วานนี้(26 มิ.ย.) ถือเป็นวันต่อต้านยาเสพติดโลก ซึ่งในโอกาสนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการเผาทำลายยาเสพติด กว่า 16 ตัน และด้วยข้อมูลในปัจจุบัน ที่พบว่า ปริมาณยาเสพติดนั้นเพิ่มสูงขึ้น ทีมข่าวโมโน 29 จึงขอพาย้อนดูเส้นทางการลำเลียงยาเสพติด ติดตามรายงานจากคุณพิชญาภา สูตะบุตร การเผาทำลายยาเสพติดให้โทษของกลาง ครั้งที่ 49 ที่ศูนย์บริหารสาธารณูปโภคและสิ่งแวดล้อม นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 16,467 กิโลกรัม มูลค่ารวมกว่า 2 หมื่นล้านบาทนี้ ส่วนใหญ่เป็นยาบ้า ยาไอซ์ และเฮโรอีน
รวมถึงยาเสพติดของกลางชนิดอื่น ๆ อีกจำนวนไม่น้อยที่ผ่านการพิพากษาคดีจากศาลชั้นต้นและไม่มีการนำไปเป็นวัตถุพยานอีก โดยทั้งหมดถูกเผาทำลายด้วยวิธีไพโรไลติก อินซิเนอะเรชั่น (Pyrolytic Incineration) ที่อุณหภูมิสูงกว่า 850 องศาเซลเซียส ซึ่งไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยถึงสาเหตุที่ปัจจุบันยาเสพติดเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ก็มีการจับกุมและทำลายยาเสพติดมากขึ้นด้วยเช่นกัน เนื่องจากสารตั้งต้นของยาเสพติดในปัจจุบันมาจากสารเคมี ซึ่งไม่สามารถจำกัดปริมาณได้ สอดคล้องกับที่ทีมข่าว ได้สืบค้นข้อมูลยาเสพติดจากหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตเชียงราย พบว่ายาเสพติดส่วนใหญ่ทะลักเข้ามาในประเทศไทยผ่านทางภาคเหนือ
ซึ่งจังหวัดเชียงรายในบริเวณพื้นที่รอยต่อ 3 ประเทศ คือ ไทย เมียนมา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นพื้นที่ผลิตยา จึงเป็นด่านแรกที่ต้องเจอกับปัญหานี้ แม้ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด และหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง จะสอดส่องดูแลอย่างเต็มกำลัง แต่เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ มีเส้นทางธรรมชาติ ที่สามารถหลบหนีเข้าสู่ประเทศไทย ได้ไม่ยาก ดังนั้น ประเทศไทยจึงถูกใช้เป็นทางผ่านในการลำเลียงและจำหน่าย