ผู้สูงอายุ วิตามิน

5 วิตามินสำหรับผู้สูงอายุ อายุ 50 ขึ้นไป ควรกินวิตามินอะไร??

เมื่ออายุมากขึ้นผู้สูงอายุมักมีปัญหาเรื่องการทานอาหารได้น้อยลงจึงทำให้ได้รับสารอาหารที่ไม่ครบถ้วน หากขาดวิตามินเหล่านี้มากๆก็จะส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคกระดูกพรุน โลหิตจาง โรคหลอดเลือดสมอง โรคอัลไซเมอร์และโรคสมองเสื่อม ดังนั้นผู้สูงอายุจึงควรทานอาหารดังต่อไปนี้เพื่อเสริมวิตามินต่างๆให้ครบถ้วน และนี่คือ วิตามินสำหรับผู้สูงอายุ ที่ควรรับประทานอย่าให้ร่างกายขาด วิตามินบี 12 เมื่ออายุมากขึ้นระบบย่อยอาหารจะเริ่มเสื่อมถอยลงทำให้มีการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารน้อยลงจึงทำให้การได้รับปริมาณวิตามินบี 12…

Home / HEALTH / 5 วิตามินสำหรับผู้สูงอายุ อายุ 50 ขึ้นไป ควรกินวิตามินอะไร??

เมื่ออายุมากขึ้นผู้สูงอายุมักมีปัญหาเรื่องการทานอาหารได้น้อยลงจึงทำให้ได้รับสารอาหารที่ไม่ครบถ้วน หากขาดวิตามินเหล่านี้มากๆก็จะส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคกระดูกพรุน โลหิตจาง โรคหลอดเลือดสมอง โรคอัลไซเมอร์และโรคสมองเสื่อม ดังนั้นผู้สูงอายุจึงควรทานอาหารดังต่อไปนี้เพื่อเสริมวิตามินต่างๆให้ครบถ้วน และนี่คือ วิตามินสำหรับผู้สูงอายุ ที่ควรรับประทานอย่าให้ร่างกายขาด

วิตามินบี 12

เมื่ออายุมากขึ้นระบบย่อยอาหารจะเริ่มเสื่อมถอยลงทำให้มีการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารน้อยลงจึงทำให้การได้รับปริมาณวิตามินบี 12 น้อยลงไปด้วย ซึ่งวิตามินบี 12 มีความสำคัญต่อระบบเลือด การสร้างเม็ดเลือดแดง ระบบประสาทและสมองจึงช่วยให้ความจำดี อีกทั้งยังช่วยป้องกันอาการปลายมือปลายเท้า ควบคุมกล้ามเนื้อที่ใช้ในการทรงตัว หากร่างกายขาดวิตามินบี 12 ก็จะส่งผลให้เกิดภาวะโลหิตจางและมีความเสี่ยงต่อภาวะความจำเสื่อม

วิตามินดี

เมื่ออายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไปก็จะมีความเสี่ยงที่จะขาดวิตามินดีมากขึ้น ซึ่งวิตามินดีมีความสำคัญต่อกระดูกและยังช่วยดูดซึมแคลเซียมจากทางเดินอาหาร จึงช่วยให้กระดูกแข็งแรงและป้องกันโรคกระดูกพรุน ทั้งยังช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด หากขาดวิตามินดีก็ทำให้เกิดโรคกระดูกพรุนหรือโรคกระดูกอ่อน โดยเฉพาะผู้หญิงเมื่ออายุมากขึ้น หากหกล้มก็อาจจะทำให้กระดูกแตกร้าวได้ง่าย วิตามินดีจะพบมากใน น้ำมันตับปลา นม ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาทู ปลาซาร์ดีน การรับแสงแดดอ่อนๆ ช่วงเช้าวันละครึ่งชั่วโมง 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็จะทำให้ได้รับวิตามินดีเช่นเดียวกัน

แคลเซียม

เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นร่างกายจะเริ่มทำลายมวลกระดูกมากกว่าการเสริมสร้าง จึงส่งผลให้กระดูกเปราะบาง แตกหักได้ง่าย ก่อนเข้าวัยทองจึงควรเสริมแคลเซียมเพื่อสร้างมวลกระดูกให้มีความหนาแน่น ซึ่งในวัยทองช่วงอายุ 50 ปี ควรได้รับปริมาณแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน ส่วนผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี ควรได้รับแคลเซียม 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน แคลเซียมจะพบมากในนม ถั่วเหลือง งาดำ กุ้งแห้ง กุ้งฝอย ปลาเล็กปลาน้อย

กรดโฟลิก

หากได้รับโฟเลตต่ำก็จะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ผู้สูงอายุจึงควรได้รับโฟเลตวันละ 400 ไมโครกรัม เพื่อช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดแข็ง ดังนั้นควรรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยโฟเลตสูงซึ่งพบมากในผักใบเขียว เช่น ปวยเล้ง คะน้า ผักบุ้ง ฟักทอง อะโวคาโด ส้ม สับปะรด ฝรั่ง ข้าวกล้อง

ธาตุเหล็ก

ธาตุเหล็กเป็น วิตามินสำหรับผู้สูงอายุ ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดงซึ่งจะช่วยป้องกันภาวะซีดหรือภาวะโลหิตจาง อาการเหนื่อยง่าย ถ้าหากมีอายุ 50 ปีขึ้นไปควรรับธาตุเหล็กให้ได้วันละ 10 มิลลิกรัม อาหารที่มีธาตุเหล็กสูงจะพบมากใน ปลา สันในหมู เนื้อวัว ตับ กะหล่ำปลี ถั่วเขียว ถั่วแดง งาดำ คะน้า ตำลึง ผักโขม ผักบุ้ง หน่อไม้ฝรั่ง ถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ

เรียบเรียงโดย Health Mthai Team