อาการป่วยเรื้อรังอย่างกรดไหลย้อนและอาการปวดหลังอาจเกิดจากการนอนที่ผิดท่า และนี่คือเหตุผลที่เราควรเปลี่ยนพฤติกรรมการนอน ใครที่ชอบ นอนตะแคงขวา หรือ นอนคว่ำหน้า เป็นประจำถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนท่านอนแล้วล่ะ
1. ทำให้เป็นโรคกรดไหลย้อน
การนอนตะแคงขวาอาจทำให้เกิดปัญหาต่อร่างกายเพราะจะทำให้เป็นกรดไหลย้อน กระเพาะอาหารของคนเราจะอยู่เหนือหลอดอาหารทำให้หูรูดหลอดอาหารเปิดออกได้ จึงเกิดอาการแสบร้อนกลางอก จนนำไปสู่โรคกรดไหลย้อน
2. ส่งผลเสียต่อกระดูกสันหลังและหลัง
การนอนตะแคงส่งผลต่ออาการปวดหลังเรื้อรัง เพราะกระดูกสันหลังไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่เป็นธรรมชาติจึงทำให้รู้สึกปวดเมื่อยมากขึ้น ดังนั้นจึงควรใช้หมอนมาหนุนระหว่างขาเพื่อให้กระดูกสันหลังและสะโพกอยู่ในแนวระนาบเดียวกัน ก็จะทำให้ไม่เกิดการคดงอของกระดูกสันหลังและบรรเทาอาการปวดหลังได้
3. ปวดคอเรื้อรัง
การนอนตะแคงอาจทำให้เกิดปัญหาปวดคอเรื้อรัง เนื่องจากศีรษะและกระดูกสันหลังของคุณไม่อยู่ในแนวระนาบเดียวกัน พฤติกรรมการนอนที่ไม่ดีแล้วยังทำอย่างต่อเนื่องจึงนำไปสู่อาการปวดคอเรื้อรังนั่นเอง
4. สร้างแรงกดทับให้กับทารกมากขึ้น
ใครที่กำลังจะเป็นคุณแม่คุณควรระมัดระวังเป็นพิเศษกับพฤติกรรมการนอนหลับของคุณ เพราะอาจส่งผลต่อลูกน้อยได้ น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นในช่วงบริเวณลำตัวของร่างกายส่งผลให้เกิดแรงกดดันต่อกระดูกสันหลังมากเกินไป แพทย์จึงแนะนำให้คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ควรนอนตะแคงซ้ายเนื่องจากตำแหน่งนี้จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดและทำให้ระดับออกซิเจนเพิ่มมากขึ้นจึงดีต่อทั้งแม่และเด็ก
5. เกิดริ้วรอยบนใบหน้า
การนอนตะแคงข้างส่งผลให้ผิวหน้าของคุณเกิดริ้วรอยก่อนวัย ทางที่ดีที่สุดจึงควรนอนหงายก็จะช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยได้ เพราะใบหน้าของคุณไม่ได้ถูกกดทับไปบนหมอน
6. เพิ่มแรงกดทับที่เต้านม
ผู้เชี่ยวชาญพบว่าหากคุณนอนในท่านอนคว่ำจะทำให้เกิดแรงกดทับบริเวณหน้าอกซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเจ็บปวดได้ แต่ในทางกลับกันการนอนตะแคงข้างอาจส่งผลทำให้เต้านมหย่อนคล้อยเนื่องจากแรงโน้มถ่วงตามธรรมชาตินั่นเอง
ที่มาจาก https://brightside.me/