“เพราะเราทุกคนต่างก็มีเจ้ากรรมนายเวรติดตัวตามมา” จากการกระทำผิดทั้งปวง อาจเกิดจากกรรมเก่า คือจากภพชาติอื่น และจากกรรมใหม่ คือ ภพชาติในปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดผล คือ วิบากกรรมที่ต่างกัน หลายคนมีชีวิตที่ติดขัด สับสน วุ่นวาย พบเจอแต่อุปสรรคนานาประการ ทำคุณคนไม่ขึ้น ทำดีไม่ได้ดี เหตุเพราะเกิดจากผลแห่งกรรมที่ทำมา วันนี้ MTHAI ขอนำทุกท่าน ไปขอขมากรรม ถอนคำสัญญา คำสาบาน คำสาบแช่ง ขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรทั้งปวง กับ “พระกลักฝิ่น” หรือ “พระพุทธเสรฏฐมุนี” ณ วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
เชื่อกันว่าผู้ใดที่มาขอขมากรรมกับหลวงพ่อกลักฝิ่น เหมือนการได้สารภาพบาป กลับตัวกลับใจ ชีวิตจะดีขึ้น พบแต่ความสุขความร่มเย็น เพราะหลวงพ่อกลักฝิ่น ท่านเคยเป็นสิ่งผิดกฎหมายมาก่อน หากพร้อมแล้ว ตั้งจิตให้เป็นกุศล แล้วไปขอขมากรรมด้วยกัน

ขั้นตอนการขอขมากรรม พระกลักฝิ่น วัดสุทัศน์
1.เมื่อเดินทางมาถึงยังวัดสุทัศน์ ยังพระประธาน(หลวงพ่อกลักฝิ่น) ณ ศาลาการเปรียญ ให้ทุกท่านเข้าไปบูชา เครื่องขอขมากรรม ได้แก่ ดอกบัว 5 ดอก ธูปและเทียน อย่างละ 5 เล่ม โดยทางวัดมีให้บูชา ในชุดละ 50 บาท โดยให้เราใส่เงินเหรีญ 5 บาทลงไปในถาดบูชา
2.นำธูป และเทียนไปจุด ยังจุด ด้านหน้าศาลาเปรียญ
3.จากนั้นให้นำใบขอขมากรรมที่ทางวัดจัดเตรียมไว้ให้ มีทั้งหมด 4 ใบ และหาจุดที่นั่ง เพื่อกล่าวขอขมากรรม
4.ตั้งจิตให้เป็นกุศล ให้เป็นสมาธิ แล้วเริ่มกล่าวคำขอขมากรรมต่อหน้าพระพ่อกลักฝิ่น
5.เมื่อกล่าวคำขอขมากรรมเสร็จ ให้นำดอกบัว 5 ดอก ไปถวายที่ด้านหน้าองค์ประประธาน (หลวงพ่อกลักฝิ่น) พร้อมกับนำเหรียญ 5 บาท ใส่ลงในพานหน้าพระประธาน เป็นอันเสร็จพิธีขอขมากรรม



ทำไมมาต้องขอขมากรรมกับ “พระกลักฝิ่น หรือ หลวงพ่อกลักฝิ่น” วัดสุทัศน์
“พระกลักฝิ่น” หรือ “พระพุทธเสรฏฐมุนี” พระพุทธรูปปางมารวิชัยสร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เป็นพระพุทธรูปที่หล่อจากกลักฝิ่น ประดิษฐานเป็นพระประธาน ตั้งอยู่ ณ ศาลาการเปรียญ วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

องค์พระที่มีรูปร่างซูบผอม ด้วยเหตุที่ว่าท่านเคยเป็นสิ่งผิดกฎหมายมาก่อน รูปหล่อของท่าน หล่อขึ้นจากฝิ่น ซึ่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 พระองค์ทรงต้องการบำรุงรักษาพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองเพื่อส่งเสริมพสกนิกรให้เป็นพลเมืองดี มีศีลธรรม มีความรู้และสติปัญญา แต่ในขณะนั้นได้เกิดการแพร่ระบาดของยาเสพติด (ฝิ่น) โดยชาวต่างชาติได้นำฝิ่นเข้ามาเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ประชาชนเสพติดและติดฝิ่นกันเป็นจำนวนมาก ทำให้เสียสติ ทำลายประเทศชาติ พระองค์จึงโปรดเกล้า ให้มีพระราชโองการ “ปราบฝิ่น” ให้หมดสิ้นในประเทศไทย โดยได้มีการกวาดล้างครั้งใหญ่ ในปีพุทธศักราช 2382 ได้ทำการกวาดล้าง ได้ฝิ่นดิบ 3,700 หาบ ฝิ่นสุก 2 หาบ น้ำหนักรวม 222,120 กิโลกรัม หากคิดเป็นจำนวนเงินในเวลานั้น เป็นจำนวนเงินกว่า 18 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเยอะมากในสมัยนั้น และฝิ่นจำนวนมากที่ได้มา พระองค์ได้ทรงโปรดให้รวมเผาทำลาย ณ สนามชัย หน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท
ในเวลาต่อมา วันที่ 18 เมษายน พุทธศักราช 2382 ทรงนำกลักฝิ่นจำนวนมาก หล่อเป็นพระพุทธปฏิมากร ณ โรงหล่อของหลวงในพระบรมมหาราชวัง และได้อัญเชิญ พระพุทธรูปหล่อ ที่ทำจากกลักฝิ่น มาประดิษฐาน ณ ศาลาการเปรียญ วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร เมื่อแรกเริ่มผู้คนต่างเรียกว่า “พระกลักฝิ่น” ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามว่า “พระพุทธเสรฏฐมุณี” แปลว่า พระผู้ประเสริฐสุด มีความหมายว่า ผู้ติดสิ่งเสพติดทั้งหลาย สามารถกลับใจเป็นคนดีได้เสมอ ย่อมสว่างรุ่งเรืองเหมือนพระพุทธรูปที่ทรงสร้าง อันจะเป็นพลังแข็งแกร่งชนะจิตใจให้เหินห่างสิ่งเสพติดได้

ด้วยเหตุนี้เอง ใครที่เคยกระทำความผิดไว้ อยากสารภาพบาปทั้งปวง ขออโหสิกรรม ขอขมากรรม หรือถอนคำสาบาน คำบนบาน คำสาปแช่งต่อเจ้ากรรมนายเวรทุกภพชาติ เพื่อกลับตัวกลับใจให้ดีขึ้น เปลี่ยนแปลงตัวเองสู่ชีวิตใหม่ในทางที่ดี ที่เป็นกุศล ก็จะมาขอขมากรรมต่อ “พระกลักฝิ่น” ซึ่งท่านเคยเป็นสิ่งผิดกฎหมายมาก่อน เปรียบเสมือนคนที่กระทำความผิดแล้วคิดกลับตัวกลับใจเป็นคนดี จากสิ่งผิดกฎหมายที่เป็นของต่ำช้า กลายเป็นของสูงส่งที่ให้คนกราบไหว้บูชา เป็นเหมือนกุศโลบายที่ไว้คอยเตือนใจคน ให้กระทำความดี ละเว้นซึ่งความชั่วทั้งปวง สร้างกรรมใหม่ในทางที่ดี ชีวิตก็จะพบแต่ความสุขความสำเร็จ

การเดินทางมาวัดสุทัศน์
สามรถเดินทางได้หลายเส้นทาง
- รถยนต์ส่วนตัว จอดริมฟุตบาตข้างวัด (โดยการจอดได้เพียงชั่วคราว และต้องอยู่ในกฏจารจร)
- เดินทางโดยรถไฟฟ้า MRT ขึ้นที่สถานีสามยอด
- รถโดยสารประจำทาง รถแท็กซี่


พิกัด : วัดสุทัศนเทพวรารามวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร