การนอนหลับจะเป็นวงจรวนไปตลอดทั้งคืน 1 วงจรจะใช้เวลาประมาณ 90 นาที ซึ่งจะแบ่งเป็นระยะต่างๆ เรามาดูเลยว่าระหว่างการนอนหลับเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเราบ้าง และนี่คือ วงจรการนอนหลับ
1.NON REM (NON Rapid Eye Monement) เมื่อเราเริ่มต้นหลับเราจะเข้าสู่การนอนหลับช่วง NREM ซึ่งประกอบด้วยกันทั้งหมด 4 ระยะ
stage 1
- เป็นช่วงที่เปลี่ยนจากการตื่นเข้าสู่การนอนหลับ
- เป็นช่วงหลับตื้น
stage 2
- เป็นช่วงเริ่มต้นหลับ
- ร่างกายจะเริ่มไม่รับรู้สภาพแวดล้อมรอบตัว
- อัตราการหายใจและหัวใจเป็นปกติ
- อุณหภูมิของร่างกายลดลง ดังนั้นการนอนในห้องเย็นๆก็จะยิ่งดี
stage 3-4
เป็นช่วงที่ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมน หรือ ฮอร์โมนเพื่อการเจริญเติบโต (Growth Hormone) เพื่อฟื้นฟูร่างกาย ถ้าถูกปลุกในช่วงเวลานี้จะรู้สึกงัวเงีย ช่วงนี้ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
- เป็นช่วงของการหลับลึกมากที่สุด
- ความดันโลหิตจะลดลง
- หายใจช้าลง อัตราการเต้นของหัวใจลดลง
- กล้ามเนื้อผ่อนคลาย
- เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น
- ร่างกายจะเสริมสร้างและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
- ร่างกายได้รับการฟื้นฟูพลังงาน
- ฮอร์โมนต่างๆจะถูกปล่อยออกมา เช่น โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการการเจริญเติบโต รวมถึงการพัฒนากล้ามเนื้อ
2. REM (Rapid Eye Monement) เกิดขึ้นหลังจากการนอนหลับประมาณ 90 นาที ช่วงเวลานี้อาจจะเกิดความฝันขึ้นได้ จะใช้เวลาประมาณเพียง 10 นาที
- เสริมสร้างพลังงานแก่ร่างกายและสมอง
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในเวลากลางวัน
- สมองจะทำงานและเกิดความฝันขึ้นได้
- มีการกรอกลูกตาไปมา
- ร่างกายไม่สามารถเคลื่อนไหวได้และกล้ามเนื้อต่างๆ หยุดทำงาน
การนอนหลับช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตและยังมีส่วนช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง อีกทั้งยังช่วยปรับสมดุลความอยากอาหารโดยช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนความอยากอาหาร ที่ชื่อว่า เลปติน (Leptin) และ เกรลิน (Ghrelin) ซึ่งมีบทบาทในความรู้สึกหิวและอิ่ม ดังนั้นเมื่อเราอดนอนเราอาจรู้สึกว่าร่างกายต้องการทานอาหารมากขึ้นจึงทำให้เราน้ำหนักขึ้นนั่นเอง
ที่มาจาก https://www.sleepfoundation.org/