วิธีดูแลสุขภาพ อาการเครียด เครียดแล้วกิน

5 วิธี “เลิกนิสัยเครียดแล้วกิน” ดูแลสุขภาพวิถีใหม่แบบ New Normal

รู้หรือไม่ ความเครียดและความกังวลที่เกิดขึ้น อาจส่งผลต่อพฤติกรรมการรับประทานอาหารของเรา - เลิกนิสัยเครียดแล้วกิน

Home / HEALTH / 5 วิธี “เลิกนิสัยเครียดแล้วกิน” ดูแลสุขภาพวิถีใหม่แบบ New Normal

รู้หรือไม่ว่า…ความเครียดและความกังวลที่เกิดขึ้นอาจส่งผลต่อพฤติกรรมการรับประทานอาหารของเรา และนำไปสู่อาการ “รับประทานตามอารมณ์” (emotional eating) หรือ “รับประทานเพราะความเครียด” (stress eating) ที่ทำร้ายสุขภาพได้

5 วิธีเลิกนิสัย เครียดแล้วกิน

ตอนนี้หลายคนกำลังเรียนรู้วิถีชีวิตแบบใหม่ที่เรียกว่า New Normal ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการติดต่อสื่อสารของเรา รวมถึงการทำงาน ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต เช่นการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายของเราไปอย่างสิ้นเชิง การเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีใครคาดคิดนี้ส่งผลให้เราต้องปรับตัวและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกเครียดไม่น้อยเลย

อาการ “กินเพราะเครียด” คืออะไร

การรับประทานอาหารเพราะความเครียดหรือรับประทานตามอารมณ์ คือการที่เรารับประทานอาหารเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติเพื่อหลบหนีจากอารมณ์ด้านลบที่เรากำลังเผชิญอยู่ และหวังว่าอาหารที่รับประทานเข้าไปจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ บางครั้งเราก็เลือกรับประทานอย่างมีสติ แต่บ่อยครั้งเมื่อเราเกิดอารมณ์ด้านลบ เราก็มักเผลอรับประทานจุบจิบแก้เครียดโดยไม่รู้ตัว ความเครียดและความรู้สึกเบื่อหน่ายอาจกระตุ้นให้เรารับประทานตามอารมณ์ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่คุณต้องอยู่แต่ในบ้านและสามารถหยิบรับประทานอาหารได้ตามใจตลอดเวลา

ไม่ว่าเราจะสั่งอาหารคอมฟอร์ทฟู้ดหรืออาหารที่รับประทานแล้วให้ความรู้สึกดี ๆ ทำง่าย ไม่ยุ่งยาก รสชาติถูกปากซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาหารที่มีแคลอรี่และน้ำตาลสูง หรือเราจะปรุงอาหารรับประทานเองที่บ้านด้วยวัตถุดิบที่มีอยู่ในครัว เราก็อาจรับประทานอาหารต่างไปจากปกติได้ถ้ารู้สึกเครียดหรือมีอารมณ์ด้านลบ

เพราะความเครียดทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้าและซึมเศร้าได้ เราจึงอยากรับประทานเมนูคอมฟอร์ทฟู้ดที่ดีต่อใจมากกว่ารับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพในเวลานั้น อาหารคอมฟอร์ทฟู้ดที่มีแคลอรี่สูงเหล่านี้จะไปกระตุ้นสารเคมีในสมองที่ช่วยให้เรารู้สึกดีและทำให้เกิดความอยากรับประทานอีกเรื่อย ๆ และเมื่อเรารับประทานมากเกินไป น้ำหนักตัวก็เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้เราเครียดและยิ่งรับประทานมากขึ้นไปอีก กลายเป็นวงจรทำร้ายสุขภาพไม่รู้จบ

เคล็ดลับวิธีหยุด “กินเพราะเครียด” ที่ดีที่สุด

สิ่งสำคัญที่สุดที่เราควรทำตอนนี้ก็คือ ดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองให้ดี รวมถึงฝึกนิสัยการรับประทานอาหารที่ดีที่จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ซูซาน โบเวอร์แมน ผู้อำนวยการอาวุโสด้านการศึกษาและการฝึกอบรมโภชนาการระดับโลกของ เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น ได้ให้คำแนะนำดี ๆ ที่จะช่วยให้เราเลิกรับประทานตามอารมณ์ หรือ emotional eating อย่างได้ผล ดังต่อไปนี้

1.ยอมรับความรู้สึกด้านลบที่เกิดขึ้นในใจ

เรารู้อยู่แล้วว่าอารมณ์ความเครียดเป็นตัวกระตุ้นให้เราเกิดพฤติกรรมการรับประทานที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ทางแก้ก็คือเราควรยอมรับความรู้สึกด้านลบที่เกิดขึ้น และเข้าใจว่าเราสามารถรู้สึกโกรธ ไม่พอใจ เหงา และเบื่อได้ในบางครั้ง แม้มันจะไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีแต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นอันตราย และเราไม่จำเป็นต้องหาทาง “แก้” อารมณ์เหล่านั้นเสมอไป ปล่อยให้ความรู้สึกมันเกิดขึ้นและปล่อยวางโดยไม่ต้องไปคิดว่ามันเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีบ้าง

2.หาวิธีผ่อนคลายอารมณ์แบบอื่น ๆ

ลองออกไปเดินเล่นหรือดื่มชาสมุนไพรสักถ้วยอาจจะช่วยคลายเครียดได้ดีกว่า ถ้าคุณรู้สึกอยากรับประทานอาหารจริง ๆ ให้เลือกอาหารที่แข็งและกรุบกรอบ เช่น อัลมอนด์ เมล็ดถั่วเหลือง หรือเบบี้แครอท เพราะการใช้ฟันขบเคี้ยวและการบริหารขากรรไกรจะช่วยลดความเครียดได้

3.รับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อ อย่าอดอาหาร

บอกตัวเองให้รับประทานอาหารทุกมื้อตามปกติ บางครั้งเวลาที่เราเครียด เราอาจเลื่อนเวลารับประทานอาหารออกไปหรือไม่รับประทานเลย แล้วเราจะสูญเสียระดับพลังงานที่ร่างกายต้องการ และพอถึงเวลาที่เรารับประทานจริง ๆ เราอาจจะลงเอยด้วยการรับประทานมากเกินความต้องการ ถ้าความเครียดทำให้เราไม่รู้สึกอยากอาหาร ลองรับประทานในปริมาณที่น้อยลงแต่รับประทานให้บ่อยขึ้นในระหว่างวันแทน

4.ลดคาเฟอีน

เวลาที่เราเครียด ร่างกายเรามักรู้สึกขาดพลังงานและหันไปหาเครื่องดื่มคาเฟอีนเพื่อให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้ประเปร่า แต่ก็ทำให้เรานอนไม่หลับตอนกลางคืน แนะนำให้ดื่มกาแฟและชาที่ไม่มีส่วนผสมของคาเฟอีนแทน

5.ฝึกรับประทานอาหารอย่างมีสติ (mindful eating)

เวลาที่เรารับประทานอาหารอย่างมีสติ เราจะสังเกตเห็นสัญญาณร่างกายตัวเองได้ดีขึ้นเวลาที่รู้สึกหิวหรืออิ่ม และมองเห็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เรารู้สึกอยากรับประทานตั้งแต่แรกได้ง่ายขึ้นด้วย การรับประทานอย่างมีสติช่วยให้เราเลี่ยงการรับประทานมากจนเกินไปและทำให้เราเพลิดเพลินกับอาหารที่รับประทานได้มากขึ้นแม้ในตอนที่เรารับประทานน้อยลงก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้น เราจะใส่ใจเลือกสรรอาหารที่ดีให้แก่ร่างกายมากขึ้น

จำไว้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เราจะจำกัดปริมาณอาหารที่รับประทานเข้าไป แต่เป็นเวลาที่เราต้องให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์อย่างเพียงพอแก่การสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันที่ดี แม้วิกฤติการแพร่ระบาดโควิด-19 นี้จะสร้างความเครียดแก่เราทุกคน แต่การรู้จักรับมือกับความเครียดที่เกิดขึ้นอย่างเข้าใจและรู้วิธี จะช่วยให้เราและคนที่เรารักมีสุขภาพกายและใจที่เข้มแข็ง และสามารถก้าวผ่านช่วงเวลายากลำบากนี้ไปด้วยกัน