หัวหอมใหญ่ มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เพียงแค่คุณรับประทานหัวหอมใหญ่เป็นประจำก็จะช่วยต้านทานโรคได้มากมาย เพราะหัวหอมใหญ่มีสารต้านอนุมูลอิสระอย่าง วิตามินบี วิตามินซี ไฟเบอร์ ซัลเฟอร์ โพแทสเซียม เหล็ก แมงกานีส และแคลเซียม และนี่คือ ประโยชน์ของหัวหอมใหญ่ ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน!!
6 ประโยชน์ของหัวหอมใหญ่
ลดคอเลสเตอรอล
หัวหอมใหญ่มีสรรพคุณช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด กำจัดคอเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยในฮ่องกง พบว่าหัวหอมใหญ่สามารถลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีได้ การบริโภคหัวหอมดิบทุกวันจะช่วยเพิ่มระดับของคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL) เพิ่มขึ้นถึง 30% จึงช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอล
บรรเทาความปวดจากการถูกผึ้งต่อย
เพียงแค่สับหัวหอมละเอียดแล้วพอกไว้บริเวณที่ถูกผึ้งต่อยก็จะช่วยบรรเทาได้ในทันที ดังนั้นหัวหอมใหญ่ผักที่หาได้ง่ายๆจากในครัวจึงเป็นตัวช่วยที่ยอดเยี่ยม!
ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น
หัวหอมใหญ่มีสรรพคุณช่วยลดเสมหะได้ดี บรรเทาอาการไอ ได้มีการใช้หัวหอมอย่างแพร่มานานเพื่อใช้ในการรักษาโรคหลอดลมอักเสบ, อาการไอ, การติดเชื้อ เพียงรับประทานหัวหอมใหญ่ก็จะช่วยต่อสู้กับความหนาวเย็นได้
ลดน้ำตาลในเลือด
วิธีที่ดีที่สุดในการลดระดับกลูโคสตามธรรมชาติก็คือการรับประทานหัวหอมวันละ 1 ครั้ง น้ำมันในหัวหอมช่วยปรับสมดุลระดับน้ำตาลในเลือดในร่างกาย
ช่วยในการล้างพิษในร่างกาย
การล้างสารพิษในร่างกายเป็นสิ่งที่ดี หัวหอมมีกรดอะมิโนที่ช่วยในการชำระล้างสารพิษที่เป็นอันตรายให้ออกไปจากร่างกายจึงทำให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น อีกวิธีหนึ่งคือการใส่หัวหอมใหญ่ไว้ในถุงเท้าก่อนนอน จะช่วยล้างพิษในร่างกายและจะช่วยฆ่าเชื้อโรคทำให้สุขภาพดีขึ้น
รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้า
สาวๆบางคนอาจมีปัญหาใบหน้ามีฝ้าและกระ เพียงนำหัวหอมใหญ่สับให้ละเอียดแล้วคั้นจนได้น้ำหัวหอมใหญ่ จากนั้นใช้สำลีชุบแล้วนำมาทาบนใบหน้าบริเวณที่มีฝ้ากระ ก็จะช่วยปรับผิวหน้าทำให้ฝ้ากระค่อยๆจางลง
คุณค่าทางโภชนาการของ หัวหอมใหญ่ ต่อ 100 กรัม
พลังงาน 40 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 9.34 กรัม
เส้นใย 1.7 กรัม
โปรตีน 1.10 กรัม
วิตามินบี 1 0.046 มิลลิกรัม
วิตามินบี 2 0.027 มิลลิกรัม
วิตามินบี 3 0.116 มิลลิกรัม
วิตามินบี 5 0.123 มิลลิกรัม
วิตามินบี 6 0.120 มิลลิกรัม
วิตามินซี 7.4 มิลลิกรัม
แคลเซียม 23 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 0.21 มิลลิกรัม
แมกนีเซียม 10 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 29 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 146 มิลลิกรัม
สังกะสี 0.039 มิลลิกรัม
อ้างอิงจาก USDA Nutrient database