ฉีดโบท็อกลดกรามแล้วไม่เห็นผล หน้าไม่เรียวเล็กลงเกิดจากอะไร? มาหาคำตอบกัน

โบท็อกกราม หัตถการที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ในการลดขนาดกราม ช่วยให้หน้าเรียว

Home / HEALTH / ฉีดโบท็อกลดกรามแล้วไม่เห็นผล หน้าไม่เรียวเล็กลงเกิดจากอะไร? มาหาคำตอบกัน

โบท็อกกราม หัตถการที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ในการลดขนาดกราม ช่วยให้หน้าเรียว ทำง่าย ไม่ต้องพักฟื้น ได้ผลลัพธ์ที่ดีไม่แพ้วิธีอื่นๆ ใครที่กำลังตัดสินใจว่าควรทำหรือไม่ สามารถศึกษาข้อมูลได้จากบทความนี้ เพราะรวบรวมเอาคำถามที่หลายคนสงสัย รวมถึงการตรวจเช็กให้ได้โบท็อกที่มีคุณภาพ เหมาะสมกับใบหน้ามาให้แล้ว ควรฉีดหรือไม่ ต้องเลือกอย่างไร สามารถหาคำตอบที่ด้านล่างนี้เลย

โบท็อกกรามคืออะไร?

โบท็อก มีชื่อทางการที่ใช้ในการค้าว่า โบทูลินั่มท็อกซิน (Botulinum Toxin Type A) ที่สกัดมาจากแบคทีเรียคลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) เป็นโปรตีนซึ่งออกฤทธิ์ในการลดหดกล้ามเนื้อทำให้เล็กลง หน้าดูเรียวขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ ฉีด 1 ครั้ง สามารถอยู่ได้นาน และเห็นผลได้ดีกับคนที่มีกล้ามเนื้อเยอะ กัดฟันแล้วกรามปูดออกมาได้

โบท็อกกราม ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

โบท็อกกรามสามารถช่วยให้กรามที่ใหญ่จากขนาดกล้ามเนื้อเล็กลง โดยจะเข้าไปทำให้กล้ามเนื้อที่แข็งค่อยๆ นิ่มลง ทำให้หน้าเรียวได้ หากฉีดคู่โบท็อกลิฟติ้งกระชับผิวจะยิ่งได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ

ใบหน้าแบบไหนที่ทำโบท็อกกรามแล้วเห็นผลได้ดี

การฉีดโบท็อกเน้นลดกล้ามเนื้อ เพราะฉะนั้นใบหน้าที่ฉีดโบท็อกแล้วเห็นผลได้ดีจึงเหมาะกับคนที่มีกรามใหญ่ สังเกตได้จากตอนกัดฟันแล้วมีเนื้อปูดออกมาตรงด้านข้างกราม ในเคสนี้จะเห็นผลชัดเจนที่สุด

โบท็อกกรามช่วยให้หน้าเรียวจริงมั้ย?

หากเป็นคนที่กรามใหญ่จากกล้ามเนื้อ การฉีดโบท็อกลดกราม ก็จะช่วยให้หน้าเรียวได้ ซึ่งหากเป็นคนที่กรามใหญ่จากชั้นไขมัน กระดูกใหญ่ เลือกแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่น อย่างการฉีดเมโสแฟต หรือผ่าตัดกระดูกกรามจะช่วยได้ตรงจุดมากกว่า

วิธีลดกราม ทำให้หน้าเรียวมีอะไรบ้าง? 

ในปัจจุบันมีหลากหลายวิธีที่ช่วยแก้ปัญหากรามใหญ่ได้ ซึ่งจะมีเทคนิค การออกฤทธิ์และช่วยในจุดที่ต่างกัน มี 4 วิธี ดังนี้

  1. โบท็อก ฉีดตัวยาที่มาจากสารโปรตีนเพื่อเข้าไปลดขนาดกล้ามเนื้อให้เล็ก หน้าเรียวลง ช่วยให้กรอบหน้าชัดขึ้น เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูง ทำได้โดยไม่ต้องพักฟื้น และไม่ทิ้งสารตกค้างเหลือไว้ในร่างกาย
  1. ฉีดเมโสแฟต เน้นฉีดเพื่อสลายไขมันเฉพาะจุด เหมาะกับคนที่มีปริมาณไขมันไม่สูงมาก หลังฉีดไขมันสามารถลดได้ 10 – 15% ช่วยให้กรอบหน้าชัดขึ้น สามารถทำร่วมกับโบท็อกได้ด้วย
  1. ผ่าตัดกระดูกกราม เป็นวิธีที่ลดกรามด้วยการผ่าตัด สามารถลดกรามที่ใหญ่จากโครงสร้างกระดูกได้ เห็นผลที่ยั่งยืนถาวรที่สุด แต่ต้องใช้เวลาพักฟื้นหลังทำประมาณ 1 – 2 สัปดาห์
  1. ดูดไขมันหน้า การดูดไขมันนับเป็นการผ่าตัดเล็ก เพราะมีวิธีการทำโดยการใช้เครื่องสุญญากาศสอดท่อเข้าไปดูดไขมันใต้ชั้นผิวหนังออกมา โดยจะเกิดแผลตรงบริเวณที่สอดท่อ รวมทั้งอาจบวมหลังทำประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ ทำได้ดีกับคนที่มีไขมันค่อนข้างเยอะ

โบท็อกกราม  VS เมโสแฟต ต่างกันอย่างไร?

ทั้งโบท็อกกรามและการฉีดเมโสแฟต สามารถช่วยให้หน้าเรียวได้ทั้งคู่ แต่จะมีเทคนิคและจุดประสงค์ที่ต่างกัน โดยโบท็อกกรามจะเน้นลดขนาดกล้ามเนื้อ ส่วนเมโสแฟตจะควบคุมให้ไขมันส่วนเกินสลายตัว เพราะฉะนั้นควรเลือกจากปัญหาเฉพาะของตนเอง หรือสามารถทำร่วมกันทั้งสองวิธีก็ได้

โบท็อกกรามทำให้แก้มตอบหรือไม่?

แก้มตอบมักเกิดกับคนที่มีโหนกแก้มสูง ใหญ่ แต่มีผิวหนังหรือเนื้อแก้มน้อย ทำให้ดูซูบตอบ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดกับคนที่มีโครงสร้างกระดูกแบบนี้อยู่แล้ว การฉีดโบท็อกในกรณีนี้ก็สามารถทำให้แก้มตอบได้ แต่ถ้าทำในคนที่มีลักษณะแก้มแบบทั่วไป ก็จะช่วยลดกราม ทำให้หน้าเรียวได้โดยไม่ดูแก้มตอบแต่อย่างใด

โบท็อกที่ซื้อจากอินเตอร์เน็ต เป็นของแท้มั้ย?

โบท็อกต้องได้รับการเก็บรักษาอย่างดี มีขั้นตอนที่คนทั่วไปหรือแม่ค้าทางอินเทอร์เน็ตอาจไม่สามารถทำได้ โดยต้องอยู่ในห้องเย็นเพื่อคงคุณภาพไว้ หากสั่งโบท็อกทางอินเทอร์เน็ตจึงเสี่ยงเจอของปลอม รวมถึงอาจได้ของที่เสื่อมสภาพจากการจัดเก็บที่ไม่ถูกต้องได้

ฉีดโบท็อกกรามแล้วไม่เห็นผล เกิดจากสาเหตุใด?

หลายคนที่ทำโบท็อกแล้วกรามไม่ยุบ ไม่เห็นผล เกิดได้จากพื้นฐานลักษณะใบหน้าของตนเอง เพราะโบท็อกจะลดกล้ามเนื้อ หากฉีดแล้วไม่เห็นผลแสดงว่าสาเหตุของกรามใหญ่อาจเป็นที่ไขมันหรือกระดูกมากกว่านั่นเอง นอกจากนี้ก็อาจเป็นเพราะได้โบท็อกปลอม ทำให้เกิดการดื้อยา กรามไม่ยุบได้เช่นกัน

อาการดื้อโบท็อกคืออะไร?

ดื้อโบท็อก คือ อาการที่ฉีดโบท็อกไปแล้วไม่เห็นผล มักเกิดเมื่อฉีดแล้วหลายครั้งแต่ผลลัพธ์ลดลงจนแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งมาได้จากการที่ฉีดโบท็อกปลอม หรือจากภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานต้านกับตัวยาโบท็อก

สาเหตุของการดื้อโบท็อก 

  1. ผ่านการฉีดโบท็อกปลอม หรือโบท็อกที่ไม่มีคุณภาพมาก่อน ซื้อมาฉีดเองหรือฉีดกับหมอกระเป๋า ซึ่งในครั้งแรกอาจเห็นผล แต่หลังจากนั้นก็จะเกิดการดื้อโบท็อกตามมา
  2. ภูมิคุ้มกันของตัวเองต่อต้านโบท็อก พอฉีดเข้าไปโบท็อกจึงสลายตัว
  3. ได้รับโบท็อกในปริมาณมากเกินจำเป็น หรือฉีดถี่เกินไป

ภาวะดื้อโบท็อก มีอาการอย่างไร?

สังเกตได้จากหลังฉีดโบท็อกแล้วออกฤทธิ์คงอยู่ได้น้อยลง กรามกลับมาใหญ่ภายใน 2 – 3 เดือนหลังฉีด เมื่อฉีดซ้ำต้องเพิ่มปริมาณยูนิตขึ้นเพื่อให้เห็นผล หรือเปลี่ยนยี่ห้อ ซึ่งอาจช่วยให้ดีขึ้น หรือไม่ช่วยเลยก็ได้

การฉีดโบท็อกตามบ้าน เชื่อถือได้มั้ย?

การฉีดโบท็อกจำเป็นต้องฉีดโดยแพทย์เท่านั้น หากมีการรับฉีดตามบ้านเป็นไปได้ว่าเป็นหมอกระเป๋า เพราะแพทย์ตัวจริงจะคำนึงถึงความสะอาดของอุปกรณ์ สถานที่ มักทำที่คลินิกที่มีความพร้อมและได้มาตรฐานเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ควรฉีดโบท็อกกับหมอกระเป๋าที่รับฉีดตามบ้านโดยเด็ดขาด เสี่ยงเจอของปลอม ฉีดผิดจุดไปเข้าเส้นเลือด ซึ่งทำให้เกิดปัญหาตามมาได้

หลังฉีดโบท็อกแล้วหน้าเกร็ง ตึง ยิ้มไม่ได้จริงมั้ย?

หากการฉีดโบท็อกเป็นการฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้รับการวิเคราะห์ คำนวณปริมาณก่อนฉีด รวมถึงใช้โบท็อกที่มีคุณภาพด้วยแล้ว ก็จะไม่เกิดอาการหน้าเกร็งจนยิ้มไม่ได้ ถ้าได้โบท็อกของแท้หลังฉีดอาจมีอาการตึงหน้าเพียงเล็กน้อย แต่ยังสามารถยิ้มหรือขยับกล้ามเนื้อบนหน้าได้ตามปกติ

โบท็อกยี่ห้อไหนดีที่สุด ระหว่างของอเมริกากับเกาหลี

ทั้ง 2 ประเทศ ผลิตโบท็อกที่คุณภาพดีออกมาทั้งคู่ มีความบริสุทธิ์สูงอยู่ที่ 99.5% โดยโบท็อกอเมริกาจะมีราคาสูงกว่า เนื่องจากใช้การกระจายตัวของยาที่แคบกว่า ออกฤทธิ์นาน ส่วนของเกาหลีจะเน้นการกระจายตัวยาที่กว้างกว่า ทำให้ออกฤทธิ์เร็วแต่ก็สลายได้เร็วกว่าด้วย หากเน้นเรื่องความคุ้มค่าโบท็อกเกาหลีจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ยี่ห้อที่ได้รับความนิยมมี 2 ยี่ห้อด้วยกัน คือ Allergan ของอเมริกา และ Hugel Toxin ของเกาหลี

วิธีเช็กว่าโบท็อกเป็นของแท้ ยี่ห้อ Allergan และ Hugel Toxin 

  1. Allergan ตัวยาในปริมาณ 100 ยูนิต มีซีลใสที่ด้านข้างกล่อง ป้องกันการเปิด ในกล่องมาพร้อมเอสการกำกับที่เป็นภาษาไทย มีเลขอย. อย่างถูกต้อง ที่กล่องและขวดจะมีเลข Lot ที่ต้องตรงกัน โดยสามารถเช็กความถูกต้องกับทางบริษัทได้โดยตรง ตัวยาเป็นแบบเคลือบที่ก้นขวด แพทย์จะต้องใส่น้ำเกลือแล้วดูดตัวยาออกมาในการฉีด
  1. Hugel Toxin มีเลขวันผลิต วันหมดอายุ และล็อตการผลิตที่ใต้กล่อง ด้านข้างมีเลขรับแจ้งผลิตภัณฑ์ บริษัทที่นำเข้า และชื่อโรงงานผลิต ตัวกล่องต้องปิดสนิทติดกาวมาจากโรงงาน ฝาขวดมีสีขาว ไร้ร่องรอยการเปิด มีซีลปิด ตัวยาเป็นฟิล์มขาวขุ่นอยู่ที่ก้นขวด สามารถสแกน QR code ที่ตัวกล่องเพื่อเช็กความถูกต้องได้

ฉีดโบท็อกกรามกี่วันถึงเห็นผล? นานมั้ยถึงจะเข้าที่?

ถ้าฉีดโบท็อกกราม สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ 14 วันหลังฉีด กล้ามเนื้อที่ปูดออกมาเวลากัดฟันจะยุบลง และเมื่อผ่านไป 1 เดือนจะเห็นผลอย่างชัดเจนขึ้น และเห็นผลกรามลด หน้าเรียวเต็มที่ที่สุดเมื่อผ่านไปแล้ว 2 – 3 เดือน

โบท็อกกรามต้องฉีดบ่อยแค่ไหน?

ควรฉีดทุกๆ  4 – 5 เดือน เพราะเป็นช่วงที่โบท็อกค่อยๆ หมดฤทธิ์ลง ไม่จำเป็นต้องรอถึง 6 เดือน เพราะกล้ามเนื้ออาจกลับมามีขนาดเท่าเดิม ซึ่งอาจต้องใช้ปริมาณโบท็อกในการฉีดที่มากขึ้นได้

โบท็อกกรามอยู่นานกี่เดือน?

5 – 6 เดือน ถ้าโบท็อกหมดฤทธิ์เร็วกว่านั้น อาจเป็นไปได้ว่าเกิดการดื้อโบท็อก หรือได้รับตัวยาของปลอมมา

ฉีดโบท็อกกรามเจ็บหรือไม่?

ระหว่างฉีดโบท็อก จะมีการประคบเย็นไปด้วย เพื่อช่วยให้ตัวยาไม่กระจายตัวไปในจุดอื่นนอกเหนือจากช่วงกราม ซึ่งช่วยลดอาการเจ็บได้ 

หล้งฉีดโบท็อกกรามมีข้อห้ามอะไรบ้าง?

-งดดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ 2 วันหลังฉีด

-เลี่ยงการเจอความร้อน อยู่ใกล้เตา หรือซาวน่า

-ลดการรับประทานอาหารเผ็ด หรือฤทธิ์ร้อน ที่ทำให้เกิดความแสบร้อนที่หน้า

-หลังฉีดใน 3 ชั่วโมงแรก ไม่ควรนอนราบในทันที

เลือกคลินิกฉีดโบท็อกกราม เลือกอย่างไรดี?

  1. เป็นคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีรายชื่อแพทย์อย่างละเอียด
  2. คลินิกมีการเปิดขวดโบท็อกให้ดู ผสมตัวยาให้เห็นต่อหน้าก่อนฉีด
  3. มีอุปกรณ์ที่ได้คุณภาพ ความสะอาด ปลอดภัยสูง เชื่อถือได้
  4. ฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

โบท็อกกรามแพงมั้ย ราคาเท่าไหร่?

ราคาโบท็อกแต่ละคลินิกไม่เท่ากัน สำหรับกังนัมคลินิกมีตัวเลือกราคาโบท็อกดังนี้

  • ฉีดปรับหน้าเรียว 100u. 5,696 บาท
  • ฉีดปรับหน้าเรียว 50u. 3,696 บาท
  • ฉีดลดโหนกแก้ม/ลดปีกจมูก 2,696 บาท
  • ฉีดริ้วรอย+หน้าเรียว 100u. 5,696 บาท
  • ฉีดริ้วรอย+หน้าเรียว 150u. 8,623 บาท
  • ฉีดลดน่อง 200u. 9,663 บาท
  • ฉีดลดเหงื่อลดกลิ่นรักแร้200u. 9,663 บาท

รีวิวโบท็อกกราม

สรุป

โบท็อกเป็นตัวเลือกที่ดีในการแก้ปัญหากรามใหญ่จากขนาดของกล้ามเนื้อ ใครที่มีปัญหาตรงจุดนี้ เลือกฉีดโบท็อกก็จะสามารถช่วยได้ เห็นผลไว และคงอยู่ได้นานถึง 5 – 6 เดือน แต่ก็ควรเลือกคลินิกที่ไว้ใจได้ในการฉีดเท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อหรือการดื้อโบท็อกที่อาจตามมาได้นั่นเอง