ฝรั่ง มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Guava เป็นผลไม้ที่มีราคาถูกและหาได้ง่ายมีให้ทานตลอดทั้งปี การกินฝรั่งไม่ควรปอกเปลือกเพราะมีวิตามินและแร่ธาตุอยู่มากมาย แค่กินฝรั่งวันละ 1 ลูก ก็ช่วยให้ห่างไกลโรคได้ นี่คือประโยชน์ของฝรั่งที่คุณควรรู้!!
มีสารต้านอนุมูลอิสระ
ฝรั่งมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูงทั้งสารโพลีฟีนอลและสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ มีฤทธิ์ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์จึงมีฤทธิ์ยับยั้งและป้องกันเซลล์มะเร็ง ทั้งยังช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ จอประสาทตาเสื่อม โรคข้ออักเสบ
ช่วยต้านหวัด
ปริมาณฝรั่ง 100 กรัม มีปริมาณวิตามินซี 160 มิลลิกรัม ซึ่งมีวิตามินซีสูงกว่าส้มถึง 3 เท่า จึงช่วยป้องกันหวัด เสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
แก้อาการท้องผูก
ฝรั่งเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักเพราะมีไฟเบอร์สูงจึงช่วยทำให้อิ่มท้องนานแล้วยังช่วยในการกระตุ้นระบบขับถ่าย ทำให้อุจจาระนิ่ม ป้องกันอาการท้องผูก ป้องกันโรคริดสีดวงทวารและมะเร็งลำไส้ใหญ่
ป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง
ฝรั่งชมพู 100 กรัม มีไลโคปีนถึง 5,204 ไมโครกรัม ซึ่งมากกว่ามะเขือเทศถึง 2 เท่า สารไลโคปีนจะช่วยต้านอนุมูลอิสระจึงลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งปอด
ช่วยลดความดันโลหิต
ฝรั่งอุดมไปด้วยโพแทสเซียมซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยในการควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจ ลดภาวะจากการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง และลดความดันโลหิต หากร่างกายขาดโพแทสเซียมจะทำให้เกิดอาการบวมและโรคหลอดเลือดหัวใจ
ช่วยดับกลิ่นปาก
ฝรั่งช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก ช่วยบำรุงเหงือกและฟันให้แข็งแรง รักษาโรคเหงือก บรรเทาอาการปวดฟันจากเหงือกบวม เหงือกอักเสบ อีกทั้งใบของฝรั่งยังช่วยระงับกลิ่นปาก เพียงเคี้ยวใบฝรั่งสดแล้วคายกากทิ้งจะช่วยทำให้ลมหายใจสดชื่น ดับกลิ่นปากได้ผลชะงัด
คุณค่าทางโภชนาการของ ฝรั่ง 100 กรัม
พลังงาน 68 กิโลแคลอรี
เส้นใยอาหาร 5 กรัม
โปรตีน 2.6 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 14 กรัม
วิตามินเอ 624 IU
วิตามินซี 288 มิลลิกรัม
วิตามินอี 0.73 กรัม
วิตามินบี1 0.067 มิลลิกรัม
วิตามินบี2 0.04 มิลลิกรัม
วิตามินบี3 1.084 มิลลิกรัม
วิตามินบี5 0.451 มิลลิกรัม
กรดโฟลิก 49 ไมโครกรัม
ธาตุแคลเซียม 18 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 0.3 มิลลิกรัม
ธาตุโพแทสเซียม 417 มิลลิกรัม
ธาตุทองแดง 0.230 มิลลิกรัม
