หลายคนต้องปรับตัวกับการทำงานในรูปแบบ การทำงานอยู่ที่บ้าน หรือ Work from Home ซึ่งสามารถอยู่ในอิริยาบทได้ตามสบายกว่าการเข้าไปนั่งทำงานในออฟฟิศ เช่น คุณอาจจะนั่งทำงานแบบเลื้อยๆ หรือนอนทำงานอยู่บนเตียงนอน ทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวน้อย ในแต่ละวันเดินเพียงไม่กี่ก้าว ลักษณะแบบนี้เรียกกันว่า Inactivity หรือภาวะขี้เกียจไม่เคลื่อนไหว จะกลายเป็นพฤติกรรมเนือยนิ่ง (Sedentary behavior) โดยจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณได้ดังต่อไปนี้
5 อาการที่อาจจะเกิดจาก ภาวะขี้เกียจไม่เคลื่อนไหว ในการ Work from home
พฤติกรรมเนือยนิ่ง (Sedentary behavior) เป็นการวัดพลังงาน-อัตราการเผาผลาญในร่างกายที่เกิดขึ้นน้อยมาก ซึ่งเรียกว่า ค่า MET (Metabolic Equivalent of task ) คือการใช้พลังงานในการทำกิจกรรมทางกาย (Physical Activity) เปรียบเทียบกับการใช้พลังงานขณะนั่งนิ่งๆ ซึ่งภาวะนี้ เมื่อสะสมนานจะทำให้ร่างกายทุกระบบย่ำแย่ เนื่องจากร่างกายต้องการการเคลื่อนไหว การขยับ ทำให้กล้ามเนื้อได้ทำงาน เพื่อให้เกิดการไหลเวียน และเป็นการกระตุ้นทุกระบบ ทั้งเลือด น้ำเหลือง ระบบเส้นประสาท และการทำงานของอวัยวะภายในให้เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ….. ถ้าค่านี้น้อยกว่า 1.5 MET ก็คือพฤติกรรมเนือยนิ่งนั่นเองค่ะ ซึ่งถ้าใครที่Work from Home มาสักพักใหญ่แล้ว อาจเกิดผลเสียต่อร่างกายถ้าคุณไม่หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ มาดูกันค่ะว่า ชาวออฟฟิศทั้งหลาย จะมีอาการหรือโรคอะไรบ้างที่อาจเกิดขึ้นจากการ WFH บ้าง
1. เยื่อหุ้มกล้ามเนื้อคออักเสบเรื้อรัง (Myofascial Pain Syndrome)
เป็นกลุ่มอาการที่พบได้บ่อย จากการอยู่ในท่าก้มคอมากกว่าปกติ เช่น ท่านั่ง ทำงานนานๆ หลังค่อม ไหล่ห่อ คองุ้ม จะทำให้กล้ามเนื้อตรงก้านคอ หรือตรงฐานกระโหลกศีรษะเกร็งตัวมาก และเรื้อรัง จนทำให้มักมีอาการปวดร้าว เข้ากระบอกตา ปวดร้าวขึ้นหัว มึนๆหัว บางเคสอาการคล้ายๆ ไมเกรน แต่ตึงๆ มึนทั้งหัวไม่สดชื่น
2. ปวดหลัง/กล้ามเนื้ออักเสบ (Low Back Pain/Muscle Strain)
เมื่อนั่งนาน และนั่งในท่าที่ผิด เสมือนกล้ามเนื้อทำงานมากขึ้นหลายเท่า เป็นธรรมดาที่จะต้องมีอาการปวดเกร็งขึ้นมา และยิ่งนั่งแบบเดิมๆ ต่อเนื่องกันหลายวันยิ่งเพิ่มความเรื้อรัง ปวดหลังจากกล้ามเนื้ออักเสบธรรมดาก็อาจเป็นเหตุให้เกิดโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อน (Herniated Nucleus Pulposus) ได้ด้วย เพราะเวลานั่ง คงนั่งหลังค่อม มีโอกาสให้หมอนรองกระดูกเคลื่อนได้ง่าย
3. ท้องอืดท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย (Indigestion หรือ Dyspepsia)
โรคนี้คุณอาจไม่คิดว่าจะเกิดจาก WFH ซึ่งเมื่อทำงานที่บ้าน ทำให้เราทำตัวตามสบาย อาจรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา รับประทานเสร็จแล้วก็นั่งทำงานเลย โดยไม่ได้ขยับตัว ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ ทำให้การหลั่งน้ำย่อย และการบีบตัวของกระเพาะอาหารลดลง ประสิทธิภาพการย่อยลดลง เกิดลมคั่งในช่อง
ท้อง ทำให้ท้องอืด อาหารไม่ย่อยได้
4. ท้องผูก (Constipation)
โดยปกติลำไส้คนเราจะบีบตัวได้ดี เมื่อร่างกายเรามีการเคลื่อนไหว มีการขยับเขยื้อน WFH ทำให้เราเคลื่อนไหวน้อย การทำงาน หรือการบีบตัวของลำไส้ลดลง หรือบางเคสอาจไม่เคลื่อนเลย ผลจากการไม่เคลื่อนไหวร่างกาย และไขมันที่พอกพูนมากขึ้นในช่องท้อง สาเหตุดังกล่าวทำให้ลำไส้บีบตัวน้อยลง กากใยอาหารคั่งค้างนิ่งๆ ในลำไส้ จนกลายเป็นท้องผูกได้
5. โรคอ้วน (Obesity)
หลายท่านเจอปัญหานี้โดยเลี่ยงไม่ได้เลย ช่วง 2-3 เดือนจาก WFH ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว การไม่เคลื่อนไหว กินๆ นอนๆ อยู่กับบ้าน เดินกันไม่กี่ก้าว มีผลทำให้อัตราการเผาผลาญของร่างกายลดลง บวกกับการนั่งๆ นอนๆนี้ ใช้พลังงานน้อยมาก จึงทำให้อาหารที่รับประทานเข้าไปถูกดึงไปพอกพูนในรูปแบบของไขมัน จนกลายเป็นโรคอ้วน ซึ่งโรคนี้เป็นเหตุให้เป็นโรคร้ายๆ อื่นตามมามากมายเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นโรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันสูง รุนแรงเข้าก็อาจเป็นเหตุให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันในสมอง หรือเป็นสาเหตุของหัวใจวายได้
อย่าลืม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงนะคะทุกคน
ขอบคุณข้อมูลจาก : คุณเพ็ญพิชชากร แสนคำ นักกายภาพบำบัดจาก คลินิกกายภาพบำบัดอริยะ ชั้น 1 ไลฟ์เซ็นเตอร์ (คิวเฮ้าส์ ลุมพินี)