The Lost Taste ปี 67 กระทรวงวัฒนธรรม ถนนสายวัฒนธรรม อุบลราชธานี เที่ยวชุมชนยลวิถี ปี67

“พลอย ธนิกุล” สวมผ้าฝ้ายย้อมคราม “ลายนาคน้อย” ลายผ้าอัตลักษณ์เขมราษฎร์ธานี เปิดสุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชนยลวิถี” “ชุมชนเขมราษฎร์ธานี อุบลราชธานี”

จัดโชว์รำตังหวายต้อนรับแขกมาเยือน ชวนช้อปของดีของเด็ด ผ้าฝ้ายย้อมคราม เดินถนนสายวัฒนธรรม บรรยากาศเมืองเก่า 200 ปี แชะภาพถ่ายรูปบ้านเก่าแก่ในอดีต ชิม “ข้าวผัดแจ่วน้ำผัก” ดูหนังกลางแปลง กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน สร้างรายได้ สร้างอาชีพอย่างยั่งยืน วันที่…

Home / PR NEWS / “พลอย ธนิกุล” สวมผ้าฝ้ายย้อมคราม “ลายนาคน้อย” ลายผ้าอัตลักษณ์เขมราษฎร์ธานี เปิดสุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชนยลวิถี” “ชุมชนเขมราษฎร์ธานี อุบลราชธานี”

จัดโชว์รำตังหวายต้อนรับแขกมาเยือน ชวนช้อปของดีของเด็ด ผ้าฝ้ายย้อมคราม เดินถนนสายวัฒนธรรม บรรยากาศเมืองเก่า 200 ปี แชะภาพถ่ายรูปบ้านเก่าแก่ในอดีต ชิม “ข้าวผัดแจ่วน้ำผัก” ดูหนังกลางแปลง กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน สร้างรายได้ สร้างอาชีพอย่างยั่งยืน

วันที่ 22 มีนาคม 2568 นางสาวพลอย ธนิกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานพิธีเปิดชุมชนเขมราษฎร์ธานี 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชนยลวิถี” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมี นายภพ ภูสมปอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นางศศิฑอณร์ สุวรรณมณี หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม นายวชิระ วิเศษชาติ นายกเทศมนตรีตำบลเขมราฐ วัฒนธรรมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หัวหน้าส่วนราชการ เครือข่ายทางวัฒนธรรม ศิลปินท้องถิ่น ชุมชนเขมราษฎร์ธานี และสื่อมวลชน เข้าร่วม ณ ถนนสายวัฒนธรรมเขมราษฎร์ธานี จังหวัดอุบลราชธานี กิจกรรมภายในงาน มีการแสดงศิลปวัฒนธรรม รำตังหวาย รำตุ้มผ่าง การแสดงโชว์ของดีเมืองเขม สาธิตภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม กิจกรรมสัมผัสบรรยากาศถนนสายวัฒนธรรมเขมราษฎร์ธานีมากมาย อาทิ สาธิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม เช่น ผ้าฝ้ายย้อมคราม งานใบตอง การทำของที่ระลึกต่าง ๆ จากผ้าฝ้ายทอมือ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านโพธิ์เมือง การสาธิตสำรับอาหารพื้นถิ่น (ข้าวผัดน้ำผัก น้ำหมากค้อ) การจัดแสดงผลิตภัณฑ์โดดเด่นของชุมชน ได้แก่ ผ้าฝ้ายย้อมคราม กล้วยตากแสงแรก ข้าวเม่าคาราเมล แหนมใบมะยม และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ รวมถึงเยี่ยมชมการสาธิตอาหาร รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste ปี 67 “วุ้นตาลน้ำกะทิ” อีกทั้งยังได้มอบรางวัล กิจกรรมการแข่งขันนักเล่าเรื่องเมืองเขม ณ ลานเยาวชนเขมราฐ อีกด้วย

ในโอกาสการลงพื้นที่ชุมชนครั้งนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคณะ ได้เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวในชุมชน ได้แก่ กราบสักการะพระเจ้าใหญ่องค์แสน พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ไหว้ขอพร พญานาคราช พันต้นมะขาม 300 ปี ศาลเจ้าพ่อพญานาคราช ณ วัดโพธิ์ กราบสักการะพระสิทธิมงคล พระประธาน ชมเหรา (เห-รา) ชมภาพเขียนสีจิตรกรรมฝาผนังแบบอีสาน (ฮูปแต้ม) ณ วัดชัยภูมิการาม (วัดกลาง) ชมการสาธิตการทำผ้าฝ้ายย้อมคราม ตั้งแต่ขั้นตอนการดีดฝ้าย อิ้วฝ้าย การย้อมฝ้าย และการทอฝ้าย และการจัดจำหน่าย ณ ศูนย์เรียนรู้ผ้าฝ้ายย้อมคราม (บ้านป้าติ๋ว)

นางสาวพลอย กล่าวว่า “เขมราษฎร์ธานีเมืองประวัติศาสตร์” เป็นเมืองเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ซึ่งตรงข้ามกับเมืองสองคอน แขวงสะหวันนะเขตของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เดิมคือเมือง “เขมราษฎร์” และได้ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น “เขมราฐ” ในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งมีความหมายเดียวกัน คือ “ดินแดนแห่งความเกษมสุข” (ราษฎร์ = รัฐ, รัฎฐ์ = แว่น แคว้น หรือ ดินแดน ส่วนคำว่า “เขม” หมายถึง ความเกษมสุข) ชุมชนแห่งนี้เป็นชุมชน และยังเป็นชุมชนที่เข้มแข็งที่มีผู้นำชุมชนมีศักยภาพ และด้วยอัตลักษณ์และคุณลักษณะที่โดดเด่นของชุมชนเขมราษฎร์ธานี ประกอบกับวิสัยทัศน์และเจตนาร่วมของคนในชุมชน มีแนวคิดที่จะพัฒนาบ้านเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์และเศรษฐกิจที่เคยคึกคักในอดีต ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ให้คนรุ่นใหม่ ได้สัมผัสบรรยากาศที่อบอุ่นตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่า ก่อเกิดเป็น “ถนนสายวัฒนธรรมเขมราษฎร์ธานี” ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2556 ทุกวันเสาร์ พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวได้สัมผัสวิถีชีวิตอันเรียบง่ายและอบอุ่นท่ามกลางบรรยากาศของอาคารบ้านเรือนย้อนยุค การออกร้านจำหน่ายสินค้าพื้นบ้าน ผ้าทอ สินค้าหัตถกรรมจากชาวบ้าน อาหารพื้นบ้าน ของที่ระลึกต่าง ๆ ภาพอดีตและปัจจุบันของอำเภอเขมราฐ การแสดงทางศิลปวัฒนธรรม เช่น รำตังหวาย รำตุ้มผ่าง และฟ้อนภูไท ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถร่วมกิจกรรมกับคนในชุมชนได้

นางสาวพลอย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ชุมชนเขมราษฎร์ธานี ยังมีมุมถ่ายรูปบ้านเก่าแก่ในอดีต และมีอาหารให้ชิมห้ามพลาด คือ “ข้าวผัดแจ่วน้ำผัก” น้ำผักจากภูมิปัญญาท้องถิ่นโบราณสู่นวัตกรรมอาหารจากโรงแรมสุขสงวน โรงแรมแห่งแรกของอำเภอเขมราฐ รวมทั้งการจัดนิทรรศการภาพเก่าแก่ ของอำเภอเขมราฐ ทั้งนี้ ปัจจุบันถนนสายวัฒนธรรมเขมราษฎร์ธานี ได้รับการพัฒนา ต่อยอดจากทุกภาคส่วน ทั้งส่วนราชการ เอกชน และองค์กรมหาชน โดยได้รับความร่วมมือจากชุมชนอย่างดี เช่น การจัดให้มีการฉายหนังกลางแปลง การจัดกิจกรรมในซอยปลาคาบของ และการเปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้แสดงออก เป็นต้น

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวต่อไปว่า ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 วธ.ได้ดำเนินการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสร้างสรรค์ในชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง คัดเลือกชุมชนต้นแบบระดับจังหวัดที่มีศักยภาพ ยกย่องเชิดชูเกียรติ ทำให้ปัจจุบันมีสุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” รวม 40 ชุมชน ทั่วประเทศ โดยหลังจากการประกาศไปแล้วนั้น ด้านกระทรวงวัฒนธรรมได้มีการต่อยอด สนับสนุนด้วยการสนับสนุนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว พัฒนาศักยภาพคนในชุมชนผ่านการอบรมผู้นำชุมชน นักเล่าเรื่องและมัคคุเทศก์ท้องถิ่น ประชาสัมพันธ์ดึงดูดนักท่องเที่ยว จากทั้งในประเทศและต่างประเทศมาเยี่ยมชมและเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น ตลอดจนจัดทำแพลตฟอร์มแอปพลิเคชัน “เที่ยวเท่ ๆ เสน่ห์เมืองไทย” ให้นักท่องเที่ยวสามารถค้นหาข้อมูลการท่องเที่ยวในแต่ละชุมชนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และมีความแม่นยำ ตามนโยบาย นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม มุ่งขับเคลื่อน Soft Power โดยเฉพาะด้านเฟสติวัล – เทศกาลประเพณีและด้านท่องเที่ยวสนองนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเป้าหมายของ วธ. ดำเนินการส่งเสริมคุณค่าและมูลค่าเทศกาลประเพณีของชาติและเทศกาลอื่นๆ ด้านวัฒนธรรมให้ประเทศไทยเป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้สู่ชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ให้แก่ประเทศไทยในเวทีนานาชาติ โดยมุ่งส่งเสริมเทศกาลประเพณีไทย เพื่อยกระดับสู่ระดับชาติและนานาชาติมาต่อเนื่อง

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เพื่อการนำเสนอเนื้อหาที่ดี รวมถึงการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากคุณใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆนั้น แสดงว่าคุณยอมรับนโยบายคุกกี้และนโยบายส่วนบุคคลของเรา