเช่าบูชายัญ
ภาพยนตร์เรื่อง บ้านเช่าบูชายัญ นำเสนอแนวสยองขวัญ,ดราม่า นำแสดงโดย เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ, มิว นิษฐา คูหาเปรมกิจ, เพ็ญพักตร์ ศิริกุล กำกับโดย ผู้กำกับภาพยนตร์สยองขวัญแนวอสังหาริมทรัพย์อย่าง จิม โสภณ ศักดาพิศิษฏ์ ผู้กำกับภาพยนตร์ ลัดดาแลนด์ และ เพื่อน…ที่ระลึก โดยมีโปรดิวเซอร์มือฉมังอย่าง เก้ง จิระ มะลิกุลและ วัน วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์ มาร่วมงาน ซึ่งพล็อตของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ไอเดียมาจากเรื่องจริง คดีสะเทือนขวัญ เมื่อช่วงปี 2547 พ่อแม่แท้ๆ ฆ่าลูกบูชาพระอินทร์ และ คดีที่สามีฆ่าภรรยาคาห้องเช่า เพื่อบูชาองค์เทพ โดยมีการใช้พร็อพ (ของประกอบฉาก) อันมีนัยยะสื่อความหลอน อย่าง ตุ๊กตากูริ ซึ่ง ตุ๊กตามักจะเป็นพร็อพที่สื่อความหลอนได้ดี มีบางตำนานเล่าขานถึงความน่ากลัว เชื่อกันว่าเป็นที่สิงสถิตอยู่ของสิ่งลี้ลับ หรืออย่างความเชื่อของไทยโบราณตั้งแต่สมัยสุโขทัย เราก็จะมีตุ๊กตาเสียกบาล อันเป็นตุ๊กตาดินปั้น เอาไว้ใช้เป็นตัวแทน ปัดเป่าโรคภัย ไข้เจ็บ และรับอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองและญาติพี่น้อง บ้างก็ใช้ตุ๊กตาเสียกบาลนี้เป็นตัวแทนศัตรู ด้วยการใช้คาถาอาคมทำร้ายใส่ศัตรูแทน ( เรื่องนี้มันยาว…ไว้แอดจะมาเล่าให้ฟังในบทความต่อๆ ไปนะคะ ) หรืออย่าง กระเป๋าเดินทาง ซึ่งมักจะใช้คดีฆ่าอำพรางศพนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีสัญลักษณ์เลือด และพิธีกรรมสวดทุกๆ ตี 4 สุดหลอนที่อาจจะทำให้เพื่อนบ้านและเจ้าของบ้านปวดหัว หากเราเป็น หนิง (มิว นิษฐา) ในฐานะเจ้าของบ้านตามท้องเรื่อง เราก็คงไม่อยากเจอผู้เช่าชวนหลอนแบบนี้เป็นแน่ MTHAI จึงนำ 7 วิธีสแกนผู้เช่าบ้าน ไม่ชวนหลอน เบียวๆ (เบียว (คำสแลง) แปลว่า ป่วย) หรือเบี้ยวหนี้ให้ปวดกะโหลกมาฝากกันค่ะ
7 วิธีสแกนผู้เช่าบ้าน
1.ให้ผู้เช่ากรอกใบสมัคร
อย่าคิดว่าไม่จำเป็น ไม่ได้สมัครงานหาลูกจ้าง แต่นี่สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เจ้าของบ้านมีข้อมูลสำหรับวิเคราะห์และคัดกรองลูกค้าได้ ด้วยข้อมูลส่วนตัวของผู้ที่จะมาเช่า ก็คือ ประกอบอาชีพอะไร มีรายได้เพียงพอที่จะชำระค่าเช่าได้หรือไม่ สถานะทางการเงิน บุคคลอ้างอิงที่ติดต่อได้ ที่อยู่อาศัยที่เคยอยู่ในช่วงก่อนหน้า และเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ ต้องสอบถามข้อมูลส่วนตัวลูกค้าเบื้องต้น นเรื่องต่างๆ ต่อไปนี้ เช่น เหตุผลการย้ายที่อยู่ ระยะเวลาเช่า จำนวนคนที่มาอยู่ด้วย มีสัตว์เลี้ยงหรือไม่ สูบบุหรี่หรือไม่
ปกติ การปฏิเสธการให้เช่า มักมาจากเหตุผลหนึ่งเหตุผลใดดังต่อไปนี้ เรื่องสัตว์เลี้ยงของผู้เช่า จำนวนผู้อยู่อาศัยในแต่ละห้องมากเกินไป มีหลักฐานหรือข้อมูลอ้างอิงจากหัวหน้างานเก่าหรือผู้ให้เช่าคนก่อนในทางลบ และฐานะการเงินไม่มั่นคง เช่น ไม่มีรายได้ประจำ
2.ดูบุคลิก ลักษณะการแต่งกาย ข้าวของเครื่องใช้ของผู้จะเช่า
เมื่อผู้จะเช่าเข้ามาดูห้องหรือบ้าน ให้สังเกตเสื้อผ้า การแต่งตัว รถยนต์ ข้าวของเครื่องใช้และบุคลิก ท่าทาง การพูดคุย ว่าเป็นคนแบบไหน หากสกปรก เปรอะเปื้อน ขาดการดูแล หรือดูมีอาการทางจิต ดูไม่น่าไว้วางใจ ให้เดาได้เลยว่าลูกค้ารายนี้ เป็นผู้เช่าที่พอเข้ามาอยู่แล้ว จะไม่ดูแลอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงให้สังเกตการโต้แย้ง หากติเล็กติน้อย และแสดงท่าทางอยากต่อรองค่าเช่าให้ต่ำลง ให้ตั้งสมมติฐานไว้ได้เลย ว่านั่นคือผู้เช่าไม่ดี
ปกติแล้ว กลุ่มผู้เช่าต้องห้ามที่ควรต้องปฏิเสธการให้เช่า จะได้แก่ เด็กนักเรียนที่อายุน้อยยังไม่บรรลุนิติภาวะเข้ามาอยู่ตามลำพัง กลุ่มวัยรุ่นที่ยังไม่มีงานทำและไม่ได้เรียนหนังสือ ครอบครัวที่มีเด็กอ่อนเด็กเล็ก ผู้เช่าที่มีข้าวของเพียงกระเป๋าใบเดียว ผู้ขอเช่าที่ไม่สามารถให้หลักฐานแนบสัญญาเช่าได้ ผู้ที่ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง ผู้หญิงที่มีอาชีพพิเศษหรือทำงานกลางคืน ชาวต่างชาติที่เข้าเมืองแบบไม่ถูกต้อง และผู้ไม่มีอาชีพถาวรเป็นหลักแหล่งหรือไม่มีผู้อ้างอิงได้
3.สอบถามบุคคลอ้างอิง
ลองโทรศัพท์ไปพูดคุยและสอบถามบุคคลอ้างอิง หรือสถานที่เช่าเดิมของลูกค้ารายนั้นดู ว่าบุคคลผู้นั้นเคยมีปัญหาอะไร มาก่อนหรือไม่
4.ตรวจเช็กเครดิต
ตรวจเช็กเครดิตจากเครดิตบูโรในฐานะเจ้าของอสังหาฯ ที่เป็นผู้ให้เช่า มีสิทธิที่จะขอตรวจเช็กเครดิตจากผู้จะเช่าได้ โดยอาจกำหนดเป็นเงื่อนไขที่ต้องทำเป็นปกติก่อนเซ็นสัญญาเช่ากัน ซึ่งหากพบว่าผู้จะเช่ามีปัญหาทางด้านเครดิต ขอให้คิดไว้ก่อนได้เลยว่าผู้เช่ารายนี้ มีนิสัยชอบจ่ายเงินล่าช้า ซึ่งจะรวมถึงค่าเช่าด้วย ดังนั้นลูกค้าประเภทนี้ ถ้าเลี่ยงได้ ควรเลี่ยงจะดีกว่า
5.กำหนดการวางเงินค้ำประกันอย่างเหมาะสม
กำหนดการวางเงินค้ำประกันอย่างเหมาะสมถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือชั้นดีในการคัดกรองผู้เช่า ยิ่งกำหนดไว้สูงเท่าไหร่และผู้เช่าสามารถจ่ายได้ นั่นหมายความว่าผู้เช่ามีฐานะดีพอที่จะจ่ายค่าเช่าได้ ปัจจุบันเพดานสูงสุดตามกฎหมายใหม่ ที่บังคับอยู่ในปัจจุบันกับการให้เช่าห้องพักตั้งแต่ 5 ห้องขึ้นไป ก็คือ เจ้าของจะเรียกเงินค้ำประกันได้ไม่เกิน 1 เดือน และค่าเช่าล่วงหน้าอีก 1 เดือน
6.คัดกรองในตอนที่ตกลงที่จะเช่า
คือในจังหวะที่ผู้จะเช่า ต้องวางเงินดาวน์หรือเงินจอง และนัดวันที่จะมาเซ็นสัญญากัน ในขั้นตอนนี้ หากผู้เช่าไม่ได้นำเงินมาด้วย ให้ลองนัดวันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อวางเงินและเซ็นสัญญาเช่า หากผู้เช่าไม่สามารถกำหนดวันที่แน่นอนได้ นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้อย่างหนึ่งว่าลูกค้ารายนี้ เป็นลูกค้าที่มีปัญหา
7.คัดกรองตอนเซ็นสัญญาเช่าให้สังเกตดูปฏิกิริยาของผู้เช่า
สังเกตดูปฏิกิริยาของผู้เช่า ในการโต้แย้งกับเงื่อนไขในสัญญาเช่าว่ามีมากน้อยแค่ไหน ขอให้ระวังผู้เช่าที่โต้แย้งข้อความเล็กน้อยในแทบทุกประเด็น หรือผู้เช่าที่โต้แย้งในประเด็นเงื่อนไขการไล่ออก หรือบทลงโทษกรณีจ่ายค่าเช่าไม่ตรงเวลา
ในขั้นตอนนี้ อาจมีผู้เช่าที่เซ็นสัญญาเช่าโดยไม่ชอบอ่านสัญญาเช่าเลย เพราะถือเป็นเรื่องเล็กน้อย วิธีจัดการเรื่องนี้ที่ดีที่สุด ก็คือทำความเข้าใจกับผู้เช่าในเงื่อนไขของสัญญาเช่าให้กระจ่างในทุกประเด็น ซึ่งจะช่วยลดปัญหาที่มีโอกาสเกิดในอนาคตได้
ทั้งหมดนี้จะช่วยคัดกรองผู้เช่าบ้านได้ในระดับหนึ่ง เป็นการป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตบางส่วน อย่าลืมกลับไปสอดส่องบ้านบ้าง ผูกมิตรกับเพื่อนบ้านให้ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ หมั่นตรวจสอบค่าเช่าบ้านว่าโอนมาครบหรือไม่ ตรงกำหนดหรือเปล่า หากมีสิ่งผิดปกติ ควรรีบสื่อสาร ติดต่อผู้เช่าบ้านทันที
และอย่าลืม รับชมความหลอนบีบหัวใจไปให้สุดกับภาพยนตร์ บ้านเช่าบูชายัญ ได้แล้ววันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์ !
ภาพประกอบจาก gdh559
เนื้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
วิธีไหว้พระภูมิเจ้าที่ พร้อมบทสวดขอพรให้ดูแลคุ้มครองบ้าน
วิธีเลือกศาลพระภูมิ ให้เหมาะกับเจ้าของบ้าน รู้งี้ก็ไม่ยากแล้ว
