วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร
วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร วัดสวยกรุงเทพที่ความงดงามเลื่องลือไปไกลทั่วโลกในชื่อว่า ” The Marble Temple ” เดิมวัดนี้ชื่อ “วัดแหลม” หรือ “วัดไทรทอง” เป็นวัดโบราณ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างในสมัยใด จนปรากฎชื่อในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เมื่อครั้งศึกปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์ ว่าฝั่งกองทัพไทยได้ตั้งทัพรักษาการณ์ทางฝั่งพระนครอยู่ที่ “วัดแหลม” เมื่อเสร็จศึก พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ พร้อมด้วยพระเชษฐภคินี พระขนิษฐภคินี และพระกนิษฐภาดา ร่วมเจ้าจอมมารดาอีก 4 พระองค์ ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้น ประมาณปี พ.ศ.2370 – 2371 แล้วทรงสร้างพระเจดีย์ 5 องค์ รายด้านหน้าวัดเป็นอนุสรณ์
ภายหลังวัดแหลมได้รับพระราชทานนามจาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ใหม่ว่า วัดเบญจมบพิตร แปลว่า วัดของเจ้านาย 5 พระองค์ที่ทรงร่วมกันปฏิสังขรณ์วัดขึ้นมานี่เอง และเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงสร้างสวนดุสิต ขึ้น และพระองค์ทรงสถาปนาวัดด้วยศิลปะสถาปัตยกรรมไทยโบราณ โดยวางแปลนแยกสัดส่วนเป็นเขตพุทธาวาส สังฆาวาส และที่ธรณีสงฆ์ ทำให้ที่นี่เป็นวัดที่มีการวางแปลนแผนผังที่ดีที่สุดวัดหนึ่ง และพระราชทานนามว่า “วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม” ซึ่งหมายถึง “วัดของพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ 5”
ในปี 2453 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จสวรรคตก่อนการสร้างแล้วเสร็จ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ดำเนินการต่อ โปรดให้ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ประดับตกแต่งหินอ่อนฝาผนังและพื้นพร้อมรัตนบัลลังก์ ให้ช่างเขียนลายไทยที่ฝาผนัง และอัญเชิญพระสรีรังคารในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มาบรรจุไว้ใต้รัตนบัลลังก์พระพุทธชินราชในพระอุโบสถ
จุดเด่นของ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร คือ อุโบสถจตุรมุขและพระระเบียงคตที่ประดับด้วยหินอ่อนจากประเทศอิตาลี ด้านในปูหินแกรนิตสีชมพูอ่อนและสีเทา อาคารโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมไทยโบราณ จนชาวต่างชาติเรียกว่า ” The Marble Temple ” หรือ วัดหินอ่อน
อุโบสถหินอ่อนจากอิตาลีทั้งหลัง
อุโบสถทรงจตุรมุข มีมุขเด็จยื่นออกมาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง หลังคาซ้อนกัน 5 ชั้นมุงกระเบื้องกาบูสีเหลือง ลักษณะเป็นกาบโค้ง กระเบื้องเชิงชายเทพพนม มีระเบียงคดล้อมรอบ ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ลงรักปิดทอง หน้าบันแกะสลักด้วยไม้ลงรักปิดทองประดับกระจก หน้ามุขเด็จ ด้านหน้าเป็นรูปพระนารายณ์ทรงสุบรรณ ส่วนมุขเด็จด้านหลังเป็นรูปอุณาโลมประดับกระจก หน้าบันด้านอื่นๆ เป็นรูปต่างๆ ไม่ซ้ำกัน ฝาผนังภายในเขียนภาพลายไทยเทพพนมทรงข้าวบิณฑ์สีเหลืองตลอดถึงเพดาน บนขื่อทั้งหมดมีภาพเขียนลายทองรดน้ำ เพดานประดับดาวกระจาย ซุ้มหน้าต่างเป็นเรือนแก้วฐานเท้าสิงห์ บานประตู 3 ด้าน จำหลักโลหะภาพนูน ด้านหน้าเป็นภาพมารผจญ ด้านเหนือเป็นภาพเจดีย์จุฬามณี ด้านใต้เป็นภาพพระพุทธเจ้าเสด็จจากดาวดึงส์ ที่ซุ้มมุขด้านตะวันตกประดิษฐาน “หลวงพ่อธรรมจักร” พระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ปิดทอง เป็นพระพุทธรูปที่หล่อจากเศษทองที่เหลือจากการหล่อพระพุทธชินราชจำลอง ส่วนพระประธานในอุโบสถคือ พระพุทธชินราช ที่จำลองมาจากองค์จริงที่พิษณุโลก
พระระเบียงคต
เป็นมุขกระสันต่อจากมุขพระอุโบสถด้านทิศใต้โอบไปทางตะวันตกมาจรดมุขด้านหน้า พื้นระเบียงปูหินอ่อนตัดเป็นลายตลอด เสากลมหินอ่อนทั้งแท่ง 64 ต้น เสาเหลี่ยมประกบแผ่นหินอ่อน 28 ต้น ปลายเสาปั้นบัวปิดทองประดับกระจก ขื่อทั้งหมดลงรักปิดทองลายรดน้ำ เพดานในร่องชาดประดับดาว 610 ดวง มุขกลางเป็นจตุรมุข ผนังด้านในถือปูนด้านนอกประดับหินอ่อนตลอด และทำหน้าต่างลูกมะหวดเป็นระยะๆ รอบพระระเบียง ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ลงรักปิดทอง หน้าบันต่างๆ ลงรักปิดทองประดับกระจกเป็นลวดลายจำหลัก ตราประจำกระทรวงต่างๆ สมัยรัชกาลที่ 5 รวม 10 กระทรวง ใต้หน้าบันนอกจากที่ตรงประตูมีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปรวม 4 องค์ มี 52 องค์พระพุทธรูปโบราณปางและสมัยต่างๆ ที่สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ นำมาถวาย ประดิษฐานบนแท่นปั้นลายลงรักปิดทอง
นับเป็นอีกหนึ่งวัดสวยกรุงเทพ ที่ทรงคุณค่าทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น ที่หากใครมาเยือนกรุงเทพฯ ก็ไม่ควรพลาดจะมาเช็กอินกราบพระพุทธชินราช นั่งสมาธิ ชมสวนพักผ่อนหย่อนใจให้สงบ ณ วัดเบญจมบพิตรกัน
ภาพโดย MTHAI TEAM
ที่อยู่ : 69 ถ.นครปฐม แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300
Google Map : https://maps.app.goo.gl/jdqZPpgW78YKug9w7
เวลาเปิด – ปิด : 07.00 น. – 17.30 น.
เนื้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
200 กว่าปี วัดดุสิดารามวรวิหาร วัดสวยฝ่าภัยสงครามโลกและน้ำท่วม กทม.
วัดต้นเกว๋น วัดสวยเชียงใหม่ ความงามที่ต้องไปเห็นด้วยตาสักครั้งในชีวิต
วิธีขอพร ปลดหนี้ ทำมาค้าขึ้นที่วัดอินทารามวรวิหารวัดดังย่านฝั่งธนฯ