ขอพรการสอบ การงาน
พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง วัดมหาวนาราม

วัดป่าใหญ่ พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง หรือชื่อเป็นทางการ ว่า “วัดมหาวนาราม” แต่ชาวบ้านนิยมเรียกอย่างคุ้นเคยว่า “วัดป่าใหญ่” เป็นหนึ่งในวัดสวย อุบลราชธานี ตั้งอยู่บนถนนสรรพสิทธิ์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองมากับการก่อตั้งจังหวัดอุบลราชธานี ภายในพระอุโบสถมีพระพุทธรูปองค์ประธานชื่อ “พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง” เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ก่ออิฐถือปูนกับลงรักปิดทอง ลักษณะองค์พระเป็นพระพุทธรูปศิลปะแบบลาว หน้าตักกว้างประมาณ 3 เมตร สูงจากเรือนแท่นถึงเปลวพระโมลี 5 เมตร

ประวัติเล่าสืบต่อกันของ “พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง” มีมากมายตั้งแต่การสร้างว่า “พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง” มีอยู่ด้วยกัน 3 องค์ โดยองค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ที่วัดอินทร์แปลงมหาวิหาร นครเวียงจันทน์ ประเทศลาว ปัจจุบันมีอายุประมาณพันกว่าปี พระพุทธรูปอีกองค์ ประดิษฐานอยู่ที่วัดอินทร์แปลง อ.เมือง จ.นครพนม ซึ่งก็มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง วัดอินทร์แปลงมหาวิหาร ส่วนองค์สุดท้าย คือ พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่วัดมหาวนาราม จ.อุบลราชธานี และมีอายุเกือบสองร้อยปีแล้ว
สำหรับประเพณีปฏิบัติต่อพระพุทธรูปองค์นี้ ในวันเพ็ญเดือน 5 หรือในเดือนเมษายน ของทุกปี จะมีการทำบุญตักบาตร เทศน์มหาชาติชาดก และสรงน้ำ ปิดทองพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง การสร้างพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง เกิดขึ้น
หลังจาก “พระปทุมวรราชสุริยวงศ์” หรือ “ท้าวคำผง” ได้ก่อสร้างเมืองอุบลราชธานีที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำมูล พร้อมได้ก่อสร้างวัดที่ริมฝั่งแม่น้ำมูล

โดยวัดแห่งแรกของจังหวัดมีชื่อว่า “วัดหลวง” เพื่อให้เป็นสถานที่ใช้ทำบุญทำกุศลของประชาชนทั่วไป ภายหลังก่อสร้าง “วัดหลวง” เสร็จสมบูรณ์พระปทุมวรราชสุริยวงศ์ ได้นิมนต์พระธรรมโชติวงศา ซึ่งเป็นพระมหาเถระสายวิปัสสนากรรมฐาน พร้อมพระภิกษุสามเณรมาอยู่จำพรรษาสนองศรัทธาของประชาชน แต่เมื่อพระธรรมโชติวงศา เข้ามาจำพรรษาเล็งเห็นว่า วัดหลวงแห่งนี้เป็นวัดบ้าน หรือ “ฝ่ายคามวาสี” ตั้งอยู่กลางใจเมืองไม่เหมาะแก่การปฏิบัติ
สมณธรรม วิปัสสนากรรมฐาน

จึงได้แสวงหาสถานที่ปฏิบัติธรรมเจริญวิปัสสนากรรมฐานใหม่โดยพิจารณาเห็นว่า ป่าดงอู่ผึ้ง ห่างจากวัดหลวง ไปทางทิศเหนือประมาณ 100 เส้น มีหนองน้ำชื่อ “หนองสะพัง” เป็นสถานที่สงบวิเวก เหมาะแก่การตั้งเป็นสำนักสงฆ์ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน หรือ “ฝ่ายอรัญญาวาสี” จึงได้ก่อตั้งขึ้นเป็นสำนักสงฆ์ให้ชื่อว่า “วัดป่าหลวงมณีโชติศรีสวัสดิ์ ” คู่กับวัดหลวง แต่ยังไม่ทันได้ตั้งเป็นวัดให้สมบูรณ์เรียบร้อย พระปทุมวรราชสุริยวงศ์ ผู้เป็นเจ้าเมืองอุบลราชธานีคนแรก ก็ถึงแก่อนิจกรรมลงเมื่อ พ.ศ. 2323

กระทั่งเจ้าเมืองคนที่ 2 คือ พระพรหมวรราชสุริยวงศ์ หรือ ท้าวทิดพรหมได้มาก่อสร้างวิหาร ในวัดป่าหลวงมณีโชติศรีสวัสดิ์ เมื่อ พ.ศ. 2348 และปี พ.ศ. 2350 ได้ยกฐานะขึ้นเป็นวัดประจำเจ้าเมืองคนที่สอง และให้ชื่อว่าวัดป่าหลวงมณีโชติ แต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า วัดหนองตะพัง หรือ หนองสระพัง ตามชื่อหนองน้ำที่อยู่ใกล้เคียง โดยมี พระมหาราชครูศรีสัทธรรมวงศา เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก และพระมหาราชครูศรีสัทธรรมวงศา เป็นผู้สร้างพระพุทธรูป “พระอินทร์แปง” หรือพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง องค์ปัจจุบันเป็นพระประธานประจำวัดป่าใหญ่แห่งนี้ ส่วนชื่อวัดได้มี การเปลี่ยนชื่อวัดรวม 2 ครั้งเป็น “วัดมหาวัน” และเปลี่ยนตามสมัยนิยมอีกครั้งชื่อว่า “วัดมหาวนาราม” แต่ความหมายของชื่อ ก็ยังคงเดิมคือแปลว่า “วัดป่าใหญ่” ส่วนพระพุทธรูป”พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง” หลังก่อสร้างเสร็จก็ได้รับความเคารพบูชาจากชาวเมืองมาโดยตลอด

โดยเฉพาะในอดีตเมื่อมีความขัดแย้งกันขึ้น หรือเกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ ชาวเมืองก็จะชวนกันมาสาบานต่อหน้า
องค์พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง เพราะต่างเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน หากใครไม่ทำตามที่ได้ให้คำสัตย์สาบานเอาไว้ ก็จะมีอันเป็นไปต่าง ๆ นานา รวมทั้งการมาขอพรให้ประสบความสำเร็จด้านการสอบไล่หรือด้านหน้าที่การงาน และความประสบโชคมีสุขในครอบครัว หรือแม้กระทั่งมีสิ่งของสำคัญสูญหายไป จะมาบนบานต่อหน้าองค์พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง เพื่อขอให้ได้สิ่งของที่หายไปกลับคืนมา พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง วัดมหาวนารามหรือวัดป่าใหญ่ จึงเป็นที่พึ่งทางจิตใจของชาวจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียงมาโดยต่อเนื่อง
โดยเฉพาะเมื่อมีการเดินทางมารับตำแหน่งใหม่ของข้าราชการทุกระดับชั้น จะต้องมาไหว้กราบนมัสการบอกกล่าวต่อองค์ท่าน เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างราบรื่นปราศจากอุปสรรคใดใด
สำหรับการทำบุญกับพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลงที่ชาวบ้านนิยมคือ การถวายดอกบัวตูม ธูป และเทียน พร้อมลงรัก
ปิดทอง ที่ตัวองค์พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง และถวายสังฆทาน แต่เนื่องจากอุโบสถที่ใช้ประดิษฐานพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลงเริ่มคับแคบ เพื่อลดความแออัดในการเข้าไปกราบนมัสการโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญ ซึ่งมีประชาชนจากทั่วสารทิศพากันมากราบไหว้จำนวนมาก ทางวัดได้จัดทำรูปองค์พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลงจำลอง ที่หน้าทางขึ้นอุโบสถโดยประชาชนที่มากราบไหว้นมัสการขอพร สามารถเลือกที่จะเข้าไปกราบพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลงในอุโบสถ หรือเลือกกราบองค์พระจำลองพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง ที่สร้างไว้บริเวณทางขึ้นหน้าอุโบสถก็ได้

คาถาบูชาพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง
( ตั้งนะโม 3 จบ )
อิเมหิ นานาสักกาเรหิ อภิปูชิเตหิ ทีฆายุโก โหมิ อโรโค สุขิโต
สิทธิกัจจัง สิทธิกัมมัง ปิยัง มะมะ ประสิทธิลาโภ ชโย โหตุ สัพพะทา
อินทะพุทธะรูปัง อภิปาเลตุ มัง นะโมพุทธายะ
ศรีสวัสดีเจริญสุข สารพัดทุกข์ให้เหือดหาย ลาโภอย่าขาดสาย นิรันตะรัง ประสิทธิเม
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง
คัจฉามิ กายวาจาจิตประสิทธิเม
ตำนานความเชื่อเกี่ยวกับการก่อสร้างพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง
การก่อสร้างพระเจ้าใหญ่อินทร์แปลงนั้น ได้รับการกล่าวขานว่า เมื่อช่างปั้นถึงบริเวณพระพักตร์ก็ได้เกิดมีฝนตกฟ้าร้องอยู่ตลอดเวลา ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์อยู่แล้ว เพราะเหลือแค่การตกแต่งให้สวยงามเท่านั้นจึงได้พากันเลิกงานปั้นพระพักตร์ไว้ก่อน จากนั้นได้พากันกลับบ้าน พอถึงตอนดึกก็ได้มีแสงสว่างเต็มบริเวณวัดไปหมดและเกิดลำแสงพวยพุ่งขึ้นสู่อากาศ ผู้คนก็ตื่นตกใจและวิ่งมาดูภายในวัดก็ไม่เห็นมีอะไร จึงกลับสู่บ้านเรือนของตน
พอรุ่งเช้าก็ปรากฏว่าพระพักตร์ที่ยังตกแต่งไม่เสร็จนั้นก็ได้สำเร็จเรียบร้อยสวยงามเป็นอย่างยิ่ง พอเห็นเป็นอย่างนั้นชาวบ้านก็พูดว่าเทวดามาสร้าง พระอินทร์แปลงร่างลงมาสร้าง แปลงร่างลงมาเป็นตาผ้าขาวมาสร้าง จึงได้สวยงามอย่างนี้ ถ้าคนธรรมดามาสร้างจะไม่สวยงามได้เพียงนี้ เหตุนั้นจึงได้ขนานนามว่า “พระเจ้าอินแปง” และในกาลต่อมาเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย ทางวัดจึงได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง

วัดนี้ได้รับพระราชทานโปรดเกล้า ฯ ยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวง เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2521 นับเป็น พระอารามหลวง คณะสงฆ์มหานิกายแห่งแรกของจังหวัดอุบลราชธานี

ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2567 วัดมหาวนารามเป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระโคตมพุทธเจ้า และพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวก ได้แก่พระสารีบุตรและพระมหาโมคคัลลานะ ที่รัฐบาลไทยอัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย มาประดิษฐานที่ประเทศไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยเป็นแห่งที่ 3 ต่อจากท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร และหอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ และเป็นจุดหลักประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะเมื่อวันที่ 10 – 13 มีนาคม ก่อนอัญเชิญไปประดิษฐานต่อที่ภาคใต้ ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล (วัดบางโทง) จังหวัดกระบี่

















ภาพโดย MTHAI TEAM
ที่อยู่ : ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี 34000
Google map : https://maps.app.goo.gl/qFmiPLrDaxEY8WuD7
เวลาทำการ : 06.00 น. – 20.00 น.
เนื้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
กราบหลวงพ่อดำ อายุ 300 ปี วัดสิงห์ จอมทอง ขอพรการงาน การสอบ
กราบหลวงปู่เดินหน อิเกสาโร ขอพรการงาน การสอบ วัดไก่เตี้ย ปทุมธานี
7 วัด ขอพรการเรียน สำหรับนักเรียนสายมูเตลู
