อ.นพ.มงคล สมพรรัตนพันธ์ อาจารย์ประจำวิชาอายุรศาสตร์ สาขาวิชาโรคภูมิแพ้และอิมมูโนวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล มาให้ความรู้เกี่ยวกับภูมิแพ้และอันตรายของฝุ่น ที่ถึงแม้เราจะไม่ได้ออกไปข้างนอกร่างกายก็ยัง มีโอกาสได้รับมลพิษทางอากาศ มาแนะนำเคล็ดลับวิธีดูแลตัวเอง ในช่วงที่ภาวะฝุ่นเกินค่ามาตรฐานเสี่ยงต่อการเกิด โรคภูมิแพ้อากาศ กำเริบมาฝากกันค่ะ
ภูมิแพ้คืออะไร?
ภูมิแพ้ คือ ปฏิกิริยาความคุ้มกันที่ไวเกินของระบบภูมิคุ้มกัน ต่อสารที่เรามักจะเจอในธรรมชาติ เกิดขึ้นได้ทั้งจากสภาพแวดล้อม และพันธุกรรม คุณหมออธิบายว่า โรคภูมิแพ้เป็นเพียงแค่คำรวมเท่านั้น จริงๆ คำนี้มีหลายโรคในการใช้คำย่อย เช่น จมูกอักเสบภูมิแพ้, โรคภูมิแพ้อาหาร, โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ เป็นต้น ซึ่งอัตราการเพิ่มขึ้นของผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้มากขึ้น ถึง 4 เท่า ภายในระยะเวลา 10 ปี และโรคที่คนไทยเป็นมากที่สุดก็คือ โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้
โรคภูมิแพ้อากาศ หรือ โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ คืออะไร?
โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ หรือที่เรามักจะเรียกกันว่าแพ้อากาศ คือ การอักเสบของเยื่อบุโพรงจมูก ซึ่งมีสารเป็นตัวกระตุ้นที่เจอได้บ่อยในอากาศ มักจะเจอได้บ่อยในวัยรุ่นไปจนถึงผู้ใหญ่ตอนต้นกันเลยทีเดียว ยกตัวอย่าง ถ้าเราเป็นโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้แต่ไม่ค่อยดูแลตัวเอง ซึ่งก็อาจจะมีการแพ้สารอื่นเพิ่มเติม ทำให้มีผลต่อคุณภาพชีวิตเวลาเราทำงาน
อาการทั่วไปของโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้มีอะไรบ้าง?
1.มีน้ำมูกไหลเป็นน้ำมูกใสๆ
2.จามติดต่อกันหลายครั้ง
3.มีอาการคัดจมูก
คุณหมอมงคล ยังได้อธิบายถึง สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ ว่า “การใช้ชีวิตประจำวันของเราล้วนเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดสารภูมิแพ้ จึงทำให้เราเป็นโรคภูมิแพ้อากาศได้ เพราะอากาศได้รับสารเจือปนจากก๊าซพิษต่างๆ ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นพื้นที่นอกบ้านเท่านั้น ถึงแม้จะอยู่ภายในอาคาร ร่างกายของเราก็ได้รับมลพิษทางอากาศได้จากการหายใจ”
ซึ่งฝุ่น PM2.5 ก็เกิดจาก ควันพิษ ที่มาจากการจราจรคมนาคม การเผาไหม้ ฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาแหล่งปลูกสร้างต่างๆ เช่น สร้างอาคาร, ระบบการขนส่ง ทั้งรถโดยสารสาธารณะ รถยนต์ส่วนบุคคล ควันบุหรี่ แม้กระทั่งการอยู่รวมกันในพื้นที่แออัดไปด้วยผู้คน
นอกจากนี้ ที่อยู่อาศัย หรือ สำนักงาน หรือ ห้องประชุมขนาดเล็ก หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วพื้นที่เหล่านี้ก็เป็น แหล่งที่ทำให้เกิดสารก่อภูมิแพ้ ได้เหมือนกัน สาเหตุเนื่องมาจาก
1. ไรฝุ่นบ้าน ตามแหล่งที่นอน, ปลอกหมอน, ผ้าม่าน ซึ่งไรฝุ่นสามารถอยู่ได้ทุกที่ที่มีฝุ่น ไม่จำเป็นว่าจะต้องอยู่แค่เฉพาะตามที่นอนเท่านั้น
2. มลพิษที่มาจากการหุงต้มต่างๆ, เครื่องปริ้นเอกสาร / เครื่องถ่ายเอกสาร จากการที่ปล่อยละอองหมึก
3. ขนสัตว์เลี้ยง สิ่งที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดกันก็คือ เป็นภูมิแพ้มาจากขนสัตว์ แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่ทำให้คนแพ้ ก็คือโปรตีนที่มาจากขนสัตว์เลี้ยง อย่างเช่นโปรตีนจากขนแมว, โปรตีนจากขนสุนัข
ส่วนวิธีดูแลตัวเองง่ายๆ ก็คือ
1. หลีกเลี่ยงที่จะเผชิญต้นเหตุของโรคภูมิแพ้ หรือ การสวมใส่หน้ากากเมื่อออกไปตามท้องถนน ควรจะเป็นหน้ากาก N95
2. การดูแลสุขภาพร่างกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกาย
3. หมั่นทำความสะอาดเพื่อลดฝุ่น มลพิษภายในบ้าน การใช้เครื่องฟอกอากาศก็มีส่วนช่วยลดได้ในระดับนึง แต่จะต้องเลือกใช้เครื่องที่เหมาะสม การทำงานของเครื่องฟอกอากาศจะต้องมากพอเมื่อเทียบกับขนาดห้อง
4. การติดตามข่าวมลพิษ ติดตามรักษาโรคภูมิแพ้กับแพทย์อย่างต่อเนื่อง ช่วงที่มลพิษสูง การใช้เครื่องฟอกอากาศ ช่วยลดมลพิษทางอากาศได้
ไม่ยากเลยใช่มั้ยล่ะคะ เพียงเท่านี้เราก็สามารถรับมือกับมลพิษต่างๆ ได้ โดยที่ไม่กระทบการใช้ชีวิตประจำวันและส่งผลให้ร่างกายของเราแย่ลง เพราะได้รับผลกระทบจากฝุ่นที่มากจนเกินไป
ข้อมูลจาก ible Airvida เครื่องฟอกอากาศเเบบพกพาชนิดไอออน ซึ่งทำหน้าที่เหมือนม่านไอออนคอยดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กที่อยู่ในอากาศ ให้มีน้ำหนักมากขึ้นก่อนที่จะตกลงพื้น ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ได้รับรองมาตรฐานจากทั่วโลกทั้งยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา