ปัญหาเรื่องการดื่มน้ำไม่เพียงพอกับร่างกาย เป็นเรื่องใกล้ตัวที่เกิดขึ้นกับหลายๆคนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหนุ่มสาววัยทำงาน ที่มักจะนั่งอยู่หน้าจอเป็นเวลานานๆ และลืมที่จะจิบน้ำในระหว่างวันไปด้วย และนั่นคือต้นเหตุของปัญหา ผิวขาดน้ำ หรือปัญหาผิวเหี่ยวแห้งขาดความชุ่มชื้น หรือ บางคนก็ส่งผลทำให้หน้าเหี่ยวก่อนวัยอันควร จากสาเหตุเพียงแค่การดื่มน้ำไม่เพียงพอ
สำหรับปัญหาการขาดน้ำ หรือ ผิวอิดโรยขาดน้ำ ทำให้ดูไม่สดใส ขาดชีวิตชีวา เกิดได้จากทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกประกอบกัน โดยปัจจัยภายใน จะมาจากพันธุกรรมของเราที่ถูกถ่ายทอดระหว่างรุ่นสู่รุ่นซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก พันธุกรรมของเรายังสัมพันธ์กับอายุของเราด้วย
ในแต่ละช่วงวัยผิวหนังของเราจะมีโครงสร้างของผิวที่แตกต่างกันกัน เมื่ออายุมากขึ้นคอลลาเจนก็จะเริ่มเสื่อมลง การสร้างเซลล์ผิวใหม่และการผลัดเซลล์ผิวจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ผิวหนังชั้นนอกสุดที่เปรียบเป็นกำแพงผิวบางลง ทำให้ผิวไม่อุ้มน้ำและขาดความชุ่มชื้น นอกจากนี้ความเครียดก็ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ร่างกายเสียสมดุล และไปยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนแห่งความหนุ่มสาวหรือโกรทฮอร์โมน ทำให้ผิวเกิดความแห้งกร้าน สิว ริ้วรอยและความหย่อนคล้อยได้
ส่วนปัจจัยภายนอกจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ อย่างช่วงนี้ที่มีทั้งสภาพอากาศร้อนสลับกับฝนตก ทำให้ผิวปรับตัวไม่ทันตามสภาพอากาศที่เปลี่ยนไป นอกจากนี้ การอยู่ในห้องปรับอากาศตลอดเวลาก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดสภาวะผิวขาดน้ำได้ เนื่องจากเครื่องปรับอากาศดึงความชื้นในอากาศออกไป ส่งผลให้ผิวเกิดปัญหาผิว แห้งกร้าน เกิดอาการคัน ระคายเคือง ผดผื่น รวมถึงเกิดอาการอักเสบของผิว
ทีนี้เรามาดูกันว่า การดื่มน้ำให้เพียงพอ ให้เหมาะกับร่างกายของเรา ต้องดื่มน้ำมากเท่าไหร่กันแน่
ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อวัน สามารถคำนวณได้โดย น้ำหนักตัว (ก.ก.) / 2 x 2.2 x 30 = ……ซีซี (1,000 ซีซี = 1 ลิตร, 1 ลิตร = 4 แก้ว) ตัวอย่างเช่น น้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม การคำนวณคือ 50/2 x 2.2 x 30 = 1,650 ซีซี หรือประมาณ 6 – 7 แก้ว
นอกเหนือจากการดื่มน้ำให้เพียงพอแล้ว แพทย์ยังแนะนำให้ปฎิบัติสิ่งเหล่านี้ควบคู่ไปด้วย
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง ควรเข้านอนก่อน 22.00 น. เพราะระหว่างเวลา 22.00 – 02.00 น.จะเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่ร่างกายเข้าสู่ภาวะซ่อมแซมตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ปลาทะเล ผัก ผลไม้ ธัญพืช ผลไม้ตระกูลเบอรี่ รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ข้อมูลโดย แพทย์หญิงนิโลบล เจริญวุฒิ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม