อากาศเมืองไทยว่าร้อนแล้ว แต่คงไม่ร้อนแรงเท่ากับอุณหภูมิการเมืองไทยในขณะนี้ เพราะทุกนาทีที่ผ่านไปกลับร้อนระอุ เสมือนรอวันปะทุเดือดก็มิปาน
เห็นได้จากข่าวในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรณีที่อนุกรรมการไต่สวนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติแจ้งข้อกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) 34 คน กรณีจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง เมื่อปี 2548-2553 เป็นเงิน 1,921,061,629.46 บาท โดยไม่มีอำนาจและไม่มีกฎหมายรองรับ
อีกทั้งมีการกำหนดการชดเชยเยียวยาความสูญเสียทางด้านจิตใจ เป็นจำนวน 3,000,000 บาท โดยไม่มีขั้นตอนพิสูจน์ความเสียหายหรือความสูญเสียแต่อย่างใด
ทำให้มีผลกระทบต่องบประมาณในการบริหารราชการแผ่นดินของประเทศเป็นอย่างมากโดย เป็นการนำงบประมาณแผ่นดินไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมือง โดยไม่คำนึงถึงวินัยทางการเงินการคลัง ซึ่งก็เป็นคำพูดของนาย วิชา มหาคุณ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่ได้บอกเหตุผลดังกล่าวนี้ขึ้นมา
จาก กรณีดังกล่าว นายปลอดประสพ สุรัสวดี รักษาการรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย 1 ในครม.น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดรนทนไม่ได้ถึงขนาด ‘ฉุนขาด’ ออกมาตอบโต้ ป.ป.ช. ในวันถัดมาว่า จะไม่ขออยู่ร่วมโลกกับทาง ป.ป.ช.และจะไม่สนใจในคำตัดสินดังกล่าว พร้อมทั้งจะทำการอารยะขัดขืน และจะสู้ต่อไป
ขณะเดียวกัน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ก็ได้ออกมาย้อนถาม ป.ป.ช.ถึงมติที่ออกมา เสมือน 2 มาตรฐานหรืออย่างไร
เพราะเมื่อเทียบกับการกระทำดังกล่าวในสมัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ก็มีการเยียวยากรณีนี้เช่นเดียวกัน ไฉน รัฐบาลยิ่งลักษณ์ถึงถูกชี้มูลว่ามีความผิดได้
นี่คือคำถาม นี่คือข้อข้องใจ ที่เกิดขึ้นกับ พรรคเพื่อไทย
แม้ นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ จะขอให้ทาง น.ส.ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทย น้อมรับคำวินิจฉัย และยุติการออกมากล่าวหาว่า ป.ป.ช.ไม่มีความเป็นธรรม แต่นั่นก็มิใช่คำตอบที่ พรรคเพื่อไทย แสวงหา
คดีนี้จะแพ้ หรือ ชนะ คงต้องพิสูจน์ คงต่อสู้ในเชิงกฏหมายกันต่อไป…ขออย่าเพิ่มเหนื่อยกันเสียก่อน เพราะยังมีอีกหลายคดีที่กำลังรอจ่อฟัน!!
MThai News