พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สั่งฝ่ายความมั่นคงภาคเหนือ ร่วมกันหยุดการไหลเข้ายาเสพติดชายแดนให้ได้ ดูแลประชาชนและเตรียมความพร้อมเมืองเชียงใหม่รับการเป็นเจ้าภาพอาเซียน
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. เปิดเผยว่า เมื่อ 14 ม.ค. 62 : 0900 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม.และ รมว.กห.พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจการปฏิบัติงานของหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ภาคเหนือ โดยรับฟังการบรรยายสรุปการปฏิบัติงานของจังหวัดเชียงใหม่ , กองกำลังผาเมือง และ สถานีตำรวจภูธรเมือง จว.เชียงใหม่ ณ กองกำลังผาเมือง
ภาพรวมสถานการณ์ชายแดนพื้นที่ภาคเหนือโดยรวมอยู่ในสภาวะปกติ ที่สามารถควบคุมได้ ปัญหายาเสพติดในพื้นที่ ยังมีการขยายฐานการผลิต และปรากฏข่าวสารแหล่งพักยาใกล้ชายแดนด้านเมียนม่า 9 แห่ง ด้านลาว 2 แห่ง ลำเลียงโดยกลุ่มชนเผ่าเข้าไทยในพื้นที่ อ.แม่ฟ้าหลวง, อ.แม่สาย และ อ.เวียงแก่น จว.เชียงราย อ.แม่อาย และอ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ ขณะที่การบังคับใช้กฎหมายและจัดระเบียบสังคมยังคงดำเนินการต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ของประชาชนโดยรวม
พล.อ.ประวิตร ได้แสดงความขอบคุณการทำงานของฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ภาคเหนือที่ผ่านมา พร้อมกับย้ำและให้ถือเป็นนโยบายสำคัญ ขอให้หน่วยทหารในพื้นที่และตำรวจ ประสานการทำงานร่วมกับทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความเข้มข้นร่วมกันสกัดกั้นและหยุดยั้งการไหลเข้ามาของยาเสพติดและสารตั้งต้นตามพื้นที่ชายแดนให้ได้ในทุกวิถีทาง
พร้อมทั้งให้ขยายผลทำลายแหล่งพักยาเสพติดในพื้นที่ชั้นใน และเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดพื้นที่เมืองอย่างจริงจัง และให้ลงพื้นที่ช่วยประสานดึงลูกหลานที่ติดยาออกมาสู่กระบวนการบำบัดอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ขอให้คงเข้มมาตรการบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มอิทธิพลที่เอารัดเอาเปรียบประชาชนในทุกรูปแบบไม่มีละเว้น โดยเฉพาะการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานที่เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชนจะเกิดขึ้นในพื้นที่ไม่ได้ พร้อมทั้งขอให้คงความต่อเนื่องในการจัดระเบียบสังคมและความเป็นอยู่ของประชาชนที่เดือดร้อนและมีรายได้น้อยควบคู่กันไป
พร้อมกันนี้ ได้กล่าวชื่นชมถึงวัฒนธรรมล้านนาที่งดงามและความมีจิตใจดีของประชาชนชาวเชียงใหม่และภาคเหนือ โดยขอให้ทุกส่วนราชการประสานการมีส่วนร่วมกับภาคประชาชน ร่วมกันเตรียมพร้อมเปิดเมืองเชียงใหม่เป็นประตูในการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมอาเซียน โดยให้ความสำคัญในการร่วมกันจัดระเบียบบ้านเมือง เตรียมแผนรองรับการจราจร การดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว รวมทั้งการรักษาบรรยากาศความรักความสามัคคี ความเป็นหนึ่งเดียวกันของสังคม ในปีมหามงคลและวาระสำคัญของประเทศในปีนี้