สิวอักเสบ เป็นปัญหาที่กวนใจใครหลายคน ซึ่งเกิดจากการอุดตันของต่อมไขมันและรูขุมขน หากติด เชื้อแบคทีเรีย C.Acnes ซึ่งเป็นสาเหตุให้ที่ทำให้เกิดสิว ก็อาจกลายเป็นสิวอักเสบได้ เราเลยจะมาทำความรู้จักกับสิวอักเสบและ วิธีรักษาสิวอักเสบ ให้หายขาด บอกลาหน้าสิว ต้อนรับหน้าใส จะมีเทคนิคอะไรบ้างไปดูกันเลย
สิวอักเสบคืออะไร?
สิวอักเสบ Inflammatory acne เกิดจากปฏิกิริยาของผิวหนังต่อสิ่งแปลกปลอม ที่มีเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า C.acnes ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญ โดย C.acnes มีเอนไซม์ lipase ย่อยไขมันจนเกิดเป็นกรดไขมัน (free fatty acid) ออกมาข้างนอกบริเวณผิวหนัง ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ อีกทั้ง C.acnes ยังกระตุ้นให้มีการหลั่ง protease cytokines ที่ทำให้เกิดการอักเสบเช่นกัน ซึ่งโดยปกติแล้วมักพบในต่อมไขมัน ซึ่ง สิวอักเสบ สามารถแบ่งตามความรุนแรงและขนาดของตุ่มสิวอักเสบได้ดังนี้
ประเภทของสิวอักเสบ
สิวอักเสบตุ่มแดง
สิวตุ่มแดง (Papule) เป็น สิวอักเสบ ที่อาจจะเกิดได้ทั้งจากการติดเชื้อแบคทีเรียผสมกับการอุดตันของรูขุมขน หรือพัฒนาจากสิวอุดตันที่ถูกรบกวนจากการสัมผัส กด บีบ แคะ หรือ แกะ ทำให้เชื้อแบคทีเรียเข้าไปในรูขุมขนที่กำลังเป็นสิวอุดตัน ทำให้สิวอุดตันกลายเป็นสิวอักเสบในที่สุด
สิวอักเสบแบบหัวหนอง
สิวหัวหนอง (Pustule) สาเหตุการเกิดสิวหัวหนองเหมือนกับสิวตุ่มแดง คือ สิวหัวหนองเกิดจากทั้งแบคทีเรียพร้อมกับการอุดตันของรูขุมขน หรืออาจจะพัฒนามาจากสิวอุดตัน ที่ถูกรบกวนจากการสัมผัส แกะ บีบ ต่างกันเพียง สิวหัวหนองต้องเกิดการติดเชื้อไปสักระยะหนึ่ง จนหนองก่อตัวขึ้นมาที่ใต้ผิวหนัง เมื่อเป็นสิวหัวหนองอยู่ไม่ควรบีบหรือกดสิวด้วยตัวเอง เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบลุกลาม และเป็นสิวอักเสบชนิดรุนแรงกว่าเดิมได้
สิวอักเสบแบบหัวดำ
สิวหัวดำ (Blackheads) หรือสิวหัวเปิด มีลักษณะเป็นสิวขนาดเล็กที่อุดตันอยู่ในรูขุมขน โดยจะทำปฏิกิริยากับสารเมลานินหรือเม็ดสีที่เซลล์ผิวหนัง ทำให้เปลี่ยนสภาพเป็นสีดำ จึงเรียกว่าสิวหัวดำ หากใช้มือลูบโดน จะรู้สึกสาก ๆ แข็งๆ ไม่มีอาการเจ็บปวด สาเหตุมักมาจากการสะสมของสิ่งสกปรก เช่น ล้างหน้าไม่สะอาด หรือนอนโดยยังมีเครื่องสำอางอยู่บนหน้าครับ
สิวอักเสบแบบหัวขาว
สิวหัวขาว (Whiteheads) จะลักษณะคล้าย ๆ สิวอุดตันหัวดำ บางคนเข้าใจว่าเป็นสิวอักเสบหัวแข็ง ที่ไม่มีทางออกมานอกผิว มองเห็นเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ ไม่มีหัวสิว สิวอุดตันประเภทนี้มักนำไปสู่การเป็นสิวอักเสบสูง จึงไม่ควร บีบ แคะ แกะ เกา
สิวหัวช้าง / สิวไต
สิวตุ่มแดงขนาดใหญ่ (Nodule) หรือที่ภาษาไทยเรียกว่า “สิวหัวช้าง สิวเป็นไต” เป็นสิวอักเสบ ที่มีความรุนแรงค่อนข้างมาก สาเหตุของการเกิด สิวหัวช้าง มาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย C.acne ลุกลามเข้าไปถึงชั้นผิวหนังที่ลึกขึ้น ทำให้กลายเป็นสิวหัวช้างที่มีการอักเสบรุนแรง สามารถลุกลามให้เกิดการอักเสบได้โดยไม่จำเป็นต้องมีหัวสิว นั้นจึงเป็นสาเหตุที่สิวหัวช้างไม่สามารถรักษาได้ด้วยการกดสิวหรือบีบ
ดังนั้นเมื่อเป็นสิวหัวช้างที่มีการอักเสบรุนแรง มีจำนวนเยอะ หรือเป็นสิวหัวช้างขนาดใหญ่มาก ควรรีบไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อปรึกษาและหาวิธีการรักษาให้ถูกวิธี ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ให้นานเพราะจะทำการรักษาได้ยาก และอาจจะทิ้งรอยไว้ แม้ว่าจะรักษาหายแล้ว สิวหัวช้างรักษาได้ยากกว่าสิวชนิดอื่น อาจจะใช้เวลารักษาเป็นเดือน ๆ
ความรุนแรงของสิวอักเสบระดับต่าง ๆ
สิวอักเสบนั่นไม่เพียงแค่ลักษณะของสิวเท่านั้น แต่ระดับความรุนแรงของการอักเสบก็มีผลต่อการพิจารณาวิธีรักษาสิวอักเสบด้วยเช่นกัน โดยแบ่งระดับความรุนแรงของสิวอักเสบได้เป็น 3 ระดับ ดังนี้
- สิวอักเสบระดับไม่รุนแรงมีปริมาณสิวเล็กน้อย และมีอาการอักเสบของสิวเพียงไม่กี่เม็ดเท่านั้น
- สิวอักเสบระดับปานกลางในบริเวณรอบ ๆ มีสิวที่อักเสบรวม ๆ แล้ว ประมาณไม่เกิน 10 จุด อาจจะมีสิวหนองปะปนรวมด้วย
- สิวอักเสบระดับรุนแรงสิวอักเสบที่สะสมไว้เป็นระยะเวลานานแล้ว เป็นก้อนแข็งขนาดใหญ่ มีเลือด และหนองปะปนอยู่ภายในตัวสิวมาก ทำให้มีการอักเสบระดับรุนแรง ทำให้อาจจะเกิดรอยช้ำร่วมด้วย
สิวอักเสบเกิดที่ไหนได้บ้าง ?
เนื่องจากสิวเป็นการอักเสบของต่อมไขมัน (sebaceous) ทำให้เรามักเจอสิวอักเสบในบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก เช่น
- สิวอักเสบที่คาง
สิวที่คางเป็นผิวบริเวณที่เป็นสิวอักเสบได้ง่ายอันดับต้น ๆ เพราะในยุคปัจจุบันที่ทุกคนจำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยเป็นประจำ ทำให้ผิวเป็นสิวได้รับการเสียดสีเป็นประจำ นำไปสู่ปัญหาสิวอักเสบในที่สุด - สิวอักเสบที่หน้าผาก
บริเวณหน้าผากก็เป็นอีกหนึ่งบริเวณที่ทำให้เกิดสิวที่หน้าผากเป็นประจำ เนื่องจากสิวอักเสบบริเวณหน้าผาก จะถูกกระตุ้นจากเส้นผมที่ตกลงมาปรกหน้า รวมถึงสิ่งสกปรก คราบเหงื่อ และแบคทีเรียต่าง ๆ ที่ตกลงมาทำให้หมักหมมที่บริเวณนี้ - สิวอักเสบที่จมูก
บริเวณจมูกเป็นอีกหนึ่งบริเวณที่มักจะพบสิวได้บ่อย ไม่เพียงแค่สิวอักเสบเท่านั้น แต่สิวอีกหนึ่งชนิดที่มักพบได้บ่อยก็คือสิวเสี้ยนนั่นเอง เพราะอวัยวะในบริเวณนี้ยื่นออกมา ทำให้เสียดสีกับสิ่งต่าง ๆ ทั้งแมสก์ มือ หมอน จนเกิดการระคายเคืองได้ง่าย - สิวอักเสบที่แก้ม
สิวอุดตันมีหัว สิวอุดตันไม่มีหัวบริเวณแก้ม เป็นจุดที่ได้รับการสัมผัสบ่อย ๆ จากทั้งมือ และแมสก์ ทำให้สิ่งสกปรกต่าง ๆ มาสะสมอยู่ที่บริเวณใบหน้า ทำให้สิวอุดตันเหล่านี้เกิดการอักเสบกลายเป็นสิวอักเสบได้ - สิวอักเสบที่หลัง
บริเวณหนึ่งในร่างกายที่เกิดสิวต่าง ๆ ได้ง่าย เพราะการเสียดสี และอับชื้นภายใต้ร่มผ้าก็คือ บริเวณแผ่นหลังของเรานั่นเอง ความอับชื้นจากคราบเหงื่อ สิ่งสกปรกต่าง ๆ ยิ่งทำให้สิวที่หลังถูกกระตุ้นให้เกิดการอักเสบขึ้นได้
เคล็ดลับวิธีรักษาสิวอักเสบ และวิธีดูแลผิวยังไงไม่ให้เกิดสิว
การใช้ยาทาเฉพาะที่หรือ ยาแก้สิวอักเสบ เป็น วิธีรักษาสิวอักเสบ ที่คนเป็นสิวส่วนใหญ่นึกถึงเป็นอันดับแรก ยารักษาสิวอักเสบส่วนใหญ่มักมีสารหรือกรดบางอย่างที่ช่วยฆ่าเชื้อสิว C.acne หรือควบคุมการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวอักเสบ ปัจจุบันวิธีรักษาสิวอักเสบแบบยามีทั้งแบบยาทาและยาทาน
กดสิว หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่าวิธีรักษาสิวอักเสบสามารถกดได้ไหม ? คำตอบคือ ไม่ควรกดสิวอักเสบเอง เพราะนอกจากจะทำให้เจ็บแล้ว แบคทีเรียจากหนองยังจะกระจายออกไปตามผิวหนัง ทำให้เสี่ยงเกิดสิวและติดเชื้อมากกว่าเดิมได้ ทางที่ดีควรทำให้สิวหายอักเสบก่อนด้วยการใช้ยา แล้วค่อยกดออกหากมีหัวสิวหรือมีหนองหลงเหลืออยู่
รักษาสิวด้วยสมุนไพร วิธีนี้เหมาะกับคนผิวแพ้ง่ายที่เริ่มเป็นสิว แล้วไม่อยากใช้ครีม เพราะแพ้ รักษาด้วยสมุนไพรก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
ใช้แผ่นดูดสิว การแปะแผ่นดูดสิวเป็น วิธีรักษาสิวอักเสบ ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน สามารถช่วยรักษาสิวหนองโดยการดูดเอาหนองออกมาได้ภายในเวลาไม่นาน และยังช่วยปกป้องไม่ให้มือไปสัมผัสกับผิวโดยตรง ช่วยลดการติดเชื้อสิ่งสกปรกจากมือได้ด้วย
ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต พฤติกรรมหลาย ๆ ในชีวิตประจำวันของเรามีผลต่อความมันบนผิวหนัง ฮอร์โมน รวมถึงการสะสมของสิ่งสกปรก แบคทีเรีย และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดสิว ดังนั้นถ้าอยากลด สิวอักเสบ ก็ควรทำตามข้อปฏิบัติดังนี้
- ห้ามเครียด ความเครียดจะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมน ที่สามารถไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนนึงของสาเหตุการเกิดสิวอักเสบได้ง่าย
- พักผ่อนให้เพียงพอ การพักผ่อนให้เพียงพอจะทำให้ร่างกายได้พักผ่อน อย่างเต็มที่ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายเกิดกระบวนการซ่อมแซมและฟื้นฟู กระบวนการต่าง ๆ ของร่างกายในขณะที่นอนหลับ นอกจากนี้การนอนหลับที่ไม่เพียงพอยังส่งผลให้เกิดการผลิตน้ำมันมากผิดปกติ
- ดื่มน้ำเยอะๆ เพราะน้ำเป็นองค์ประกอบหลักของร่างกายรวมถึงผิวหนังของเรา การดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยทำให้องค์ประกอบต่าง ๆ ในผิวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกายในทุก ๆ วัน
- หลีกเลี่ยงและปกป้องผิวจากมลภาวะ เพราะมลภาวะสามารถกระตุ้นให้เกิดการผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดปัญหาสิวต่อมาได้
- ไม่ใช้เล็บแกะหรือเกาสิว เพราะจะทำให้สิวอักเสบและติดเชื้อหนักกว่าเดิมได้
- ปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ ต้องยอมรับว่าวิธีรักษาสิวอักเสบด้วยตัวเองเป็นเรื่องยากและใช้เวลานานนับเดือน ทางที่ดีที่สุดเมื่อรู้ตัวว่าเป็นสิวอักเสบควรรีบไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง หากปล่อยทิ้งไว้นานสิวมีโอกาสที่จะลุกลามและแพร่กระจายเป็นวงกว้าง และรักษายากกว่าตอนแรก ๆ ที่เริ่มเป็น
- ใช้น้ำเกลือปราศจากเชื้อ (Normal Saline Solution) ควรใช้น้ำเกลือปราศจากเชื้อเช็ดทำความสะอาดบริเวณหัวสิวหลังล้างหน้าหรือหลังจากรักษาสิว เช่น กดสิว เลเซอร์สิว ฯลฯ หรือใช้เช็ดบริเวณหัวสิวก่อนทายาแต้มสิวตามปกติ เพื่อความสะอาด ลดการติดเชื้อ และเป็นวิธีรักษาสิวอักเสบให้แห้งเร็วขึ้น
- ล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลปัญหาสิวอักเสบ ที่มีความอ่อนโยน ด้วย Benzac Spots Daily Facial Foam Cleanser ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับผิวมัน ผิวผสม ผิวที่เป็นสิวง่าย ประกอบด้วยสารสกัดจากธรรมชาติของ Calendula และ Aloe vera ช่วยขจัดสิ่งสกปรก และควบคุมความมัน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวอักเสบ โดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึงหลังการใช้ ช่วยปลอบประโลมผิว และช่วยคงความชุ่มชื้นตามธรรมชาติของผิวตลอดทั้งวัน ผ่านการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง
ด้วยคุณประโยชน์จากสารสกัดธรรมชาติ 2 ชนิด Calendula Extract ช่วยปลอบประโลมผิวที่มีปัญหาเป็นสิวง่าย ช่วยลดการระคายเคืองจากผิวแห้ง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ให้ผิวแลดูมีสุขภาพดีและอ่อนเยาว์ และ Aloe Vera Extract ช่วยฟื้นฟูและคงความชุ่มชื้น ให้ผิวดูแข็งแรง ช่วยลดเลือนรอยแดงจากผิวแห้ง ช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยอีกด้วย
การดูแลตนเองเมื่อเป็นสิวอักเสบ
เมื่อมีปัญหาสิวอักเสบ การดูแลผิวหน้าตัวเองถือว่าสำคัญครับ บางคนอาจไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา ได้ยาทา หรือยารับประทานมาแล้ว แต่ก็ยังต้องดูแลตัวเองควบคู่ไปด้วย ดังนี้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรนอนดึกและอดนอน เพราะจะทำให้สิวอักเสบกำเริบได้ง่าย
- หากไปพบแพทย์มาแล้ว ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเรื่องการทายาและรับประทานยา
- ควรใช้สบู่อ่อน ไม่มีส่วนผสมของสารเคมี และควรล้างหน้าให้สะอาดวันละ 1-2 ครั้ง
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางไปก่อน หากจำเป็นควรแต่งหน้าให้น้อยที่สุดและเลือกใช้เครื่องสำอางสูตรไม่ก่อให้เกิดสิวครับ ที่สำคัญควรล้างทำความสะอาดก่อนนอน
- เลือกรับประทานอาหารที่ไม่ก่อให้เกิดการอักเสบ เน้นผักและผลไม้
การป้องกันสิวอักเสบ
การป้องกันไม่ให้เป็นสิวอักเสบ เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะเรื่องของความสะอาด เพื่อช่วยลดโอกาสการเกิดสิวอักเสบ ดังนี้
- หมั่นล้างหน้าให้สะอาด โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน รวมถึงใช้โทนเนอร์เช็ดคราบสกปรกหรือเครื่องสำอางออกให้หมดก่อนบำรุงผิว
- หมั่นทำความสะอาดเส้นผม เพื่อลดไขมันบนเส้นผมที่อาจทำให้เป็นสิวได้
- ดูแลทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น เปลี่ยนผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าห่ม ทุกอาทิตย์ เนื่องจากเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดตุ่ม สิวผด สิวไม่มีหัว แก้มเป็นผื่นผด หรือสิวอักเสบที่แก้มได้
- หลีกเลี่ยงแสงแดด หรือทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
- บำรุงผิวให้แข็งแรงอยู่เสมอ เช่นการดื่มน้ำอย่างเพียงพอ การรับประทานผักผลไม้ การรับประทานวิตามินเสริมอาหาร
ทั้งนี้ วิธีรักษาสิวอักเสบ ไม่ใช่เรื่องยาก แค่ลองปรับพฤติกรรม แค่หลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว เพราะนอกจากสิวจะทำให้เราหงุดหงิดรำคาญใจแล้ว ก็ยังทำให้เราหมดความมั่นใจอีกด้วย ดังนั้นการรู้วิธีป้องกันและใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสำหรับคนเป็นสิวอักเสบหรือเป็นสิวง่ายอย่าง BENZAC SPOTS Daily Facial Foam Cleanser ซึ่ง รีวิวแนะนำให้ลองกันนะคะ เป็นโฟมล้างหน้าที่สามารถช่วยทำให้ผิวหน้าที่โดนมลภาวะในทุกวัน สะอาด และทำให้การรักษาสิวมีประสิทธิภาพ เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นแน่นอน และที่สำคัญอย่าลืมดื่มน้ำเยอะ ๆ รวมถึงพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะ