สรุปสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า 2019
📍 สถานการณ์ในประเทศไทย
- เพิ่ม ผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 33 ราย (แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม)
🔸 กลุ่มแรก : กลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ และสนามมวย สถานที่บันเทิง
- จำนวน 16 ราย
▪️ กลุ่มสนามมวย 7 คน
▪️ กลุ่มสถานบันเทิง 3 คน
▪️ กลุ่มสัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 6 คน
🔸 กลุ่มใหม่ : กลุ่มเดินทางมาจากต่างประเทศ และทำงานใกล้ชิดชาวต่างชาติ
- จำนวน 17 ราย
▪️ กลุ่มผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ 6 คน
▪️ กลุ่มทำงานใกล้ชิดสัมผัสต่างชาติ 6 คน
▪️ การระบาดเป็นกลุ่มก้อน 3 คน
▪️ กลุ่มผู้ร่วมพิธีทางศาสนา ในมาเลเซีย 2 คน
“รอผลทางห้องแล็บ จำนวน 27 ราย”
- เพิ่ม ผู้ป่วยหายกลับบ้าน 1 ราย
- รวมผู้ป่วยหายกลับบ้าน 38 ราย
- รวมผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล 108 ราย
- รวมผู้ป่วยเสียชีวิต 1 ราย
- ผู้ป่วยสะสม 147 ราย
- ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 39 ของโลก
“ย้ำว่า ยังอยู่ระยะที่ 2”
📍 กรณีผู้ที่ไปร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่มาเลย์ 132 ราย
- ตอนนี้ตามตัวมาตรวจแล้ว พบเชื้อ 2 ราย เป็นผู้ทีอยู่ในพื้นที่ภาคใต้
- จาก 2 รายนี้ ยังไม่พบการแพร่เชื้อให้คนอื่น
📍 เลื่อน “การเกณฑ์ทหาร” ออกไปก่อน แต่ไม่ถึงให้ยกเลิกการเกณฑ์ ย้ำว่า (เลื่อนไปก่อน)
📍 เรื่องเทศกาลสงกรานต์
- เดิมให้หยุดยาว วันที่ 11-12-13-14-15 เม.ย.
- ประชาชนเดินทางจำนวนมาก เสี่ยงการแพร่เชื่อกระจาย
“สรุป! งดวันหยุดสงกรานต์ 13-15 เม.ย. และจะไปเลือกชดเชยในช่วงอื่นแทน”
📍 กรณีการสอบต่างๆ
- ให้จัดการป้องกันโรคให้ได้
- นั่งห่างกัน
- มีเจลป้องกัน
- ฯลฯ
- หากทำไม่ได้ควรเลื่อน
“กิจกรรมอื่น เช่น งานบวช, งานแต่ง ควรเลื่อน”
📍 บุรีรัมย์ นำร่องมาตรการป้องกันเข้มข้น
- ตรวจคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้าจังหวัดทั้ง สนามบิน รถไฟ โรงแรม หมู่บ้าน
- เตรียมระบบลงทะเบียนเฝ้าระวังติดตาม 14 วัน
- ยกเลิกกิจกรรมที่คนมากกว่า 50 คนขึ้นไป
- หากยกเลิกไม่ได้ต้องขออนุญาตอำเภอ พร้อมการป้องกัน เจล หน้ากาก ระยะห่างบุคคลมากกว่า1 เมตร จัดช้อนกลางส่วนบุคคล
- เตรียมหอรับผู้ป่วยเพิ่ม
“รักพ่อห่วงแม่ ทำได้ด้วยการไม่เดินทางสงกรานต์ หยุดโควิด-19”
📍 ให้ปิด/หยุดกิจการที่มีคนชุมนุมเยอะๆ โดยมีเกณฑ์ คือ
- มีคนมารวมกันมากๆ
- มีการรวมตัว/ร่วมกันเป็นประจำ
- มีกิจกรรมที่ทำร่วมกัน เช่น ร้องตะโกน เชียร์
- มีการอยู่ใกล้กันเกิน 1 ม.
- มีทางเลือกในการเผยแพร่ในช่องทางอื่น
📍 สถานที่ที่เข้าเกณฑ์ปิด
- สถานศึกษา ทั้งมหาวิทยาลัย, โรงเรียน, วิทยาลัย ฯลฯ
- สถานกวดวิชา
- สนามมวย
- อื่นๆ ที่มีกิจกรรมร่วมกัน ตามเกณฑ์ก่อนหน้านี้
- สนามบอลฯ, โรงหนัง, โรงละคร ขอพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
- ร้านค้า ร้านอาหารยังเปิดได้ แต่ต้องมีมาตรการป้องกันเช่น วัดไข้, มีเจล, มีหน้ากาก
- หน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจ ให้เตรียมแผนการไปทำที่บ้าน ตามเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อลดปริมาณคนชุมนุมกัน
- อนุญาตให้เลื่อนการประชุมผู้ถือหุ้น หรือเลือกการประชุมทางไกลแทน
- หากบริษัทใดต้องมาประชุม ให้วางมาตรการป้องกันให้เข้มงวด
- กระทรวงการคลัง เตรียมเจรจาลดหย่อนผ่อนผัน ค่าเช่าที่ดินของรัฐ ท้องถิ่น ฯลฯ ร่วมถึงการผ่อนผันการชำระหนี้ด้วย
📍 6 มาตราการสำคัญ
- เฝ้าระวัง ติดตาม อย่างเข้มข้น
- เข้าตรวจผู้สัมผัสทุกราย
- ระบบการแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ เตียง สถานที่รักษา พร้อมหมด
- ด้านการสื่อสาร “ศูนย์โควิด-19” เป็นศูนย์หลักมี สธ. เข้ามามีส่วนหนึ่งของศูนย์นี้
- มาตราการทางสังคม “เปลี่ยนความกลัวเป็นความรู้ที่ถูกต้อง ร่วมรับผิดชอบ มีพฤติกรรมที่ดี”
- โรคนี้ป้องกันได้ รักษาได้ มียา
“เราผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ครับ”
📍 *** ระยะ 3 (ก็ต่อเมื่อ) ตอนนี้ยังระยะ 2 อยู่ ***
- คนไทยติดต่อกับคนไทย โดยที่ไม่ทราบต้นทางของเชื้อ
- มีการติดต่อในวงกว้างมาก
- เกิดขึ้นในหลายแห่งพร้อมกัน
📍 กรมการค้าภายใน
- หารือถึงสถานการณ์การจับจ่าย
- ตอนนี้มีสินค้าอุปโภค บริโภค มีเพียงพอ
- ในหลายห้างที่สินค้าหมดเร็วนั้น ให้มีการนำสินค้าขึ้นจัดจำหน่าย/กระจายสินค้าให้เร็วมากขึ้น
📍 ย้ำ ยังต้องไม่กักตุนอาหาร แต่ให้ทำตามคำแนะนำ คือ
- เลี่ยงไปที่คนเยอะ
- ใส่หน้ากากอนามัย
- ล้างมือบ่อยๆ
- บ้านเรายังไม่ถึงสถานการณ์ในระดับนั้น
📍 ด้านสาธารณสุข
- เตรียมสถานพยาบาล/เตียง/โรงพยาบาล ทุกแห่ง เพื่อให้ปรับตัวรองรับสถานการณ์
- เตรียมเจ้าหน้าที่ให้พร้อมอยู่เสมอ
- เตรียมเวชภัณฑ์ ให้พร้อมสำหรับเจ้าหน้าที่ และ ประชาชน
(กรมการค้าภายในให้เร่งดำเนินการจับกุม, นำของกลางมากระจายอย่างถูกต้อง)
📍 ด้านข้อมูลข่าวสาร
- มีเจ้าหน้าที่ คอยดูแลอยู่ ผ่านสายด่วน 1111
- ดูแล/แก้ไข/ประสานงาน
📍 ด้านต่างประเทศ
- ประสานกับประเทศต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบกับยกเลิกวีซ่า ซึ่งหลายประเทศเข้าใจ
- คนไทยในต่างประเทศ จะจัดต้้งทีมไทยแลนด์ ในทุกประเทศ เพื่อประสานงานคนไทยในต่างประเทศ
- มีประสานกับต่างประเทศ ในการนำเวชภัณฑ์ต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือเพิ่มเติม
- เข้มงวดผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ
- ทุกด่านตรวจทางบก น้ำ อากาศ
- ต้องมีใบตรวจโรค
- ใบประกันสุขภาพ
- ยินยอมให้ติดตั้งแอปพลิเคชัน เพื่อติดตามตัว
- ตรวจสอบประวัติการเดินทาง “ก่อนเข้ามาประเทศไทย”
- มาตราการกักกันตัวเอง
📍 กรณีตรวจโรค สำหรับให้ไปโรงพยาบาลตามสิทธิ์ของท่าน
- ป่วยเข้าเกณฑ์ ซึ่งจะไม่มีค่าใช้จ่าย ถ้าพบใครเรียกเก็บ แจ้งสายด่วน 1111
- หากมีประวัติสัมผัส/ประวัติเสี่ยง ก็จะมีการตรวจ ไม่เสียเงิน
- กรณีสุดท้ายไม่มีอาการ ไม่เสี่ยง ตรวจเองเสียเงิน
📍 กรณีที่เสียเงินไปตรวจเองแล้วพบผลเป็น “บวก” ซึ่งเป็นผู้ป่วยยืนยัน (ก็จะเคลมค่าใช้จ่ายตามหลัง)
“ย้ำว่า แม้ว่าการตรวจแล้ว เจอผลบวก ต้องรีเช็คแล็บอีกครั้งหนึ่งเนื่องจากมี false positive อยู่ (ระยะเวลารอรีเช็คราว 24 ชม.)”