สำหรับกระท่อม เป็นไม้ยืนยัน มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนชื้นในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย แหลมมลายู ไปจนถึงบริเวณเกาะนิวกินี ซึ่งในสายพันธุ์ไทย มีอยู่ 3 พันธุ์ คือ แตงกวา (ก้านเขียว) ยักษาใหญ่ (รูปใบใหญ่) และก้านแดง
กระท่อม ในประเทศไทยมีการนำมาใช้เป็นยาแก้โรคบิด ท้องร่วง ปวดมวนท้อง และชาวมลายูใช้ใบกระท่อมตำพอกแผล และใช้ ทั้งใบเผาให้ร้อนวางบนท้องรักษาโรคม้ามโต
สรรพคุณทางยา
กระท่อมเป็นพืชที่ใช้เข้าเป็นตัวยา โดยเฉพาะในยาแผนโบราณของไทย ซึ่งในทางยาใบกระท่อมมีสาร ไมทราไจนีน ที่ช่วยลดอาการปวดได้ โดยเมื่อกินใบกระท่อม 200 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับมอร์ฟีนขนาด 5 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม จึงมักจะมีการนำใบกระท่อมมาใช้เป็นทางเลือกในการบำบัดผู้ติดยา เนื่องจากผลข้างเคียงที่น้อยกว่าสารเสพติดชนิดอื่น
- ยาแก้ท้องเสีย ปวดเบ่ง ปวดเมื่อย ตามร่างกาย ปวดเบ่ง ปวดเมื่อย ตามร่างกาย ท้องเสีย ท้องเฟ้อ
- สูตรยาของหมอพื้นบ้านมักจะใช้กระท่อมเป็นยารักษาโรคแก้ท้องร่วง
- ทำให้นอนหลับ และระงับประสาท
- แก้พยาธิในเด็ก
- ในต่างประเทศมีรายงานว่า ช่วยลดความดันโลหิต บรรเทาเบาหวาน แก้ไอ
- มีบางรายงานระบุว่า ใบกระท่อมช่วยลดอาการซึมเศร้า โรควิตกกังวลอีกด้วย
แม้ใบกระท่อมให้ผลการออกฤทธิ์ที่อาจมีประโยชน์ทางยาได้ แต่ทำให้เสพติดและมีผลเสียต่อสุขภาพ หากใช้ติดต่อกันนานๆ
ผลกระทบจากการกินใบกระท่อมเป็นเวลานาน
- ทำให้เม็ดสีที่ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ-เข้มขึ้น
- อาจจะเกิดตะกอนตกค้างในลำไส้ได้จากกากใบกระท่อม
- อาจจะมีอาการอาเจียน ท้องเสีย เบื่ออาหารได้
- หากกินติดต่อเป็นเวลานาน และในปริมาณมาก ทำให้อาจเกิดภาวะทางจิตได้
กระท่อมที่พบในประเทศไทยมีอยู่ 3 พันธุ์ คือ
- แตงกวา (ก้านเขียว)
- ยักษาใหญ่ (รูปใบใหญ่)
- ก้านแดง ซึ่งเป็นพันธุ์ที่นิยมบริโภคกันมากที่สุด
มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละที่
- ภาคเหนือ เรียก อีด่าง อีแดง กระอ่วม
- ภาคใต้ เรียก ท่อม หรือ ท่ม
- มลายู เรียก คูทุม (Kutum) หรือ คีทุมเบีย (Ketum Bia) หรือ เบียก (Biak)
- ลาว เรียก ไนทุม (Neithum)
- อินโดจีน เรียก โคดาม (Kodam)
สารสำคัญที่พบในใบกระท่อม
ใบกระท่อมประกอบด้วยแอลคะลอยด์ทั้งหมดประมาณ 0.5% ในจำนวนนี้เป็นมิตราไจนีน (Mitragynine) 0.25% ที่เหลือเป็น สเปโอไจนีน (Speciogynine) ไพแนนทีน (Paynanthine)
สเปซิโอซีเลียทีน (Speciociliatine) ตามลำดับ ซึ่งชนิดและปริมาณแอลคะลอยด์ที่พบแตกต่างกัน ตามสถานที่ และเวลาที่เก็บเกี่ยว ซึ่งแบ่งตามสูตรโครงสร้างได้สารประกอบ ๔ ประเภท คือ
- อินโดลแอลคะลอยด์ (Indole Alkaloids)
- ออกอินโดลแอลคะลอยด์ (Oxindole Alkaloids)
- ฟลาวานอยด์ (Elavanoids)
- กลุ่มอื่น ๆ เช่น ไฟโตสเตอรอล (Phytosterol), แทนนิน (Tannins)
ข้อมูล : สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรม