มาเล้…มาเล้ หากพูดถึง มาเลเซีย เพลงชิคๆ คูลๆ ของหนุ่ม เป้ อารักษ์ ก็คงผุดเข้ามาในหัวของใครหลายคน และ ‘กัวลาลัมเปอร์’ ก็คงเป็นเมืองที่หลายคนนึกถึงและพร้อมมุ่งไปเป็นแน่ แต่รู้หรือไม่ว่า ไม่ใช่แค่เมืองหลวงอย่างกัวลาลัมเปอร์เท่านั้น ที่เป็นจุดเช็คอินหลักของเหล่านักท่องเที่ยว แต่เมืองริมชายฝั่งทะเลอย่าง ‘ตรังกานู’ ก็เป็นอีกหนึ่งรัฐของประเทศมาเลเซียที่มีเสน่ห์และน่าท่องเที่ยวไม่แพ้กัน
ตรังกานู หรือ เตอเริงกานู เป็นรัฐสุลต่าน หนึ่งใน 13 รัฐที่ประกอบขึ้นเป็นสหพันธ์มาเลเซีย รัฐตรังกานูตั้งอยู่ริมชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของมาเลเซียตะวันตก ทิศเหนือและทิศตะวันตกติดต่อกับรัฐกลันตัน ทิศใต้ติดต่อกับรัฐปะหัง และทิศตะวันออกจรดกับทะเลจีนใต้ เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา Mthai มีโอกาสได้เดินทางไปสัมผัสวัฒนธรรมและชื่นชมมนต์เสน่ห์ของรัฐตรังกานู กับ การท่องเที่ยวมาเลเซีย เชื่อว่าหากใครได้ไปสัมผัสวัฒนธรรมแบบที่ Mthai ได้สัมผัสล่ะก็ จะต้องหลงเสน่ห์ตรังกานูไม่แพ้ที่ไหนๆ ในมาเลเซียอย่างแน่นอน
ทริปนี้ การท่องเที่ยวมาเลเซีย พาผู้ร่วมทริปเดินทางเข้าประเทศมาเลเซียผ่าน ‘ด่านพรมแดนตากใบ’ ซึ่งการเดินทางไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด จากสนามบินดอนเมืองมุ่งสู่ท่าอากาศยานนราธิวาส จากด่านพรมแดนตากใบนั่งเรือข้ามฟากไปยังด่านตรวจคนเข้าเมือง Kampung Pengkalan Kubur และหลังจากนั้นก็ยิงยาวด้วยการเช่ารถขับแบบชิลๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเพราะน้ำมันที่นี่ราคาถูกมาก แนะนำว่ารวมทริปไปกับแก๊งเพื่อนสนิท คอนเฟิร์มความสนุกสุดเหวี่ยง
วันนี้ Mthai ขอนำแนะ 8 สถานที่ท่องเที่ยวหลัก ที่หากใครได้ไปเยือน ตรังกานู มาเลเซีย ไม่ควรพลาดเช็คอินอย่างยิ่ง มีที่ไหนบ้างนั้นตามไปส่องได้เลย
Terrapuri Heritage Village : เทอร์ราปุรี เฮอริเทจ วิลเลจ เป็นรีสอร์ทสุดชิคที่นักท่องเที่ยวสายวินเทจไม่ควรพลาด ซึ่ง Terrapuri หมายถึงดินแดนแห่งราชวัง อนุรักษ์และบำรุงบ้านเก่าแก่ ตรังกานู-มาเลย์ ที่มีอายุตั้งแต่ 100-250 ปี แต่ถึงจะเป็นเรือนโบราณแบบดั้งเดิม เทอร์ราปุรี เฮอริเทจ วิลเลจ ก็ยังคงความสะดวกสบาย เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเฉกเช่นที่พักทั่วไป และมีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปมากมาย Mthai แนะนำให้ทุกคนลองมาสัมผัสความวินเทจที่นี่สักครั้ง ตามรอยพระเอกรูปหล่อ มาริโอ้ เมาเร่อ ที่เขาเคยแวะมาพักและรีวิวรีสอร์ทแห่งนี้ลงช่องยูทูปของเขา โอ้คอนเฟิร์มแล้วว่าปังมาก!
Rumah Botol Ayahku : พิพิธภัณฑ์บ้านขวด คือบ้านที่เต็มไปด้วยขวด ซึ่งเป็นของชายชราวัย 80 ปี นามว่า Tengku Mohammad Ali Mansor หรือที่คนแถวนั้นมักเรียกกันว่า ลุง Pok Ku การสะสมขวดของเขามีจุดเริ่มต้นแค่ต้องการทำความสะอาดชายหาดบริเวณบ้านที่เขาเห็นว่ามีขวดจำนวนมากลอยมาติด และส่วนตัวที่เป็นคนชอบแก้วชอบขวดและสะสมของเหล่านี้เป็นทุนตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว เขาเริ่มสะสมมันเรื่อยมา และจริงจังมากขึ้นในปี 2005 ภายใต้ความตั้งใจที่ว่าเขาจะรักษาชายหาดให้สะอาดที่สุด ไม่ต้องการให้มีขวดแตกหรือเศษแก้วไปบาดเท้านักท่องเที่ยว บางขวดมีรูปร่างแปลกตา บางขวดลอยมาจากที่แสนไกล ในแต่ละวัน ลุง Pok Ku จะเดินเท้าหลายกิโลเมตรเพื่อทำความสะอาดชายหาดและเก็บขวดแก้วเหล่านั้น แต่เมื่อแก่ชราลงเขาเปลี่ยนจากการเดินเก็บด้วยตัวเอง เป็นการให้เด็กแถวนั้นเป็นผู้เก็บและจ่ายเงินให้เด็กเพื่อนำขวดมาสะสม หรือในบางโอกาสก็มีผู้คนบริจาคขวดให้เขาด้วย
แม้ปัจจุบันจะมีขวดมากมายเฉียดหนึ่งหมื่นขวด แต่ลุง Pok Ku ก็ยังอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเดิมไม่ย้ายไปไหน และได้เรียกบ้านหลังนี้ของเขาว่า Rumah Botol หรือ บ้านขวด พร้อมทั้งยังปลูกฝังให้เด็กในชุมชนใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น หากใครไปเยือนมาเลเซียแล้วอยากไปเยี่ยมชมบ้านขวด ลุง Pok Ku จะเปิดบ้านให้เข้าชมทุกวัน 2 ช่วงเวลา คือช่วงเช้า 8-30 – 12.00 และช่วงบ่าย 14.00 – 16.00 ทั้งนี้เวลาอาจไม่แน่นอน เอาเป็นว่าขาเที่ยวทั้งหลาย เช็คเวลาก่อนเดินทางสักนิดก็จะช่วยให้สะดวกมากขึ้น
Terengganu Drawbridge : สะพานชัก Terengganu Drawbridge อีกหนึ่งจุดเช็คอินของรัฐตรังกานู สะพานที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Tower Bridge อันโด่งดังของ London เป็นสะพานชักแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความยาวกว่า 638 เมตร ข้ามแม่น้ำตรังกานู เชื่อมต่อระหว่าง Kuala Terengganu และ Seberang Takir มีความสูงเท่ากับตึก 15 ชั้น มีหอคอย 2 จุด ซึ่งเชื่อมต่อด้วยสะพาน การออกแบบสถาปัตยกรรมของสะพานมีลวดลายซับซ้อนคล้ายยอดแหลมของมัสยิด ที่นี่เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชื่นชมความสวยงามของวิวเมืองตรังกานูด้านบนหอคอย เอาใจสายแอดเวนเจอร์ด้วยพื้นกระจกใส ใครไหวโปรดขึ้นไปอย่างไวเลยเพราะวิวสวยมาก และไฮไลท์ของ Terengganu Drawbridge คือการได้ชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น และแสงสีของไฟยามค่ำคืน
Kapas Island : เกาะคาปาซ เกาะเล็กๆ ทางตะวันออกของตรังกานู อีกหนึ่งไฮไลท์ที่สายรักทะเลห้ามพลาด เพราะบรรยากาศชิลสุดๆ ซึ่งการเดินทางไปเกาะคาปาซนั้นไม่ยากเลย นั่งเรือจากฝั่งท่าเทียบเรือซึ่งมีให้เลือกหลากหลายบริษัท ในเรื่องของราคานั้นประมาณ 30-40 ริงกิต ต่อคน พร้อมอุปกรณ์ดำน้ำ เกาะคาปาซเป็นเกาะเล็กๆ บรรยากาศค่อนข้างสงบ แต่ก็ยังมีรีสอร์ทบนเกาะไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่อยากพักค้างคืน รวมถึงคาเฟ่สำหรับสายทำคอนเท้นท์ด้วย แต่แจ้งไว้ก่อนสำหรับสายดื่มสายตี้ ว่าที่เกาะแห่งนี้ไม่มีแฮลกอฮอล์จำหน่าย ส่วนใครที่ชื่นชอบการดำน้ำดูปลา เกาะคาปาซตอบโจทย์แน่นอน จุดดำน้ำยังคงสมบูรณ์ไปด้วยปะการังและฝูงปลา ใครกังวลเรื่องความปลอดภัยขอให้สบายใจได้ เพราะบนเรือทุกลำมีอุปกรณ์ดำน้ำและเสื้อชูชีพให้ครบคน เป็นกฎหมายของมาเลเซียที่บริษัทเรือทุกบริษัทต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ใครมาเยือนตรังกานู Mthai แนะนำให้นั่งเรือไปเกาะคาปาซดูสักครั้ง สวย สงบ น่าประทับใจไม่แพ้ทะเลบ้านเราเลย
Singgang Budu : ร้านอาหารพื้นเมืองมาเลเซีย จัดว่าเป็นร้านดังในตรังกานูเลยก็ว่าได้ บรรยากาศของร้านคล้ายร้านข้าวแกงในไทยเรา แต่เป็นข้าวแกงสไตล์บุฟเฟ่ต์ที่มีอาหารให้เลือกหลากหลายนับ 100 ชนิด ซึ่งภายในร้านทุกพื้นที่เต็มไปด้วยชาวมาเลเซียที่เดินทางมาฝากท้องด้วยของคาวหวาน น้ำ และผลไม้ วัฒนธรรมการกินของชาวตรังกานู จะไม่นิยมใช้ช้อนส้อม แต่ใช้มือในการนำอาหารเข้าปาก แต่ยังคงมีช้อนไว้ให้สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ถนัดกินด้วยมือ หรือหากอาหารชนิดใดเป็นน้ำ คนท้องถิ่นเองก็มีความจำเป็นต้องใช้ช้อนเช่นกัน
Chinatown Terengganu / Kampung China : กัมปงจีน หรือ ไชน่าทาวน์ในเมืองตรังกานู ตั้งอยู่ในกัวลาตรังกานู ริม Jalan Bandar เป็นแหล่งชุมชนชาวจีนแห่งแรกๆ ในมาเลเซีย มีอายุเกือบ 200 ปี ขนาดไม่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับไชน่าทาวน์ในเมืองใหญ่อย่างกัวลาลัมเปอร์ บรรยากาศในกัมปงไชน่าจะคับคั่งไปด้วยบ้านเรือน ร้านค้า ร้านอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาคารเก่าแก่ ในอดีตเป็นที่อยู่และประกอบอาชีพของชาวจีน แต่ปัจจุบันมีทั้งคนมาเลเซียท้องถิ่น คนอินเดีย เข้ามาประกอบอาชีพและธุรกิจในย่านนี้ด้วย ใครที่มาท่องเที่ยวย่านนี้ก็จะคึกครื้นหน่อย เนื่องจากมีร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวมากมาย หากไม่ใช่ชาวมุสลิม ย่านนี้ค่อนข้างเหมาะแก่การสังสรรค์มาก ถือเป็นไชน่าทาวน์ที่มีสีสันแห่งหนึ่งในมาเลเซีย
Lapan Kubah Jerteh : อีกหนึ่งจุดเช็กอินและจุดถ่ายรูปที่น่าประทับใจมาก มัสยิด Lapan Kubah Jerteh เป็นมัสยิดที่มีรูปลักษณ์และสีสันสวยงาม หากใครได้มาเยือนมาเลเซีย Mthai ก็อยากแนะนำให้มาเช็คอินที่นี่สักครั้ง ให้ความรู้สึกเหมือนได้ไปเยือนมัสยิดในเมืองยุโรป แต่ความจริงอยู่ใกล้บ้านเราแค่มาเลเซียนี่เอง
Street Art Kota Bharu : ก่อนจบทริปเดินทางไปยังเมือง โกตาบารู เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐกลันตัน กันสักนิดเป็นการส่งท้าย เยี่ยมชมศิลปะบนกำแพงสตรีทอาร์ตที่เปิดให้เข้าชมฟรี การถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นอยู่ของชาวปาเลสไตน์ผ่านรูปภาพ ทำให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงอารมณ์และความรู้สึกได้ดี ใครชอบประวัติศาสตร์และงานศิลปะพลาดจุดนี้ไม่ได้แล้ว
สุดท้ายนี้อยากจะบอกกับเหล่านักท่องเที่ยวว่า ตรังกานู มาเลเซีย เป็นเมืองที่มีน้องแมวเยอะมาก ไม่ว่าจะเดินไปจุดไหนมักจะเห็นเจ้า 4 ขาร้องเหมียวๆ ทั่วเมือง ใครเป็นทาสแมวล่ะก็ พกอาหารติดกระเป๋าไปสัก 2 ซอง ก็จะช่วยให้การเที่ยวทริปนี้แฮปปี้ยิ่งขึ้น
ขอบคุณภาพประกอบบางส่วนและข้อมูลเพิ่มเติมจาก : เพจ การท่องเที่ยวมาเลเซีย, เพจ Singgangbudu และ kakitravel
รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/malaysia.travel.th
#การท่องเที่ยวมาเลเซีย #malaysiatrulyasia #TourismMalaysia