พระเจ้าใหญ่ศรีเมือง วัดทุ่งศรีเมือง สิม หอไตรกลางน้ำ

ไหว้พระเจ้าใหญ่ศรีเมือง ชมสิมโบราณและหอไตรกลางน้ำ วัดทุ่งศรีเมือง

วัดทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ในอดีตเป็นวัดที่สอนวิชาการช่างต่าง ๆ ให้แก่ชาวเมืองอุบลราชธานีโดยมีญาท่านพระครูดีโลด บุญรอด (พระครูวิโรจน์รัตโนบล) เป็นผู้นำการสอน เรียกได้ว่า ใครเป็นสายศิลปะ ชอบงานสถาปัตยกรรมโบราณต้องไม่พลาดมาเยือนวัดทุ่งศรีเมือง ชมศิลปะงานช่างอีสานโบราณด้วยตาตนเองกันสักครั้ง

Home / อุบลราชธานี / ไหว้พระเจ้าใหญ่ศรีเมือง ชมสิมโบราณและหอไตรกลางน้ำ วัดทุ่งศรีเมือง

ไหว้พระเจ้าใหญ่ศรีเมือง ชมสิมโบราณและหอไตรกลางน้ำ วัดทุ่งศรีเมือง

วัดทุ่งศรีเมือง

วัดทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ในอดีตเป็นวัดที่สอนวิชาการช่างต่าง ๆ ให้แก่ชาวเมืองอุบลราชธานีโดยมีญาท่านพระครูดีโลด บุญรอด (พระครูวิโรจน์รัตโนบล) เป็นผู้นำการสอน ภายในวัดมีศาสนาคารที่สำคัญ ได้แก่ หอไตรกลางน้ำ หอเก็บคัมภีร์ใบลานและพระไตรปิฎกที่เป็นงานสถาปัตยกรรมร่วมระหว่างไทย พม่า และลาว หอพระพุทธบาทที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลองและพระเจ้าใหญ่องค์เงิน เป็นงานสถาปัตยกรรมผสมระหว่างพื้นถิ่นอีสานและแบบไทยภาคกลาง ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังที่ทรงคุณค่าโดยฝีมือช่างพื้นเมืองอุบลที่ได้รับอิทธิพลจากช่างหลวงกรุงเทพฯ เรียกได้ว่า ใครเป็นสายศิลปะ ชอบงานสถาปัตยกรรมโบราณต้องไม่พลาดมาเยือนวัดทุ่งศรีเมือง ชมศิลปะงานช่างอีสานโบราณด้วยตาตนเองกันสักครั้ง

วัดทุ่งศรีเมือง

ประวัติวัด

ตามประวัติระบุว่าตั้งเมื่อ พ.ศ. 2356 โดยพระอริยวงศาจารย์ญาณวิมลอุบลสังฆปาโมกข์ (สุ้ย หลักคำ) ในช่วงสมัยพระพรหมวรราชสุริยวงศ์ (กุทอง สุวรรณกูฎ) เป็นเจ้าเมืองอุบลราชธานี ลำดับที่ 3 (พ.ศ. 2338 – 2388) ตรงกับสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3

ในครั้งนั้นท่านเจ้าคุณอริยวงศาจารย์ญานวิมลอุบลสังฆปาโมกข์ (สุ้ย หลักคำ) จากสำนักวัดสระเกศวรวิหาร ที่ได้ขึ้นมาเป็นสังฆปโมกเมืองอุบลราชธานี (ปัจจุบันคือตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด) และได้พำนักอยู่ที่วัดมณีวนารามหรือวัดป่าน้อย ท่านมีอัธยาศัยน้อมไปทางวิปัสสนากรรมมัฎฐาน และมักจะไปเจริญสมณธรรม อยู่ที่ป่าหว้าชายดงอู่ผึ้งเป็นประจำ เพราะเป็นที่สงบสงัด และที่นั่นคือ บริเวณวัดทุ่งศรีเมืองในปัจจุบัน ซึ่งมีเนื้อที่ 19 ไร่ 2 งาน 23 ตารางวา

เจ้าคุณอริยวงศาจารย์ญานวิมลอุบลสังฆปาโมกข์ (สุ้ย หลักคำ) ท่านได้สร้างหอพระพุทธบาทขึ้น ณ บริเวณที่เจริญสมณธรรม โดยมีจุดประสงค์ที่จะจำลองพระพุทธบาทจำลอง จากวัดสระเกศราชวรวิหาร กรุงเทพฯ มาให้พุทธบริษัทที่อุบลราชธานีได้กราบไหว้ จึงให้ครูช่างชาวเวียงจันทน์ เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง

หอพระพุทธบาท

เมื่อสร้างหอพระพุทธบาทเสร็จแล้ว ก็ได้สั่งให้ช่างสร้างหอไตรที่สระกลางน้ำด้วย โดยมีจุดประสงค์ ใช้เป็นที่เก็บรักษาพระไตรปิฎก หรือ คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา ปรัชญาพื้นบ้าน รวมถึงตำราต่าง ๆ ที่ทางวัดมีอยู่มากมาย

ภายหลังเห็นว่าเป็นการลำบากแก่พระเณรในการที่จะไปเฝ้ารักษาสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ จึงได้สร้างสร้างกุฏิขึ้นเป็นพำนักของพระภิกษุสามเณร และด้วยวัดนี้ตั้งอยู่ชายทุ่งท่ามกลางเมืองอุบลราชธานี จึงได้ชื่อว่า “ทุ่งศรีเมือง” ตามไปด้วย

วัดทุ่งศรีเมืองในสมัยก่อนเป็นวัดที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาการช่างต่าง ๆ ให้แก่บุตรหลานชาวเมืองอุบลราชธานีทุกสาขาอาชีพ เช่น ช่างแกะสลัก ช่างหล่อ ช่างเงินทอง ช่างลวดลาย ช่างก่อสร้าง เป็นต้น โดยมีพระครูดีโลด บุญรอด (พระครูวิโรจน์รัตโนบล) เป็นครูผู้ถ่ายทอดวิชา

พระครูดีโลด บุญรอด (พระครูวิโรจน์รัตโนบล)

พระครูดีโลด บุญรอด (พระครูวิโรจน์รัตโนบล)

โดยโบราณสถานวัดทุ่งศรีเมือง ประกอบด้วย หอไตรกลางน้ำและหอพระพุทธบาทหรืออุโบสถ (สิม) สร้างขึ้นในสมัยพระอริยวงศาจารย์ญาณวิมลอุบลสังฆปาโมกข์ (สุ้ย หลักคำ) เป็นเจ้าคณะเมืองอุบลฯ และเป็นผู้ก่อตั้งวัดทุ่งศรีเมือง ตรงกับสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

สิมอีสาน

สิม (อุโบสถ) และหอพระพุทธบาท

อุโบสถ (สิม) หรือ หอพระพุทธบาท พระอริยวงศาจารย์ญาณวิมลอุบลสังฆปาโมกข์ (สุ้ย หลักคำ) ให้สร้างสำหรับประดิษฐานรอยพระพุทธบาทที่จำลองมาจากวัดสระเกศ กรุงเทพมหานคร ต่อมาได้ใช้เป็นอุโบสถด้วย ลักษณะอุโบสถเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ส่วนฐานเป็นชุดบัวเอวขันแบบอีสาน มีบัวงอนประดับทั้งสี่มุม บันไดด้านหน้าทางทิศตะวันออก ราวบันได้ทำเป็นรูปนาคบนหลังจระเข้ ส่วนตัวอุโบสถตลอดจนเครื่องหลังคามุงกระเบื้องดินเผา ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ เป็นแบบภาคกลาง ภายในอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังรูปเทพชุมนุม พุทธประวัติ ทศชาติชาดก และนิทานพื้นบ้านเรื่องสังข์สินไชย ด้านท้ายอาคารทำฐานชุกชีประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย สิมวัดทุ่งศรีเมือง ใช้ประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนา และเป็นปูชนียสถานที่พุทธศาสนิกชนเคารพกราบไหว้ รวมทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมที่สำคัญของจังหวัดอุบลราชธานี

หอพระพุทธบาท

ภายในหอพระพุทธบาทเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังทั้ง 4 ด้าน และเสาภายในอาคาร เขียนขึ้นสมัยรัตนโกสินทร์ เทคนิคเขียนสีฝุ่นบนรองพื้นดินสอง เขียนเรื่องพุทธประวัติ พระเวสสันดรชาดก ไตรภูมิ ประเพณีวิถีชีวิต ลวดลายที่เสาเป็นลวดลายทองแลมีภาพจิตรกรรมที่เสา นอกจากนี้ยังมีรอยพระพุทธบาทอีกด้วย ซึ่งเป็นงานศิลปกรรมที่มีคุณค่ายิ่ง

สิม

ปัจจุบันจิตรกรรมและประติมากรรม มีสภาพชำรุดเสื่อมสภาพตามกาลเวลา ผิวจิตรกรรมมีคราบฝุ่น ทางเดินปลวก รังแมลง คราบสกปรกฝังแน่น ชั้นรองพื้นและชั้นสีเผยอ โป่งพอง ซีดจาง รอยขูดขีด ลบเลือน และสีซีดจางคราบกาวตกค้าง คราบทางน้ำไหล ชั้นปูนฉาบชำรุดเสื่อมสภาพเป็นโพรงผนังไม่ยึดติดกับชั้นอิฐก่อ ส่วนของฐานชุกชีและรอยพระพุทธบาท ลวดลายปูนปั้นประดับและชั้นปูนฉาบมีสภาพชำรุดเสื่อมสภาพ ลวดลายหลุดร่วงในบางบริเวณ ปัจจุบัน ( กันยายน 2568) อยู่ในระหว่างการบูรณะซ่อมแซมโดยกรมศิลปากร

หอพระพุทธบาท

ปูชนียวัตถุสำคัญภายในหอพระพุทธบาท

พระเจ้าใหญ่องค์เงิน

พระเจ้าใหญ่องค์เงิน ประดิษฐานอยู่บนฐานเขียงซึ่งฝังอยู่ในฐานชุกชีปูนปั้นที่ตกแต่งเป็นฐาน บัวผ้าทิพย์ ฐานหน้ากระดานตกแต่งด้วยลายดอกประจำยามก้ามปู อยู่เหนือแนวลายกลีบบัวขาบหรือบัวแวง ตรงกลางฐานด้านหน้าพระเพลามีผืนผ้าพาดยาวลงมา และตกแต่งลวดลายอย่างสวยงามตามแบบศิลปะท้องถิ่นไม่ปรากฏการสร้างที่แน่นอน แต่สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างภายหลังการสร้างหอพระพุทธบาทเสร็จแล้ว และถูกนำมาประดิษฐานเป็นพระพุทธรูปประธานในหอพระพุทธบาท คู่กับรอยพระพุทธบาทจำลอง อันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวอุบลและชาวอีสานให้ความเคารพอย่างยิ่ง

หอไตรกลางน้ำ

หอไตรกลางน้ำ

หอไตรกลางน้ำวัดทุ่งศรีเมือง ศิลปะผสมระหว่างไทย ลาว และพม่า

หอไตร

หอไตรนี้เป็นหอน้ำ สร้างอยู่กลางสระน้ำ สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่สำหรับเก็บรักษาพระไตรปิฎกและหนังสือใบลานไม่ให้มดปลวกหรือแมลงต่าง ๆ มากัดกินและทำลาย หอไตรนี้สร้างขึ้นพร้อมกับการสร้างวัด และหอพระพุทธบาทหรืออุโบสถวัดทุ่งศรีเมือง โดยมีพระสงฆ์ชาวเวียงจันทน์เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง มีลักษณะของศิลปะผสม 3 สกุลช่าง คือ ไทย พม่า และลาว เป็นอาคารไม้ขนาดกว้าง 8.20 เมตร ยาว 9.85 เมตร สูงจากระดับพื้นน้ำถึงยอดหลังคาประมาณ 10 เมตร รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ยกพื้นสูงใต้ถุนโปร่ง

หอไตร

สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อราว พ.ศ. 2385 โดยช่างผู้ควบคุมการก่อสร้างคือ ญาคูช่าง พระสงฆ์จากเวียงจันทน์ เป็นอาคารไม้ ยกพื้นสูง ตั้งอยู่กลางสระน้ำผังทรงสี่เหลี่ยม หลังคาแบบลดชั้น ประกอบด้วยหลังคาจั่วตรงกลาง โดยลดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ชั้นละ 2 ตับ ถัดลงมาเป็นหลังคาปีกนกโดยรอบ 2 ชั้น มุงด้วยกระเบื้องซีเมนต์ โดยพบหลักฐานว่าเดิมเคยมุงด้วยไม้แป้นกล็ดมาก่อน กรอบหน้าบันประดับด้วยช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์

ลวดลาย

ตัวอาคารตีฝาไม้ปะกนแบบเรือนไทยภาคกลาง กรอบล่างของฝาปะกนในกรอบสี่เหลี่ยมสลักภาพสัตว์หิมพานต์ นักษัตร ภาพเล่าเรื่องชาดก คติธรรม เป็นต้น มีหน้าต่างด้านละ 4 ช่อง ยกเว้นผนังด้านหน้าเป็นช่องประตูทางเข้า 1 ช่องประตู และหน้าต่าง 2 ช่องหน้าต่าง หน้าบันสลักลายดอกกาละกับ กระจังรวน กระจังเจิม คันทวยไม้แกะสลักรูปเทพพนมและนาค ภายในอาคารแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนห้องเก็บคัมภีร์หรือพระไตรปิฎกอยู่ตอนกลางอาคาร และส่วนระเบียงที่สามารถเดินได้รอบ ฐานสิงห์ของห้องเก็บคัมภีร์แกะสลักไม้ประดับกระจก ผนังประดับด้วยการปิดทองลายฉลุรูปเทพชุมนุม กินนรี หนุมาน พุ่มข้าวบิณฑ์ เป็นต้น บริเวณมุมเสาเชิงประดับกาบพรหมศร มีประตูทางเข้าเพียง 1 ช่องทาง

หอไตรกลางน้ำ

ทางด้านหน้าหรือทิศตะวันออก ลักษณะเป็นซุ้มทรงบันแถลง รูปทวารบาลทรงศรประทับยืนบนแท่นมีหนุมานแบก หอไตรวัดทุ่งศรีเมืองมีลักษณะผสมผสานระหว่างศิลปะไทยภาคกลาง(ศิลปะรัตนโกสินทร์) และศิลปะไทยท้องถิ่นอีสานหรืออิทธิพลศิลปะล้านช้าง

ภายในหอไตรกลางน้ำ

หอไตรวัดทุ่งศรีเมืองได้รับการบูรณะโดยกรมศิลปากรมาแล้ว 2 ครั้ง คือ ในปี พ.ศ.2524 การบูรณะเน้นรักษาวัสดุของแท้ดั้งเดิมที่ยังคงสภาพดีไว้ และเปลี่ยนวัสดุในส่วนที่ชำรุดเสียหายจนไม่อาจซ่อมแซมได้ และการบูรณะในปี พ.ศ. 2545 จะยึดตามรูปแบบเดิมที่เคยบูรณะไว้ในปี พ.ศ. 2524 ซึ่งวัสดุที่ใช้มุงหลังคาเลือกใช้เป็นกระเบื้องซีเมนต์

ส่วนในการบูรณะในปี พ.ศ. 2564 พบหลักฐานในภายหลังว่าเดิมน่าจะมุงหลังคาด้วยไม้แป้นเกล็ด

กรมศิลปากร ประกาศขึ้นทะเบียนและกำหนดเขตที่ดินโบราณสถานวัดทุ่งศรีเมือง ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 112 ตอนที่ 59 ง วันที่ 25 กรกฎาคม 2538

กราบพระเจ้าใหญ่ศรีเมือง ณ วิหารศรีเมือง

วิหาร

วิหารศรีเมือง เป็นสถาปัตยกรรมแบบรัตนโกสินทร์ผสมกับช่างพื้นบ้าน ผู้ออกแบบได้สร้างวิหารหลังนี้ในรูปลอยเหินตามจินตนาการของตนเอง โดยการยกอาคารให้สูงกว่าปกติ เน้นการเชิดของมุขหน้าขึ้นแล้วเสริมด้วยการยกลานรอบกำแพงแก้วให้สูงขึ้นจากพื้นลานวัดธรรมดา และเน้นถ้อยความอย่างมั่นคงโดยเสากำแพงแก้วแบบปลีพุ่มย่อไม้ ตามมุมกำแพงกับหัวบันไดทางขึ้นทั้งสี่ด้าน

พระเจ้าใหญ่ศรีเมือง

พระเจ้าใหญ่ศรีเมือง

พระเจ้าใหญ่ศรีเมือง เป็นพระประธานที่ประดิษฐานในวิหารศรีเมือง เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อครั้งสร้างเมืองอุบลระยะแรก ๆ เดิมประดิษฐานอยู่ที่วัดเหนือท่า เมื่อวัดร้างไปพระครูวิโรจน์รัตโนบล เจ้าอาวาสวัดทุ่งศรีเมืองในสมัยนั้น จึงนำญาติโยมไปอัญเชิญมาเป็นพระประธานในวิหารศรีเมือง และได้ทำการบูรณะซ่อมแซมเศียรพระที่ชำรุดขึ้นใหม่โดยจำลองให้เหมือนกับพระเหลาเทพนิมิตที่อำเภอพนา จังหวัดอำนาจเจริญ และพระบทม์ที่วัดกลางเป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นโดยช่างฝีมือชาวอุบลรุ่นแรก ซึ่งมีความงดงามมาก

พระเจ้าใหญ่ศรีเมือง
พระเจ้าใหญ่ศรีเมือง
พระครูวิโรจน์รัตโนบล
วิหาร
หอระฆัง

หอระฆัง

วัดทุ่งศรีเมืองมีความสำคัญทางศาสนา ประวัติศาสตร์ ศิลปกรรม และสถาปัตยกรรม นับเป็นโบราณสถานสำคัญของไทยที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ และมาเยี่ยมชมด้วยตาตนเองกันสักครั้งในชีวิต

ภาพโดย MTHAI TEAM

ที่อยู่ : 95 ถนนหลวง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี 34000
Google map : https://maps.app.goo.gl/ar94pKKS3ZwA8wS6A
เวลาทำการ : 08.00 น. – 18.00 น.

เนื้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

วัดป่าแสงอรุณ งดงามสิมอีสาน วัดป่า ขอนแก่นที่ต้องห้ามพลาด!
วัดภูยอดรวย พญางูใหญ่นาคราชองค์ดำ ดินแดนแห่งศรัทธานำทาง
ขอพรการสอบ การงาน พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง วัดมหาวนาราม

ดวงตาสวรรค์