วัดบางปรงธรรมโชติการาม
สันนิษฐานว่า วัดบางปรงธรรมโชติการาม หรือ วัดบางปรง สร้างขึ้นในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา หรือ ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น แต่ได้ตั้งวัดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2450 ตรงกับสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2547 โดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานคู่วัดมาแต่เก่าก่อนนั่นก็คือ หลวงพ่ออู่ทองศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธรูปทองสำริด ไม่ทราบชัดเจนว่าสร้างขึ้นมาในสมัยใด สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยอู่ทอง เป็นที่นิยมมาขอพร สุขภาพ การงานและการเรียน ซึ่งพระครูโชติพัฒนากร (เสนีย์ รุจิธัมโม) ท่านเจ้าอาวาสกล่าวว่า ถ้าไม่ผิดศีล ผิดธรรมก็จะมักจะมากราบไหว้ขอพรแล้วสัมฤทธิ์ผลกัน
อุโบสถ
อุโบสถเก่าได้รับการบูรณะใหม่ มีลักษณะเป็นอาคารทรงไทยก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่ มีพาไลโดยรอบ หลังคาอุโบสถเป็นทรงจั่วมุขลดมุงกระเบื้องดินเผาแบบเกล็ดปลา หน้าบันทั้งหน้าและหลังประดับลายเทพนม ล้อมรอบด้วยลายเครือเถา พื้นปิดกระจกสี (สีฟ้าหรือสีน้ำเงินเป็นหลัก) คอสองประดับด้วยปูนปั้นลายใบไม้ ที่ผนังสกัดหน้าด้านนอกทำเป็นซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย มีเสมาทำจากหินทรายสีแดงประดิษฐานอยู่ในซุ้มทรงกูบด้านหน้าซุ้มพระพุทธรูป ภายในเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่ออู่ทองศักดิ์สิทธิ์
หลวงพ่ออู่เงิน
วิหารหลวงพ่ออู่เงิน
พระมหาเจดีย์ศรีพุทธวรญาณ
แต่ถึงแม้ความศักดิ์สิทธิ์ของ หลวงพ่ออู่ทองศักดิ์สิทธิ์ จะเป็นที่ทราบกันดีในหมู่คนในพื้นที่ แต่วัดบางปรงก็ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2556 พระครูโชติพัฒนากร (เสนีย์ รุจิธัมโม) ท่านเจ้าอาวาสนั้นได้สร้างมหาเจดีย์ขนาดใหญ่และสวยงามขึ้นกลางวัด ชื่อว่า พระมหาเจดีย์ศรีพุทธวรญาณ เพื่อให้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุจาก 2 ประเทศ อันได้รับพระราชทานจากองค์สมเด็จพระสังฆราชถึง 2 พระองค์ ได้แก่ ส่วนแรกได้รับพระราชทานจาก สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร ( สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19) และส่วนที่ 2 ได้รับพระราชทานจาก สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก องค์ปัจจุบัน เมื่อครั้งท่านเจ้าอาวาสวัดได้จาริกไปเมียนมาและได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระองค์ เท่ากับว่าที่วัดแห่งนี้มีพระบรมสารีริกธาตุจาก 2 ประเทศรวมกัน
พระบรมสารีริกธาตุ
พระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐานอยู่ชั้นบนสุดของพระมหาเจดีย์ศรีพุทธวรญาณ ซึ่งอาคารนี้ได้รับการออกแบบให้รองรับผู้สูงอายุ และคนพิการได้เข้าถึงชั้นบนสุดของตัวอาคารได้โดยสะดวก ด้วยมีเส้นทางลาดสำหรับรถเข็นขึ้นไปถึงชั้น 3 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของตัวอาคาร
ส่วนชั้น 3 รอบมุมอาคาร ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญตัวแทนจากทั้ง 4 ภาค ทำด้วยหยกจากพม่า ได้แก่
- พระพุทธชินราช พระพุทธรูปหยกขาว ตัวแทนสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากทางภาคเหนือ จ.พิษณุโลก
- หลวงพ่อทันใจ พระพุทธรูปหยกขาว ตัวแทนสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากทางภาคตะวันออก จ. ฉะเชิงเทรา
ตามจริงแล้ว หลวงพ่อโสธร คือตัวแทนสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากทางภาคตะวันออก แต่เนื่องจากทางวัดประดิษฐานหลวงพ่อโสธรไว้ในอุโบสถแล้ว เหล่าญาติโยม ผู้มีจิตศรัทธาจึงขออนุญาตท่านเจ้าอาวาส สร้างหลวงพ่อทันใจ มาประดิษฐานแทน - พระใส พระพุทธรูปหยกเขียว ตัวแทนสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.หนองคาย
- พระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปหยกเขียว ตัวแทนสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากทางภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช
ชั้น 1 ประดิษฐานพระราหู เจ้าแม่กวนอิม พระพิฆเนศ และพระพุทธรูปต่างๆ
พระราหู
นิยมมากราบไหว้ขอพร พลิกร้ายกลายดี
ชั้นสอง ประดิษฐานพระพุทธรูปและรูปปั้นพระเกจิอาจารย์ต่างๆ
จุดสักการะสำคัญคือ เป็นที่ประดิษฐานของ พระพุทธรูป 3 พี่น้อง ซึ่งมีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า พระพุทธรูปทั้งสามองค์นี้ ได้ลอยน้ำขึ้นมายังท่าน้ำวัดต่างๆ มี หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน และ หลวงพ่อวัดบ้านแหลม
เป็นวัดสวย ฉะเชิงเทราอีกแห่ง ที่จะได้มากราบพระ ใกล้ธรรม ชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ ซึ่งทางวัดเองก็เปิดให้เข้าชม สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันได้ทุกวัน ตั้งแต่ 07.00 น. -17.00 น.
ภาพโดย แพรว
ที่อยู่ : วัดบางปรงธรรมโชติการาม หมู่ 9 ตำบลบางพระ อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา
Google map :https://maps.app.goo.gl/nj43Wx4g2opAkNXR6
เวลาเปิด – ปิด : 07.00 น. -17.00 น.
เนื้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
วัดพุทธพรหมยาน แดนสวรรค์บนสายน้ำบางปะกง แห่งเกาะลัด
ไหว้หลวงพ่อโสธร ปล่อยปลา ขอพรสมหวัง ณ วัดโสธรวรารามวรวิหาร
ทริกขอพรพญามังกร วัดจีนประชาสโมสร (วัดเล่งฮกยี่) จ.ฉะเชิงเทรา