โรคไขมันพอกตับ หรือ ไขมันเกาะตับ เป็นโรคที่เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือเป็นโรคที่เกี่ยวกับการใช้พลังงานของร่างกาย เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง หรือ ไวรัสตับอักเสบซี ดังนั้นการดูแลสุขภาพก็จะช่วยป้องกันโรคนี้ได้
1.การลดน้ำหนัก
หากมีน้ำหนักตัวมากเกินไป ควรลดน้ำหนักให้อยู่ในระดับปลอดภัย คือ 0.25-0.5 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ ที่สำคัญควรรับประทานอาหารทุกมื้อ ไม่ควรงดมื้อใดมื้อหนึ่ง และควรรับประทานมื้อเย็นให้น้อยลง
2. ควบคุมปริมาณอาหาร
ควรหันมารับประทานเนื้อที่ไม่ติดมันมากขึ้น เช่น เนื้อปลา อกไก่ และอาหารที่มีไขมันดี เช่น น้ำมันมะกอก อะโวคาโด โอเมก้า3 อีกทั้งควรงดเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลม น้ำหวาน นมเปรี้ยว น้ำผลไม้แบบกล่อง
3. เลี่ยงรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง
ควรงดอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว เช่น นม เนย ไอศกรีม เค้ก ชีส กะทิ อาหารทะเล ไข่แดง เพราะเป็นอาหารที่มีไขมันสูงจะสะสมกลายเป็นไขมันไตรกลีเซอไรด์ได้ และควรงดอาหารจำพวกกะทิเพราะมีไขมันอิ่มตัวสูงมาก เช่น บัวลอยไข่หวาน กล้วยบวชชี แกงบวชฟักทอง ลอดช่องน้ำกะทิ
4. ออกกำลังกาย
ควรออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อย วันละ 30 นาที ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอและการเต้นแอโรบิกซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง
5.ควรรับประทานอาหารไขมันต่ำ กากใยสูง
ควรรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ กากใยสูง ซึ่งผักบางชนิดสามารถช่วยกำจัดพิษออกจากตับ เช่น มะระ ลูกเดือย บร็อคโคลี่ กะหล่ำปลี กระเทียม หัวหอม มะขามป้อม และควรเน้นการรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น เมล็ดดอกทานตะวัน เมล็ด ฟักทอง งา
6.สมุนไพรบำรุงตับ
สมุนไพรบางชนิดมีสรรพคุณช่วยบำรุงตับ ป้องกันไขมันพอกตับ และช่วยขับสารพิษออกจากตับอย่างธรรมชาติจึงทำให้ตับทำงานได้ดีขึ้น เช่น มิลค์ ทิสเซิล (Milk thistle), เก๋ากี้, ขมิ้นชัน และกระเทียม