คนไทยป่วยเป็นโรคหัวใจมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการป้องกันโรคหัวใจสามารถทำได้ง่ายๆโดยการออกกำลังกาย พยายามควบคุมอาหารไม่ให้น้ำหนักเกินเกณฑ์ ซึ่งอาหารบางชนิดสามารถป้องกันโรคหัวใจได้ และนี่คือ 10 อาหารป้องกันโรคหัวใจ ที่คุณควรรับประทานเพื่อดูแลสุขภาพหัวใจ
บีทรูท
บีทรูทเป็นพืชที่อยู่ใต้ดิน เนื้อบีทรูทมีสีแดง มีโพแทสเซียมสูงจึงสามารถช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจ ลดความเสี่ยงในการเกิดความดันโลหิตและโรคหัวใจ
บร็อคโคลี่
มีโพแทสเซียมสูงซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยในการทำงานของหัวใจ กล้ามเนื้อ ช่วยในการควบคุมความดันโลหิต ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ
พริกหวาน
การรับประทานพริกหวานเป็นประจำจะช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้เส้นเลือดอุดตันน้อยลง และยังทำให้เลือดสามารถไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้ดีขึ้นด้วย ทั้งยังป้องกันโรคหัวใจ
อัลมอนด์
อัลมอนด์สามารถช่วยลดโอกาสเสี่ยงของโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดหัวใจ เพียงรับประทานอัลมอนด์เป็นประจำจะช่วยลดการเกิดโรคหัวใจวายได้ถึง 50%
ข้าวโอ๊ต
ข้าวโอ๊ตเป็นธัญพืชที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีต่อร่างกายและช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดและโรคหลอดเลือดแดงแข็ง
ถั่ววอลนัท
ถั่ววอลนัทมีไขมันชนิดไม่อิ่มตัวซึ่งช่วยลดคอเลสเตอรอลและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ อีกทั้งยังเป็นแหล่งของโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 มีส่วนช่วยลดไขมันไตรกรีเซอไรด์ ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดอุดตันและป้องกันโรคหัวใจ
ข้าวกล้อง
เป็นข้าวที่มีประโยชน์มากกว่าข้าวขาวถึง 3 เท่า เพราะผ่านแค่กระบวนการกระเทาะเปลือกข้าวจึงยังคงคุณค่าทางโภชนาการไว้มากมาย ข้าวกล้องสามารถช่วยป้องกันความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจอุดตัน
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่มีไฟโตนิวเทรียนท์ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยป้องกันการเกิดไขมันอุดตันในหลอดเลือดหัวใจ อีกทั้งยังทำให้อนุมูลอิสระลดน้อยลง ป้องกันโรคมะเร็ง และโรคหัวใจได้อีกด้วย
ปลาแซลมอน
เป็นปลาที่มีโอเมก้า 3 สูง มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดอุดตัน ป้องกันโรคหัวใจ บำรุงระบบประสาท บำรุงสมองจึงช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อมในผู้สูงอายุได้อีกด้วย
น้ำมันมะกอก
น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์นั้นดีต่อสุขภาพ เพราะอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งจะช่วยบำรุงสมองและป้องกันโรคหัวใจ นอกจากนี้น้ำมันมะกอกยังมีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมากซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และป้องกันโรคมะเร็ง