โดยปกติแล้วการต้มผักจะทำให้สูญเสียคุณประโยชน์แต่สำหรับ ข้าวโพดหวาน เมื่อยิ่งต้มเป็นเวลานานๆ สารต้านอนุมูลอิสระจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น ในข้าวโพดหวานมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า กรดเฟอรูลิก (Felrulic Acid) ช่วยป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง โรคหัวใจ ช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมีประสิทธิภาพ รวมถึงยังช่วยปกป้องผิวหนังจากรังสีอัลตราไวโอเลตจึงช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนังอีกด้วย
ได้มีการทดลองต้มข้าวโพดหวานที่ 115 องศาเซลเซียส ในเวลานานต่างกัน 10 นาที, 25 นาที และ 50 นาที
- ถ้าต้มเป็นเวลา 10 นาที ปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระจะเพิ่มขึ้นจากข้าวโพดหวานดิบ 21 % และปริมาณของกรดเฟอรูลิกเพิ่มขึ้น 240 %
- ถ้าต้มนาน 25 นาที ปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น 44 % และปริมาณของกรดเฟอรูลิกเพิ่มขึ้น 550 %
- ถ้าต้มนาน 50 นาที ปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นถึง 53 % และปริมาณของกรดเฟอรูลิกเพิ่มขึ้นถึง 900 %
ข้าวโพดเป็นแหล่งที่ดีของสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างสารประกอบฟีนอลิก สารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ เบต้าแคโรทีน ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ทั้งมะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม และมะเร็งมดลูก ข้าวโพดยังอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่าง ลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ซึ่งช่วยชะลอปัญหาจอประสาทตาเสื่อม โรคต้อกระจก เมื่อรับประทานข้าวโพดหวานเป็นประจำจะช่วยป้องกันลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจและช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง
อ้างอิงจาก http://news.cornell.edu/