กลิ่นอายปลายปีชวนให้สองเท้าร่ำๆ จะออกเดินทางเสียให้ได้ แต่จะออกเดินทางเที่ยวให้เต็มแมกซ์ทั้งที ก็มูเตลูแบบเอ็กซ์คลูซีฟไปพร้อมๆ กันกับ อ. คฑา ชินบัญชร ไปด้วยเลยยิ่งดีใหญ่ งานนี้เราเก็บทริปกิน เที่ยว มูแบบพิเศษสุดๆ มาฝากกันจ้า เผื่อใครอยากไปตามรอยฉบับ 3 วัน 2 คืน เส้นทางอารยธรรมพิษณุโลก – สุโขทัยก็ไม่ใช่เรื่องยาก
Day 1 : พิษณุโลก
มุ่งหน้าออกเดินทางจากกทม. ตั้งแต่เช้าตรู่ โดยเครื่องบินไม่นานก็ถึงพิษณุโลก เราแวะ เติมพลังกันก่อนที่ร้านติ่มซำชื่อดังของจังหวัดที่ใครมาเป็นต้องแวะ ร้าน ติ่มซำ ซุ่นฮะฮวด น้ำชา ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึงพิษณุโลกเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ราดหน้าซุ่นฮะฮวด ข้าวผัดซุ่นฮะฮวด ซุปเยื่อไผ่ ต้มยำเกี๊ยวน้ำและโดยเซ็ตติ่มซำ ที่ปั้นสดทุกชิ้น ไม่มีค้าง ทำให้วัตถุดิบคงความอร่อยกรุบ สดใหม่แบบคำต่อคำ อยากรู้ว่าจริงสมคำร่ำลือหรือไม่ ต้องตามมาชิมที่ร้านซุ่นฮะฮวดด้วยตัวเองแล้วน๊า
ร้าน ซุ่นฮะฮวด ตั้งอยู่ที่ : ถนนเจ้าพระยา ซอยเจ้าพระยาจักรี อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก
ร้านเปิดเวลา 06.30 – 17.30 น.
หลังเวลา 17.30 น. ร้านรับบริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ ต้องสั่งจองล่วงหน้าก่อนเวลา 16.30 น.
เบอร์โทรติดต่อ 098-271-9529
เติมพลังกันเสร็จแล้ว เรามาแวะชุมชนบ้านเจ้าจัน จันทร์เจ้า กันต่อเลยค่ะ
ที่นี่เรามาทำมัดย้อมผ้าสีมงคลประจำทริป พร้อมลวดลายดอกไม้ปัญจบุปผา ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำสรวงสวรรค์ โดยนำเทียนไขพิธีในวัดจันทร์ตะวันตก มาเขียนเป็นลวดลาย เพื่อสร้างสรรค์เป็นงานศิลปะประกอบกับความเชื่อ เช่น ลายดอกสันนตานะ เสริมสิริมงคล, ลายดอกกัลปพฤกษ์ ที่มีความหมายในด้านความสุขสมปรารถนา, ลายดอกหริจันทน์ สื่อถึงความเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวย โชคลาภ, ลายดอกมณฑาทิพย์ สื่อถึงความร่มเย็นเป็นสุข และ ลายดอกปาริชาตอันสื่อถึงความสำเร็จ หลังจากทำผ้ามัดย้อมสีมงคลจนได้ติดมือกลับบ้านกันคนละผืนแล้ว แวะเติมพลังให้เต็มแมกซ์ที่ร้าน ขนมจีนต้นก้ามปู
ด้วยเอกลักษณ์ต้นก้ามปูร่มรื่น พร้อมบริการด้วยอาหารเส้นหลากหลาย ทั้งขนมจีนน้ำยาปู มาเยือนถิ่นเหนือก็ต้องมี น้ำเงี้ยว และข้าวซอย ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง ขนมไทยอย่าง เปียกข้าวฟ่าง
ร้านขนมจีนต้นก้ามปูตั้งอยู่ที่ : 59/19 หมู่.10 ต.วัดจันทร์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก
ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 09.00 – 16.30 น.
เบอร์โทรติดต่อ 062-919-9989
อิ่มหนำเต็มพลังแล้วเราไปมูกันต่อที่วัดราชบูรณะ เพื่อเข้าพิธีสวดเจริญพุทธมนต์ เสริมดวงชะตา ลงนะปิดทอง มนตรานางพญา บนฝ่ามือ ณ วิหารหลวงพ่อทองดำ และห่มผ้าพระเจดีย์ โดยพิธีนี้ จะจัดทำขึ้นเพื่อเสริมสิริมงคลใช้ดวงชะตาชีวิต รุ่งเรือง พบความสำเร็จสืบไป
วัดราชบูรณะ ปัจจุบันตั้งอยู่ใจกลางเมืองพิษณุโลก ติดฝั่งแม่น้ำน่าน เยื้องกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) ตรงข้ามกับวัดนางพญา โดยมีถนนมิตรภาพตัดผ่ากลาง ทำให้วัดอยู่คนละฝั่งถนน ไม่ปรากฏหลักฐานการก่อสร้างว่า เริ่มสร้างขึ้นครั้งแรกในสมัยใด วัดแห่งนี้เดิมมีอาณาเขตติดต่อกับวัดนางพญา ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2502 กรมทางหลวงได้ตัดถนนสายพิษณุโลก-หล่มสัก คือ ถนมิตรภาพ ถนนสายนี้ได้ตัดผ่านเข้าไปในเนื้อที่วัดนางพญาและวัดราชบูรณะ ถนนมิตรภาพได้ตัดเฉียดพระอุโบสถไปอย่างใกล้ชิด จนต้องรื้อย้ายใบเสมามุมพระอุโบสถด้านตะวันออกเฉียงเหนือ
เมื่อปี พ.ศ. 2528 กรมศิลปากรได้ขุดค้นเจดีย์หลวงวัดราชบูรณะเพื่อทำการบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ ได้ขุดค้นพบพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุไว้ในคอระฆังของเจดีย์หลวงซึ่งบรรจุไว้ในผอบ และเจดีย์จำลองเล็กๆ ที่ทำจากทองสำริด ซึ่งทางวัดได้นำออกมาให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะบูชาที่ศาลาการเปรียญ
เหนื่อยล้ามาทั้งวัน หลังจากอิ่มบุญ เราต้องอิ่มท้องกันต่อด้วย ครัวน่านน้ำ ร้านอาหารบรรยากาศดีตกแต่งสไตล์โกธิคแบบผสมผสานศิลปะแบบบาโรก มีห้องรับรองกว้างขวาง ตั้งอยู่แถบริมน้ำน่าน ที่นี่ครบครันทั้งอาหารไทย อาหารยุโรปและอาหารอินเดียหลากหลายเมนู รับรองว่า ถูกปาก ถูกใจกันทั้งครอบครัวค่ะ
ครัวน่านน้ำตั้งอยู่ที่ : 94/2 ถนน วังจันทน์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง พิษณุโลก 65000 พิษณุโลก
เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 11:00-23:00 ทุกวัน
เบอร์โทรติดต่อ 055-230444 หรือ 097-9230448
วันนี้เหนื่อยนักแล้วหนา เข้านิทราฝากกายหยาบบนเตียงนุ่มๆ ดูดวิญญาณ ที่โรงแรมสุดสวยอลังการ โรงแรมชินะปุระ จ. พิษณุโลกกันก่อน พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางแต่เช้าเพื่อไปเที่ยวกันต่อที่สุโขทัยกันค่ะ
โรงแรมชินะปุระ ตั้งอยู่ที่ : 59/59 หมู่ 10 ต.วัดจันทน์ เทศบาลนครพิษณุโลก 65000
http://www.shinnabhura.com/
เบอร์โทรติดต่อ 055-219-888
DAY 2 : สุโขทัย
หลังจากฝากท้องมื้อเช้าไว้ที่ห้องอาหารโรงแรม เราออกเดินทางเข้าสุโขทัยกันแต่เช้าเพื่อสักการะแม่ย่า ขอโชคขอลาภ เดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย
พระแม่ย่า ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ใครมาสุโขทัยต้องมาสักการะกราบแม่ย่ากันเสียก่อน เดิมนั้นประดิษฐานอยู่ที่ถ้ำพระแม่ย่า ซึ่งเป็นเพิงชะโงกเงื้อมออกมาทางใต้ ประมาณ 3 เมตรเศษ พระแม่ย่าหันพระพักตร์ไปทางทิศใต้ตามเงื้อมเขาที่ยื่นล้ำออกมาทางด้านหลังเงื้อมผามีถ้ำตื้น ๆ องค์เทวรูป (พระแม่ย่า) เป็นเทวรูปหิน สลักด้วยหินชนวน เป็นรูปสตรีวัยสาว มีเครื่องประดับอย่างสตรีโบราณผู้สูงศักดิ์ ประทับยืนตรง แขนทั้งสองข้างแนบพระวรกาย นุ่งผ้าปล่อยชายไหว เป็นเชิงชั้นทั้งสองข้างแบบศิลปการนุ่งผ้าสตรีสมัยสุโขทัย ไม่สวมเสื้อหรือสไบเปลือยส่วนบนทั้งหมด เห็นพระถันทั้งสองเต้า ใส่กำไลแขน กำไลข้อมือและกำไลข้อเท้าทั้งสองข้าง เป็นกำไลวงกลม มีพระพักตร์เป็นรูปไข่ คางมน พระโอษฐ์แย้มยิ้มน้อย ๆ สวมมงกุฎเป็นแบบชฎาทรงสูง ที่พระบาทสวมรองพระบาทปลายงอน ยอดศิลาส่วนที่เหนือพระมงกุฎแตกบิ่นหายไปบ้าง เมื่อวัดขนาดของเทวรูปศิลารวมแท่นหินแผ่นเดียวกันที่คงอยู่ สูงทั้งหมด 51 นิ้ว วัดจากพระบาทถึงยอดพระมงกุฎ สูง 49 นิ้ว ศิลาจำหลักเป็นศิลาแท่งเดียวกันตลอดไม่มีรอยต่อ
ประวัติที่มาอันแน่นอนของพระแม่ย่านั้น ไม่มีหลักฐานยืนยันแน่นอนว่าเป็นใคร เมื่อประชาชนพากันเรียกว่า “พระแม่ย่า” อาจารย์ทองเจือ สืบชมภู สันนิษฐานว่าคงเป็นนางกษัตริย์องค์ใดองค์หนึ่ง และนางกษัตริย์องค์นี้น่าจะเป็นพระนางเสือง ซึ่งเป็นพระราชชนนีของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช และเป็นพระเจ้าย่าของพระยาลิไท
ศาลพระแม่ย่าเป็นปูชนียสถานที่สำคัญของสุโขทัย เป็นที่เคารพสักการะของประชาชน ทั้งในจังหวัดสุโขทัยประประชาชนโดยทั่วไป ใครมีเรื่องทุกข์ร้อนก็จะไปกราบไหว้ตั้งจิตอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระแม่ย่า เล่ากันว่ามักจะได้ดังที่ขอ
ศาลพระแม่ย่าตั้งอยู่หน้าศาลากลางจังหวัดสุโขทัย ซึ่งอยู่ริมฝั่งซ้ายของแม่น้ำยม มีถนนนิกรเกษมเป็นถนนเลียบฝั่ง จังหวัดสุโขทัย
จากนั้นเดินทางกันต่อไปที่ วัดศรีชุม เพื่อสักการะขอพร พระอจนะ
วัดศรีชุม เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ขนาดหน้าตักกว้างประมาณ 11.30 เมตร ซึ่งมีนามว่า “พระอจนะ” มีความหมายว่า ผู้ไม่หวั่นไหว ที่ร่ำลือกันว่าเป็นพระพูดได้ สันนิษฐานกันว่าวัดศรีชุมสร้างตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชและกลายเป็นวัดร้างในสมัยอยุธยาตอนปลายกระทั่ง พ.ศ. 2495 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีโครงการบูรณปฏิสังขรณ์เสียใหม วัดศรีชุม (Si Chum Temple) มีพระประธานองค์ใหญ่ที่อยู่ภายในมณฑปซึ่งต่างจากวัดทั่วไปที่พระประธานมักอยู่ในโบสถ์ร่องรอยภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังที่มณฑปแม้จะลบเลือนไปมากแล้วแต่ก็ยังเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความสวยงามยิ่งใหญ่ของวัดศรีชุม ในอดีตวัดนี้เป็นสถานที่พบศิลาจารึกหลักที่ 2 หรือศิลาจารึกวัดศรีชุม
ตำนานเกิดจากเมื่อครั้งสมเด็จพระนเรศวรเดินทัพมาถึงที่แห่งนี้แล้วสั่งพักทัพที่วัดแห่งนี้ ต่อมาจึงให้ทหารปีนขึ้นไปพูดถามตอบเพื่อเรียกขวัญกำลังใจแก่ทหารคนอื่นๆ ในกองทัพ ซึ่งก็สร้างกำลังใจให้กับกองทัพได้อย่างสำเร็จ ทุกคนมีขวัญกำลังใจที่ดีขึ้น และได้ไปรบจนชนะกลับมา
จากนั้นเราไปฝากท้องมื้อกลางวันกันที่ เจ๊แฮ ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ร้านนี้เป็นร้านเด็ดที่คนท้องที่ต้องมา ถ้านึกถึงก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยต้องนึกถึงเจ๊แฮ อร่อยเด็ด ตั้งแต่เส้นจนถึงซุป นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆ อย่างผัดไทย หมูสะเต๊ะ และไส้อั่วไว้บริการ
ตามมาลิ้มชิมรสด้วยตัวเองกันได้ที่ :
หมู่ 12 จรดวิถีถ่อง 6/10 ตำบล บ้านกล้วย อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย 64000
เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 8.00 – 16.00 น. ทุกวัน
เบอร์โทรติดต่อ 055-611-901
จากนั้นเราไปเวียนเทียนกันต่อที่ เจดีย์วัดช้างล้อม
วัดช้างล้อม เป็นวัดนอกเขตกำแพงเมืองฝั่งตะวันออก ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย โดยรอบฐานประกอบด้วยช้างจำนวน 32 เชือก และยังมีฐานกำแพงแก้วก่อด้วยอิฐล้อมรอบ พิธีกรรมส่วนนี้จัดขึ้นในรูปแบบเวียนเทียน 3 รอบ เสริมพลังมงคลให้กับดวงชะตาชีวิต
ค่ำคืนนี้ หัวถึงหมอนก็หลับสบายที่ โรงแรม Sukhothai Treasure Resort and Spa บริการด้วยห้องกว้างขวางบรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติ ที่เราเลือกที่นี่เพราะใกล้กับวัดตระพังทอง ได้พักเต็มอิ่มกันเสียหน่อย จะได้มีแรงตะลุยมูกันต่อในวันพรุ่งนี้
โรงแรม Sukhothai Treasure Resort and Spa ตั้งอยู่ที่ :
18/2 บ้านกล้วย อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย
https://sukhothaitreasure.com/
เบอร์โทรติดต่อ 055-611-555
DAY 3 : สุโขทัย
เริ่มต้นยามเช้าปิดทริปของเรา ด้วยอีกหนึ่งกิจกรรมที่พลาดไม่ได้เลยสำหรับสายบุญ คือ ตักบาตรเช้า วัดตระพังทอง ที่ต้องมาใส่บาตรรับรุ่งอรุณแห่งความสุข ณ สะพานบุญ วัดตระพังทอง โดย ทุกๆ วัน คณะสงฆ์จะเดินบิณฑบาตรญาติโยม ในช่วงเวลาเช้า ตั้งแต่ 06.15 น. เป็นต้นไป จากนั้นกลับไปกินมื้อเช้าที่โรงแรม Sukhothai Treasure Resort and Spa ก่อนออกเดินทางไปเยี่ยมชมอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย กับ 2 จุดไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด !
วัดมหาธาตุ
วัดมหาธาตุ เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เป็นพระอารามหลวงในเขตพระราชวังอาณาจักรสุโขทัย สร้างสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ มีพระเจดีย์ต่างๆ รวมถึง 200 องค์ นับเป็นวัดสำคัญประจำกรุงสุโขทัย มีพระเจดีย์มหาธาตุ ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ศิลปะแบบสุโขทัยแท้ตั้งเป็นเจดีย์ประธาน ล้อมรอบด้วยเจดีย์ 8 องค์ บนฐานเดียวกัน คือ ปรางค์ศิลาแลงตั้งอยู่ที่ทิศทั้ง 4 และเจดีย์แบบศรีวิชัยผสมลังกาก่อด้วยอิฐอยู่ที่มุม ด้านตะวันออกบนเจดีย์ประธานมีวิหารขนาด ใหญ่ก่อ ด้วยศิลาแลง มีแท่นซึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คือ พระศรีศากยมุนี ปัจจุบัน ได้รับการเคลื่อนย้ายไปอยู่ที่วัดสุทัศน์ฯ กรุงเทพฯ ที่ด้านเหนือและด้านใต้เจดีย์มหาธาตุมีพระพุทธรูปยืนภายในซุ้มพระ เรียกว่า “พระอัฎฐารศ” ด้านใต้ยังพบแท่งหินเรียกว่า “ขอมดำดิน” อีกด้วย
วัดศรีสวาย
วัดศรีสวาย ตั้งอยู่ห่างออกไปทางตอนใต้ของวัดมหาธาตุประมาณ 350 เมตร โบราณสถานสำคัญที่ตั้งอยู่ในกำแพงแก้ว ประกอบด้วยปรางค์ 3 องค์ รูปแบบศิลปะลพบุรี ลักษณะของปรางค์ค่อนข้างเพรียว ตั้งอยู่บนฐานเตี้ย ๆ ลวดลายปูนปั้นบางส่วนเหมือนลายบนเครื่องถ้วยจีน สมัยราชวงศ์หยวน ได้พบทับหลังสลักเป็นรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ ชิ้นส่วนของเทวรูป และศิวลึงค์ที่แสดงให้เห็นว่าเคยเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดูมาก่อน แล้วแปลงเป็นพุทธสถานโดยต่อเติมวิหารขึ้นที่ด้านหน้า แล้วเป็นวัดในพุทธศาสนาภายหลัง
เดิมวัดนี้เป็นเทวสถานในศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู ลักษณะเป็นปรางค์สามยอดแบบขอม มีคูน้ำล้อมรอบปรางค์สามองค์ โบราณสถานดังกล่าวนี้มีที่มาจากทรงปราสาทแบบขอม แต่ได้รับการดัดแปลงแตกต่างจากต้นแบบ เช่น ส่วนประดับของปราสาทขอมที่เรียกว่า บันแถลง กลายเป็นรูปกลีบขนุน และปูนปั้นประดับกลีบขนุนเป็นรูปครุฑยุดนาคและเทวดา ปรางค์วัดศรีสวายจึงแตกต่างจากปรางค์สมัยกรุงศรีอยุธยาซึ่งมีต้นแบบจาก ปรางค์ในศิลปะขอมและคล้ายคลึงแบบขอมมากกว่าปรางค์ในแบบของช่างสุโขทัย
จบทริปกิน เที่ยว มู พิษณุโลก – สุโขทัย ไม่ไปไม่ได้แล้วแต่เพียงเท่านี้ เตรียมตัวกลับบ้านอิ่มบุญ อิ่มใจเพราะโหลดพลังไอเท็มมงคลมาเต็มแกลลอน ใครอยากตามรอยทริปมูนี้ อย่ารอช้า รีบมาเช็คอินตามกันให้ไว เพราะเที่ยวเมืองไทย ใครๆ ก็รัก !
ขอขอบคุณ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย