กราบหลวงพ่อสุขเกษม พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ 400 กว่าปี วัดโบสถ์สามเสน

วัดโบสถ์สามเสน เป็นวัดเก่าแก่โบราณ อยู่ริมคลองสามเสน สันนิษฐานว่าน่าจะเคยเป็นวัดร้างมาก่อน วัดโบสถ์สามเสน จึงควรจะมีชื่อว่าวัดสามเสน หรือ วัดคลองสามเสน ตามชื่อของชุมชน นอกจากนี้ วัดโบสถ์ยังเป็นวัดโบราณเก่าแก่ที่สุดในบริเวณสามเสน ส่วนคำว่า สามเสน นั้นเป็นคำที่เรียกขานกันมาแต่โบราณกาล คู่กับตำนานพระลอยน้ำซึ่งเป็นนิทานปรัมปราเล่ากันว่าต้องเกณฑ์ผู้คนมากมายถึงสามแสนคนเพื่อที่จะช่วยกันดึงพระพุทธรูปขึ้นจากน้ำแต่ก็ไม่สำเร็จอีกเช่นกันจึงเรียกสถานที่แห่งนั้นว่าสามแสนและเพี้ยนมาเป็นสามเสนในที่สุด

อุโบสถเก่า ที่ปัจจุบันเป็นวิหาร ประดิษฐานพระพุทธรูปหลวงพ่อสุขเกษม พระพุทธรูปอายุ 400 กว่าปี
ไม่มีหลักฐานว่าวัดนี้ได้ร้างไปเพราะสาเหตุใดและร้างไปตั้งแต่เมื่อใด แต่น่าจะเป็นวัดร้างมานานมาก จนไม่มีใครทราบชื่อเดิมและเหลือเพียงโบสถ์หลังเดียว จึงตั้งชื่อขึ้นว่า “วัดโบสถ์” มีหลักฐานบางแห่งบันทึกว่า สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทได้เสด็จมาทรงบูรณะวัดโบสถ์สามเสน แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันได้ว่าในครั้งนั้นมีพระภิกษุจําพรรษาอยู่หรือไม่ สันนิษฐานว่า ในครั้งนั้นน่าจะยังเป็นวัดกึ่งร้าง คือมีพระสงฆ์มาพักอาศัยไม่แน่นอน ความเป็นอยู่คงยากลําบากเพราะห่างไกลจากพระนคร

จนกระทั่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้โปรดฯ ให้สร้างพระราชวังดุสิตขึ้น นอกจากนี้ยังมีเจ้านายข้าราชบริพารต่าง ๆ มาสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยกันเป็นจำนวนมากรอบบริเวณวัดโบสถ์ไปจนถึงศรีย่านบางกระบือ ล้วนแต่เป็นบ้านเจ้านายสมัยรัชกาลที่ 5 ทั้งสิ้น และเมื่อชุมชนเกิดขึ้นจึงมีการฟื้นฟูสภาพวัดขึ้นใหม่ลักษณะโดยทั่วไปของสถาปัตยกรรมภายในวัดในปัจจุบันเป็นรูปแบบศิลปกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นมีเพียงอุโบสถหลังเก่าที่ยังคงรูปแบบศิลปกรรมในสมัยอยุธยาตอนปลาย

อุโบสถ (หลังเก่า) มีลักษณะฐานแอ่นโค้งคล้ายเรือสำเภาศิลปะสมัยอยุธยา ซึ่งเป็นโบราณสถานที่มีการวางรูปแบบที่สมบูรณ์มาก หลังคาซ้อน 2 ชั้น ลดด้านหน้าและด้านหลัง แต่หลังคาส่วนที่ลดด้านหน้าและด้านหลัง ชำรุดหักพังไปเมื่อครั้งที่ถูกทิ้งร้าง แต่ยังมีร่องรอยของเดิม และมีร่องรอยการต่อเติมหลังคาเป็นกันสาดด้านหน้าและด้านหลังขึ้นใหม่ เมื่อได้ฟื้นฟูวัดขึ้นใหม่มีลวดลายปูนปั้นประดับกรอบประตู หน้าต่าง หน้าบันตลอดถึงช่อฟ้า มีลักษณะคล้ายศิลปะจีน ซึ่งสันนิษฐานว่าอาจใช้ช่างชาวจีนจึงเป็นรูปแบบผสมผสานไทย – จีน และในครั้งนั้นช่างชาวจีนอาจจะหาได้ง่ายและมีความชำนาญงานปูนมากกว่าช่างชาวไทยที่ชำนาญงานไม้


ปัจจุบันอุโบสถหลังเก่า ได้เปลี่ยนเป็นวิหารภายในประดิษฐานพระประธานปูนปั้นหมู่ใหญ่ถึง 13 องค์ พระประธานองค์ใหญ่ เรียกกันว่าหลวงพ่อสุขเกษม เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ประดิษฐานบนแท่นพุทธอาสน์ ที่มีลักษณะอ่อนช้อยงดงามแบบสมัยอยุธยาด้านหน้าพระประธานมีพระพุทธรูปทรงเครื่องปางมารวิชัยประดิษฐานซ้าย – ขวา (หลวงพ่อรวยและหลวงพ่อเศรษฐี) ส่วนพระพุทธรูปองค์กลาง (หลวงพ่อทอง) มีพุทธลักษณะค่อนข้างแปลก คือ ประทับนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายจับด้ามวัตถุ คล้ายไม้ ปิงปอง สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นพัด ส่วนพระหัตถ์ขวาจับด้านบนของวัตถุนั้น และที่บริเวณผ้าทิพย์ของพระพุทธรูป ทั้ง 3 องค์นี้ประดับลวดลายปูนปั้นที่วิจิตรงดงามมากตามแบบสมัยอยุธยา

“หลวงพ่อสุขเกษม” พระพุทธรูป ภายในวิหารวัดโบสถ์สามเสน มีตำนานที่มาของหลวงพ่อได้เล่าไว้ว่า พระมหากษัตริย์ในสมัยอยุธยาได้ทรงสร้างพระพุทธรูปแล้วบรรทุกใส่แพล่องน้ำลงมา โดยที่ทรงปรารถนาไว้ว่าถ้าหากไปขึ้นฝั่งที่ไหนแล้วหากวัดนั้นไม่มีพระประธาน ก็จะมอบองค์พระพุทธรูปให้ประดิษฐานที่วัดนั้น ซึ่งก็ได้ล่องแพมายังที่วัดโบสถ์สามเสน
จนเมื่อถวายหลวงพ่อสุขเกษมไว้ที่ตำบลสามเสนแล้ว แพซุงที่เหลือจึงให้ถวายวัดทำเป็นเสาเข็มสำหรับสร้างอุโบสถด้วย ในการก่อสร้างจึงนำไม้ซุงมาปูเรียงกันก่อน แล้วจึงก่อสร้างอุโบสถทับบนแพซุงอีกทีหนึ่งเพื่อกันทรุด

ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยอยุธยาตอนปลาย ผนังด้านหน้าเหนือประตูทางเข้าพระอุโบสถเขียนภาพมารผจญ ผนังด้านข้างเป็นภาพเทพชุมนุม ส่วนผนังระหว่างช่องหน้าต่างเขียนภาพทศชาติชาดก ปัจจุบันสภาพชำรุดเลือนรางไปมาก สาเหตุของภาพที่เลือนลางคงเป็นเพราะเมื่อประมาณ พ.ศ. 2535 เกิดฟ้าผ่าอุโบสถทำให้หลังคาชำรุดเสียหาย น้ำฝนไหลลงมาทำลายภาพจิตรกรรมฝาผนัง และเกิดความชื้นจากน้ำที่ไหลนองบนพื้น ทำให้ภาพจิตรกรรมด้านล่างเสียหายเกือบหมด ประกอบกับน้ำฝน แสงแดด อีกทั้งนกหนูที่เข้ามาทำรังอยู่ใต้เพดานก็ทำให้สภาพภายในพระอุโบสถแทบไม่เหลือชิ้นดี อุโบสถหลังนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของกรมศิลปากรมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 แต่ยังไม่มีงบประมาณในการบูรณะ

ภายนอกมีกำแพงแก้วล้อมรอบ ที่มุมกําแพงแก้วมีวิหารทิศทั้ง 4 ด้าน แต่วิหารทิศที่อยู่ด้านหน้าอุโบสถเหลือเพียงฐานซึ่งมีระดับต่ำกว่าพื้นดิน คงถูกรื้อออกไปแต่ครั้งโบราณ


ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อสุขเกษม หลวงพ่อรวย หลวงพ่อทอง หลวงพ่อเศรษฐี
พระพุทธรูปภายในวิหารเป็นที่พึ่งทางใจให้ชาวสามเสนและเหล่าลูกศิษย์ลูกหามานมนาน ด้วยเคยเป็นอุโบสถเก่ามา 400 กว่าปี เป็นที่ประกอบสังฆกรรมมานานหลายร้อยปี พระสงฆ์เข้าไปเจริญพระพุทธมนต์กันมาหลายพันหลายหมื่นจบพุทธศาสนิกชนจึงถือกันว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าภายในองค์พระพุทธรูปนั้นมีเทวดาสถิตอยู่ ใครทุกข์ร้อนก็จะเข้ามาระบายความทุกข์ขอยึดหลวงพ่อพระประธานเป็นที่พึ่ง
พระครูศรีปัญญาวิมลอดีตเจ้าอาวาส เคยเล่าว่า สมัยก่อนที่วัดโบสถ์สามเสนจะมีงานประจําปี ซึ่งจะกันประมาณเดือนธันวาคม หรือมกราคม ซึ่งเป็นฤดูหนาว แต่หากปีใดไม่ได้จุดธูปบอกหลวงพ่อ ก็จะมีฝนตกลงมาทําให้มีอุปสรรคงานไม่ราบรื่นทุกครั้ง แต่หากมีการจุดธูปบอกหลวงพ่องานก็จะราบรื่นผ่านพ้นไปด้วยดี มีข้าราชการหลายท่านได้มาขอ เข้าไปนมัสการหลวงพ่อสุขเกษม หลวงพ่อรวย หลวงพ่อทอง หลวงพ่อเศรษฐี ได้เล่าให้ฟังว่า ท่านเคารพนับถือหลวงพ่อพระประธานที่นี่มาก เคยทําเรื่องขอเลื่อนยศ เลื่อนตําแหน่ง หรือขอย้ายกันมาหลายครั้ง ก็ไม่ประสบความสําเร็จ แต่หากมาขอกับหลวงพ่อพระประธานที่นี่ก็จะสําเร็จทุกครั้ง หรือบางท่านมีปัญหาครอบครัว มาขอพึ่งบารมีหลวงพ่อพระประธานที่นี่ ปัญหาความเดือดร้อนก็คลี่คลาย

อุโบสถใหม่


อุโบสถใหม่






ที่นี่จัดเป็นอีกหนึ่งวัดสงบ ไม่พลุกพล่านวุ่นวายใจกลางกรุงเทพฯ สามารถมาทำบุญ ถวายสังฆทานได้ทุกวัน
บทสวด” class=”wp-image-392669″/>





























ภาพโดย MTHAI TEAM
ที่อยู่ : 207 ถนนสามเสน แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300
Google map : https://maps.app.goo.gl/fAuBDSNZ7Y4cQ6GZ9
เวลาทำการ : 06.00 น. – 18.00 น.
เนื้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
วันพระ กรกฎาคม 2568 ทำบุญ ทำทาน สวดมนต์ เข้าวัดอิ่มใจ
กราบพระพุทธมหาจักรพรรดิ ขอพรค้าขาย ร่ำรวย วัดนางนองวรวิหาร
กราบพระพุทธรูปสลักหินทราย อายุกว่า ๓๙๐ ปี วัดบางยี่ขัน กรุงเทพฯ

สมัคร Monomax Standard แพ็กเดียว คุ้มสุด ๆ ดูบอลยาว ๆ ตลอดปี จัดเต็มทุกรายการสำคัญ
แพ็กเกจ Monomax Standard เพียง
2,999 บาท/ปี (เฉลี่ยเดือนละ 250 บาท)
299 บาท/เดือน
https://www.monomax.me/qr/f8pS
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น MONOMAX ได้ที่ App Store หรือ Google Play
โปรโมชั่นพิเศษนี้ถึง 9 ส.ค. 2568 เท่านั้น รีบสมัครเลย