ปัจจุบันผู้หญิงดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว รักษาหุ่น หรือดูแลผิว ซึ่งก็มีทั้งการดูแลด้วยวิธีธรรมชาติ สวยจากภายในผ่านการพักผ่อน ออกกำลังกาย และควบคุมอาหารการกิน แต่การดูแลตัวเองด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ก็เข้ามามีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการบำรุงผิวให้กระจ่างใส อย่างการฉีดวิตามินผิวที่ได้รับความนิยมมาก เพราะเป็นหัตถการที่เห็นผลลัพธ์ได้ดี ไม่เป็นอันตราย
บทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับการฉีดวิตามินผิว ว่ามีข้อดี ข้อควรระวัง รวมทั้งตอบคำถามชวนสงสัยเกี่ยวกับการฉีดวิตามินผิวขาว จะมีอะไรบ้างมาหาคำตอบกันได้เลย
ทำความรู้จักการฉีดวิตามินผิว
การฉีดวิตามินผิว คือการให้อาหารผิวเข้าสู่ร่างกายโดยตรง ด้วยการฉีดเอากรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) ผ่านทางเส้นเลือดดำเพื่อนำไปใช้งานได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ซึ่งถือเป็นหัตถการอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยซ่อมแซม สร้างภูมิคุ้มกัน และดูแลรักษาร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ฉีดวิตามินผิว ช่วยในเรื่องไหนได้บ้าง
- สร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
- ทำให้ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยปกป้องฟื้นฟูผิวได้ดี
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ต้นกำเนิดของผิวสวยเต่งตึง
- ลดความหมองคล้ำ ผิวมีความกระจ่างใสขึ้น ดูสุขภาพดี เปล่งปลั่ง
- ช่วยเข้าไปซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอ ทั้งที่ผิวหนัง กระดูก และฟัน
การฉีดวิตามินผิว มีด้วยกันกี่วิธี
มีทั้งหมด 2 แบบด้วยกัน คือ การฉีดด้วยเข็มไซลิงก์เข้าที่ข้อพับแขน แล้วเดินยาปริมาณ 10 ซีซีเข้าสู่ร่างกาย และแบบน้ำเกลือ ที่เป็นการผสมวิตามินกับน้ำเกลือในปริมาณเหมาะสม ให้สารอาหารไหลผ่านสายน้ำเกลือเข้าสู่เส้นเลือด ซึ่งร่างกายดูดซึมด้วยตัวเอง โดยใช้เวลาประมาณ 10 – 15 นาที
การฉีดวิตามินผิวเหมาะกับใคร
ฉีดวิตามินผิวเหมาะกับคนที่ต้องการดูแลผิวแบบเร่งด่วน สามารถช่วยแก้ปัญหาได้หลายจุด ทั้งเรื่องความหมองคล้ำ คนที่ต้องการเพิ่มความกระจ่างใส พร้อมปรับผิวให้ชุ่มชื้นขึ้น หรือคนที่ร่างกายอ่อนแอ เป็นภูมิแพ้ ป่วยง่าย พักผ่อนน้อย การฉีดวิตามินผิวก็จะตอบโจทย์ ช่วยซ่อมแซมและสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นเช่นกัน
ทุกคนสามารถฉีดวิตามินผิวได้หรือไม่
การฉีดวิตามินผิวมีข้อยกเว้นสำหรับบางกลุ่ม ซึ่งแบ่งได้หลักๆ 5 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่
-สตรีที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ หรือคุณแม่ที่มีการให้นมบุตร
-คนที่มีความดันโลหิตต่ำ
-คนที่มีประวัติแพ้วิตามิน
-อยู่ระหว่างการทานยาบางชนิด (แล้วแต่กรณี และควรปรึกษาแพทย์ก่อนหากต้องการฉีด)
-มีโรคประจำตัว เช่น โรคหลอดเลือดและหัวใจ เบาหวาน ภาวะพร่องเอนไซม์ ภาวะเหล็กในร่างกายเกิน รวมทั้งมะเร็ง
วิตามินผิว 7 สูตรที่ช่วยบำรุงผิว ช่วยเรื่องไหนบ้าง?
- Vitamin White Plus ช่วยเพิ่มความกระจ่างใส พร้อมบำรุงเส้นผม และเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
เหมาะกับ: คนต้องการมีผิวขาวขึ้นจากภายใน คนที่อยากมีผมสวย รวมทั้งคนที่ร่างกายอ่อนแอ ป่วยง่าย
- Meso Blink สูตรวิตามินที่เร่งผลลัพธ์ความกระจ่างใส ขาวแบบธรรมชาติ ฉีดเข้ากล้ามเนื้อโดยตรง มีความเข้มข้นสูง
เหมาะกับ : คนที่อยากผิวขาวกระจ่างใสแบบเร่งด่วน
- Vital Glow สูตรที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส พร้อมความเนียน เรียบลื่น เป็นสูตรปรับสมดุลให้กับคนที่ฉีดผิวเป็นครั้งแรก
เหมาะกับ : คนที่ยังไม่เคยฉีดผิวแต่ต้องการความกระจ่างใสแบบดูเป็นธรรมชาติ
- Extra White Plus สูตรเน้นความชุ่มชื้น กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ให้ผิวใหม่กระจ่างใสขึ้น เห็นผลไว
เหมาะกับ: คนที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้น บอกลาผิวแห้งกร้าน
- Aura White Skin วิตามินสูตรเร่งผิวใสแบบด่วนๆ เพราะมีหัวเชื้อกลูต้า Acetin เข้มข้น พร้อม Cinder สูงถึง 200 เท่า ลดการสร้างเม็ดสีในเซลล์ผิวได้ดี ผิวดูขาวใส สม่ำเสมอขึ้น
เหมาะกับ : คนที่ต้องการผลลัพธ์ขาวกระจ่างใสภายใน 1 – 2 สัปดาห์
- Fairy Cocktail วิตามินรวมสูตรเข้มข้น ช่วยปรับผิวโกลว์ ดูสุขภาพดี พร้อมกระตุ้นภูมิคุ้มกันเหมาะกับช่วงโควิด
เหมาะกับ : คนที่ต้องการดูแลผิว พร้อมเสริมสุขภาพให้แข็งแรงไปพร้อมกัน
- Perfect White Radiance วิตามินที่เน้นลดการเกิดริ้วรอยใหม่ ผิวอ่อนเยาว์ กระจ่างใส พร้อมความชุ่มชื้น อิ่มน้ำ
เหมาะกับ : คนที่กังวลเรื่องริ้วรอย ผิวขาดน้ำ อยากเติมความชุ่มชื้นให้ดูผิวสุขภาพดี
ฉีดวิตามินผิวแล้วต้องรอนานแค่ไหนถึงจะเห็นผล
ใน 3 วันแรกหลังฉีดวิตามิน ผิวจะเริ่มเรียบเนียน ลื่น และดูสม่ำเสมอขึ้น แต่จะเห็นผลลัพธ์ความกระจ่างใสได้ชัดเจนก็ต่อเมื่อผ่านการฉีดครั้งแรกไปแล้ว 1 – 2 สัปดาห์
ฉีดวิตามินผิว ช่วยให้ขาวขึ้นมั้ย ต้องฉีดกี่ครั้งถึงจะขาว?
ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และพฤติกรรมการใช้ชีวิต ว่าจะเห็นผลมากน้อย ช้าเร็วแค่ไหน แต่จะสามารถสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ซึ่งพอฉีดไปประมาณ 3 – 5 ครั้ง ผิวที่หมองคล้ำจะเปลี่ยนมาดูกระจ่างใสขึ้นอย่างชัดเจน
ฉีดวิตามินผิวเจ็บรึเปล่า?
สำหรับคนที่กลัวเข็ม การฉีดวิตามินผิวอาจจะต้องอาศัยความกล้าเล็กน้อย เพราะมีการใช้เข็มเพื่อฉีดวิตามินเข้าสู่เส้นเลือด ซึ่งจะรู้สึกเจ็บนิดๆ และแสบในระหว่างเดินยา (กรณีฉีดเข้าเส้นเลือดโดยตรง) แต่เป็นความเจ็บที่สามารถทนได้ และใช้เวลาเพียงไม่นาน
ขั้นตอนการฉีดวิตามินผิว
- ปรึกษาแพทย์เพื่อปรึกษาและแจ้งความต้องการ รวมทั้งสอบอาการเบื้องต้น
- แจ้งโรคประจำตัวและยาที่ใช้อยู่
- ก่อนฉีดแพทย์จะอธิบายวิตามินสูตรที่ใช้ให้กับผู้รับบริการ
- จิ้มเข็มและฉีดตัวยาเข้าสู่เส้นเลือด หรือเจาะสายน้ำเกลือแล้วให้วิตามินผ่านทางน้ำเกลือ (ขึ้นอยู่กับวิธีของคลินิกที่เลือกทำ)
ผลลัพธ์หลังฉีดวิตามินผิวอยู่ได้นานเท่าไหร่?
การฉีดวิตามินผิวจะสามารถคงผลลัพธ์ไว้ได้นาน 1 – 2 เดือน หากต้องการรักษาความกระจ่างใสไว้ ควรฉีดต่อเนื่องเพื่อช่วยบำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น ร่วมกับการดูแลตัวเองเข้าช่วย
ถ้าฉีดวิตามินผิวแล้วหยุดไป ผิวจะกลับมาคล้ำหรือไม่?
สามารถกลับมาคล้ำขึ้นได้อีก เพราะปัจจัยของผิวคล้ำขึ้นอยู่กับหลายอย่าง ทั้งการดูแลรักษาร่างกาย การพักผ่อน ความเครียด อาหารที่รับประทาน รวมไปถึงการถูกทำร้ายจากแสงอาทิตย์ ผิวจึงกลับมาคล้ำได้อีกด้วยปัจจัยที่กล่าวมา ไม่ได้เป็นผลโดยตรงจากการหยุดฉีดวิตามิน
ฉีดวิตามินช่วยให้รูขุมขนเล็กลงได้มั้ย?
โดยปกติแล้ววิตามินจะเน้นบำรุงผิวให้เรียบเนียน กระจ่างใส ชุ่มชื้นและแข็งแรงขึ้น เพราะมีสารอาหารผิวและคอลลาเจน หากต้องการให้รูขุมขนเล็กลง การทำเลเซอร์จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีกว่า
ฉีดวิตามินผิว พร้อมกับทำเมโสแฟต หรือโบท็อกได้หรือไม่?
ทำได้ เพราะหัตถการชนิดอื่น ไม่ว่าจะเป็นเมโสแฟต หรือโบท็อก ไม่ได้ทำในจุดเดียวกันกับการฉีดวิตามิน และทำเพื่อจุดประสงค์ที่ต่างกัน จึงไม่มีผลหากต้องการฉีดวิตามินในขณะที่ทำหัตถการแบบอื่นร่วมด้วยในช่วงเดียวกัน
ฉีดวิตามินผิวอย่างไรให้เห็นผลเร็ว?
หากอยากเร่งผลลัพธ์ของการฉีดวิตามินผิวให้ออกมากระจ่างใส ความหมองคล้ำลดลงเร็วขึ้น สามารถเลือกทำพร้อมการเลเซอร์ผิวก็จะเห็นผลได้ดี เพราะการเลเซอร์จะช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้เซลล์ผิวฟื้นตัวได้ไว ผิวแข็งแรง สุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ
หลังฉีดวิตามินผิว ควรดูแลตัวเองอย่างไร
- หลีกเลี่ยงการโดนแดด หรือทาครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพก่อนออกแดดทุกครั้ง
- ไม่นวด กด เกา หรือถูแรงๆ บริเวณจุดที่ฉีดวิตามินมา
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพจากภายใน
- สังเกตอาการ หากมีการบวมแดงนานเกิน 2 วัน ควรปรึกษาแพทย์
ฉีดวิตามินผิวแล้วดื่มแอลกอฮอล์ได้มั้ย
ความจริงแล้วไม่มีข้อห้ามการดื่มแอลกอฮอล์หลังฉีดวิตามินผิว แต่เนื่องจากแอลกอฮอล์มีสารที่ไม่ดีต่อผิว เกิดเป็นสารอนุมูลอิสระที่ทำร้ายผิว ส่งผลให้ผิวเหี่ยว ไม่สดใส ทำลายคอลลาเจนได้ แพทย์จึงไม่แนะนำให้ดื่ม เพื่อรักษาผลลัพธ์ของการฉีดวิตามินให้มีประสิทธิภาพที่ดีและยาวนานขึ้นนั่นเอง
ฉีดวิตามินผิวต่างกับการทานวิตามินแบบเม็ดอย่างไร?
สารอาหารจากวิตามินมีความเข้มข้นมากกว่าวิตามินแบบเม็ด และการฉีดเข้าสู่เส้นเลือดทำให้ร่างกายนำไปใช้ได้ทันที ไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อย การฉีดวิตามินจึงช่วยให้ผิวกระจ่างใส สุขภาพดีได้ไวกว่า และช่วยดูแลได้อย่างล้ำลึกอีกด้วย
วิธีทำให้ผิวกระจ่างใสอื่นๆ นอกจากการฉีดวิตามินผิว
แม้ว่าการฉีดวิตามินผิวจะเป็นวิธีที่เร่งผลลัพธ์ให้เกิดขึ้นรวดเร็วสุด แต่สำหรับบางคนที่ยังไม่กล้าตัดสินใจ ก็ยังมีวิธีอื่นๆ ที่ช่วยดูแลให้ผิวขาวขึ้นได้เช่นกัน ดัง 5 ข้อด้านล่างนี้ได้เลย
-ปกป้องผิวคล้ำจากแสง UV ด้วยการทาครีมกันแดดที่มี SPF ที่เหมาะสม หรือหลีกเลี่ยงออกแดดเมื่อไม่จำเป็น
-รับประทานผลไม้ที่มีวิตามินซีและวิตามินอี ที่มีส่วนช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใส
-สครับผิวทุกสัปดาห์ เพื่อผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออก
-บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของวิตามิน หรือสูตรปรับผิวขาวกระจ่างใส
-ทำหัตถการประเภทอื่น เช่น การเลเซอร์ผิว หรือการฉีดคอลลาเจน
สรุป ฉีดวิตามินผิวช่วยให้ขาวขึ้นได้ไหม อันตรายหรือเปล่า?
การฉีดวิตามินผิวเป็นการช่วยเร่งผลลัพธ์ความกระจ่างใส ซึ่งเป็นหัตถการที่ปลอดภัยสูง มีประสิทธิภาพ และไม่เป็นอันตราย หากได้รับการทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะสามารถวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาได้ตามความต้องการและตรงจุด แต่การฉีดวิตามินผิวแม้จะได้ผลที่ดีก็ต้องอาศัยการดูแลตัวเองเข้าช่วย และหากอยากได้ผลลัพธ์ที่เร็ว เลือกทำพร้อมหัตการอื่น อย่างการเลเซอร์ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.gangnamconsult.com/