บทสวดมนต์ บทสวดหายป่วย พระไตรปิฎก โพชฌงคปริตร

บทสวด โพชฌังคปริตร สวดมนต์เพื่อบรรเทารักษาโรคภัยไข้เจ็บ

ศาสนิกชนชาวพุทธมีความเชื่อกันมาว่า บทสวด โพชฌังคปริตร เป็นบทสวดเพื่อบรรเทารักษาโรคภัยไข้เจ็บกันมาช้านาน ซึ่งมีที่มาปรากฏในพระไตรปิฎกว่า ในสมัยพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปเยี่ยมพระมหากัสสปะที่กำลังอาพาธ และทรงแสดงสัมโพชฌงค์แก่พระมหากัสสปะ

Home / บทสวดมนต์ / บทสวด โพชฌังคปริตร สวดมนต์เพื่อบรรเทารักษาโรคภัยไข้เจ็บ

ศาสนิกชนชาวพุทธมีความเชื่อกันมาว่า บทสวด โพชฌังคปริตร เป็นบทสวดเพื่อบรรเทารักษาอาการโรคภัยไข้เจ็บ ช่วยให้หายป่วย กันมาช้านาน

โพชฌังคปริตร

ย้อนกลับไปในสมัยพระพุทธกาล ซึ่งยังไม่มีวิวัฒนาการทางการแพทย์อันก้าวล้ำเหมือนเช่นยุคนี้ มีความเชื่อกันว่าหากเจ็บไข้ได้ป่วยให้สวดมนต์บท โพชฌงคปริตร หรือ โพชฌงค์ 7 ประการ แล้วโรคภัยไข้เจ็บจะบรรเทาเบาบางจนถึงขั้นหายป่วยได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งมีที่มาปรากฏในพระไตรปิฎกว่า ในสมัยพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปเยี่ยมพระมหากัสสปะที่กำลังอาพาธ และทรงแสดงสัมโพชฌงค์แก่พระมหากัสสปะ ผลปรากฏว่าพระมหากัสสปะหายจากอาการอาพาธได้

ครั้งหนึ่งพระพุทธองค์ได้ทรงแสดงธรรมบทนี้แก่พระโมคคัลลานะซึ่งกำลังอาพาธ ก็พบว่าพระโมคคัลลานะหายจากอาพาธได้ และเมื่อพระพุทธองค์เองทรงอาพาธ ก็ได้ตรัสให้พระจุนทะเถระแสดงโพชฌงค์ถวาย และน่าอัศจรรย์ยิ่งที่พระพุทธองค์ก็ทรงหายจากอาการอาพาธเช่นกัน

บทสวด โพชฌังคปริตร เพื่อบรรเทารักษาโรคภัยไข้เจ็บ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต,
อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ (สวด 3 จบ)

พุทธัง อาราธนัง กะโรมิ
ธัมมัง อาราธนัง กะโรมิ
สังฆัง อาราธนัง กะโรมิ

โพชฌังคปริตร
(หันทะ มะยัง โพชฌังคะปะริตัง ภะณามะ เส)

โพชฌังโค สะติสังขาโต ธัมมานัง วิจะโย ตะถา
โพชฌงค์ 7 ประการ คือ สติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจยะสัมโพชฌงค์

วิริยัมปีติ ปัสสัทธิ โพชฌังคา จะ ตะถาปะเร
วิริยะสัมโพชฌงค์ ปีติสัมโพชฌงค์ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์

สะมาธุเปกขะโพชฌังคา สัตเตเต สัพพะทัสสินา
สมาธิสัมโพชฌงค์ และอุเบกขาสัมโพชฌงค์ 7ประการเหล่านี้

มุนินา สัมมะทักขาตา ภาวิตา พะหุลีกะตา
เป็นธรรมอันพระมุนีเจ้า ผู้ทรงเห็นธรรมทั้งปวงตรัสไว้ชอบแล้ว

สังวัตตันติ อะภิญญายะ นิพพานายะ จะ โพธิยา
อันบุคคลเจริญแล้วกระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ และเพื่อนิพพาน

เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา
ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ

เอกัสมิง สะมะเย นาโถ โมคคัลลานัญจะ กัสสะปัง คิลาเน ทุกขิเต ทิสวา โพชฌังเค สัตตะ เทสะยิ
ในสมัยหนึ่ง พระโลกนาถเจ้า ทอดพระเนตรเห็นพระโมคคัลลานะ และพระมหากัสสปะ เป็นไข้
ได้รับความลำบาก จึงทรงแสดงโพชฌงค์ 7 ประการ ให้ท่านทั้งสองฟัง

เต จะ ตัง อะภินันทิตวา โรคา มุจจิงสุ ตังขะเณ
ท่านทั้งสองนั้น ชื่นชมยินดียิ่ง ซึ่งโพชฌังคธรรม โรคก็หายได้ในบัดดล

เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา
ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ

เอกะทา ธัมมะราชาปิ เคลัญเญนาภิปีฬิโต จุนทัตเถเรนะ ตัญเญวะ ภะณาเปตวานะ สาทะรัง
ในครั้งหนึ่ง องค์พระธรรมราชาเอง (พระพุทธเจ้า) ทรงประชวรเป็นไข้หนัก
รับสั่งให้พระจุนทะเถระ กล่าวโพชฌงค์นั้นนั่นแลถวายโดยเคารพ

สัมโมทิตวา จะ อาพาธา ตัมหา วุฏฐาสิ ฐานะโส
ก็ทรงบันเทิงพระหฤทัย หายจากพระประชวรนั้นได้โดยพลัน

เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา
ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ

ปะฮีนา เต จะ อาพาธา ติณณันนัมปิ มะเหสินัง
ก็อาพาธทั้งหลายนั้น ของพระผู้ทรงคุณอันยิ่งใหญ่ทั้ง 3 องค์นั้น หายแล้วไม่กลับเป็นอีก

มัคคาหะตะกิเลสาวะ ปัตตานุปปัตติธัมมะตัง
ดุจดังกิเลส ถูกอริยมรรคกำจัดเสียแล้ว ถึงซึ่งความไม่เกิดอีกเป็นธรรมดา

เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา
ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ เทอญ

(สวด 3 จบ, 7 จบ หรือ 9 จบ )

หลังจากสวดครบจบ ก็ควรสวดบทแผ่เมตตาต่อเพื่อให้จิตเป็นกุศลแก่ตนเองและผู้อื่น

บทแผ่เมตตาให้แก่ตนเอง

อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
อะหัง นิททุกโข โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์
อะหัง อะเวโร โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
อะหัง อะนีโฆ โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์กายทุกใจ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด

บทแผ่เมตตาให้ผู้อื่น

สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ นิททุกขา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ

ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงถึงความสุข ปราศจากความทุกข์ ไม่มีเวร ไม่มีภัย ไม่มีความคับแค้นใจ
จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวงเถิดฯ

บทแผ่เมตตาทั่วไป

สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวราโหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพยาปัชฌาโหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อะนีฆาโหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด

หากวิเคราะห์กันในทางวิทยาศาสตร์ที่มีผลการวิจัยรองรับและยืนยันตรงกันว่า การสวดมนต์นั้นช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยได้จริง เนื่องจากจัดเป็นพลังงานดี เป็นคลื่นเสียงที่สงบ เป็นกระแสจิตที่เป็นบวกอันนำไปสู่ความสงบและเป็นสุขช่วยให้เกิดสมาธิ ลดอาการเจ็บปวด ช่วยสมานแผลให้หายไวขึ้น และยังช่วยลดความเครียดได้ อันเป็นปัจจัยหลักของโรคและอาการเจ็บป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจ เมื่อจิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว แล้วการสวดมนต์ ทำให้จิตใจอิ่มเอิบ เป็นสุข และทำให้หายจากโรคได้ เพราะจิตและกายนั้นสัมพันธ์กันนั่นเอง

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

ท้าวหิรัญพนาสูร เทพารักษ์ประจำพระราชวังพญาไท

ปู ไปรยา กับ บทสวดมหาจักรพรรดิ ที่พาชีวิตปัง

7 ลักษณะ โหงวเฮ้งคุณนาย หญิงใดมีครบ ชะตาชีวิตดี๊ดี