ยุคปัจจุบันหลายคนต้องเจอปัญหาผิวรุมเร้ามากมาย ทั้งจากมลภาวะและผลจากการใช้ชีวิตเร่งรีบ การดูแลตัวเองเพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถเห็นผลได้อย่างครอบคลุม เทคโนโลยีการดูแลผิวจึงเข้ามามีส่วนช่วยเร่งผลลัพธ์ได้ดียิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นที่ได้รับความนิยมก็ คือ การฉีดเมโสหน้าใส เพราะเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง ผิวดีขึ้นแบบมีออร่า ตอบโจทย์คนที่มีเวลาน้อย
ใครที่สนใจอยากรู้จักการฉีดเมโสหน้าใส ข้อดีหรือวิธีการเลือกฉีดให้ได้ประสิทธิภาพ สามารถอ่านได้จากบทความนี้เลย
ที่มาของเมโสหน้าใส
เมโสหน้าใส คือ ชื่อเรียกทางเทคนิคการดูแลรักษาผิวหน้า ที่มาจากคำว่า Mesotherapy ในภาษาอังกฤษ ประกอบด้วยคำว่า Meso ที่แปลว่า การฉีดลงชั้นใน และ Therapy ที่หมายถึงการดูแลรักษา โดยที่ใช้ชื่อนี้เป็นเพราะหลักการของการฉีดเมโสเป็นการฉีดทรีตเมนต์เข้าสู่ด้านในผิวชั้นกลางโดยตรงนั่นเอง การฉีดเมโสหน้าใสจึงเป็นวิธีที่ช่วยบำรุงผิวหน้าที่ได้ผลดี เพราะบำรุงจากโครงสร้างผิว กระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้มีความแข็งแรง ยืดหยุ่นสูง สามารถช่วยได้หลายเรื่องแล้วแต่สูตรของทรีตเมนต์ที่เลือกฉีด ซึ่งมีให้เลือกหลายหลาย แบบเดียวกันกับส่วนผสมของสกินแคร์ทั่วไปแต่ได้ผลลัพธ์ไวกว่า
เมโสหน้าใส กับ มาเด้คอลลาเจน เหมือนหรือต่างกัน?
เมโสหน้าใสเป็นการฉีดสารบำรุงผิวเข้าทางใบหน้า ผ่านวิธีการสะกิดด้วยเข็ม ซึ่งเป็นหัตถการที่ทำได้โดยทั่วไป ไม่ต้องมีการพักฟื้นหลังฉีด เน้นผลลัพธ์จะช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใส ปรับสีผิวให้สว่างขึ้น
ส่วนมาเด้คอลลาเจน เป็นหนึ่งในยี่ห้อของเมโสหน้าใส ประกอบด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และคอลลาเจน ฉีดเข้าที่ผิวหน้า 16 จุด ตามหลักการฝังเข็มกระตุ้นการไหลเวียนของน้ำเหลือง ซี่งจะเน้นช่วยเรื่องล้างสารพิษตกค้างและเซลล์เสื่อมสภาพในผิวให้ขับออกมาพร้อมของเสีย ลดผดผื่นเป็นหลัก
มาเด้คอลลาเจน เน้นเรื่องการไหลเวียนของน้ำเหลืองเพื่อขับสารพิษ จึงใช้หลักการฉีด 16 จุดพลังงานตามหลักฝังเข็มของจีน ร่วมกับหลัก Lymphatic Drainage ทำให้เห็นผลได้ดี ในขณะทีไม่มีรอยเข็มเยอะเท่าวิธีการแบบเก่า ลดการบวมเข็มได้อีกด้วย
เมโสหน้าใส 6 ยี่ห้อยอดนิยม ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
แต่ละคลินิกจะเลือกใช้ยี่ห้อในการฉีดเมโสหน้าใสต่างกัน ซึ่งผลลัพธ์ก็ช่วยคนละแบบ แต่ที่ได้รับความนิยม ได้มาตรฐานและปลอดภัยที่สุด จะมี 6 ยี่ห้อด้วยกัน ดังนี้
1. Alpha Arbutin เน้นช่วยลดฝ้า กระ โดยจะเข้าไปปรับการทำงานของเม็ดสีเมลานินให้น้อยลง หากฉีดสูตรนี้ ร่วมกับการเลเซอร์จะยิ่งเห็นผลได้ดีเป็นพิเศษ
2. Made Collagen ช่วยลดผิวอักเสบ อ่อนแอ แพ้ง่าย รักษาผดผื่น สิวอุดตัน เพิ่มความแข็งแรงให้ผิวได้ดี มีเทคนิคการฉีดแบบ 16 จุดที่ได้ประสิทธิภาพ
3. Depigment ช่วยลดฝ้า จุดด่างดำทั้งตื้นลึก พร้อมทั้งปรับผิวหน้าให้เรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอ สามารถทำร่วมกับเลเซอร์ผิวหน้าได้
4. Tensonez ช่วยเรื่องความกระจ่างใส ผิวไบรท์สวย ฝ้า กระลดลง ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ทำร่วมกับเลเซอร์ผิวจะยิ่งเห็นผลได้ชัด
5.Filorga เน้นเรื่องอัปผิวใส ฝ้าจางลง บำรุงผิวจากภายในให้มีสุขภาพดี ชุ่มชื้น อิ่มฟู จบปัญหาผิวแห้งกร้าน
6. Cytocare เน้นเติมน้ำให้ผิว ลดผิวแห้งแตกเป็นขุย ผิวแข็งแรงยืดหยุ่น ทาสกินแคร์แล้วซึมเข้าผิวได้ดีขึ้น
เมโสหน้าใสช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง?
- ปรับผิวแห้งให้กลับมามีสุขภาพดี ชุ่มชื้น อิ่มน้ำ
- ขับสารพิษตกค้างบนผิวหน้าออก ลดการเกิดผิวแพ้ ผด ผื่น
- ผิวกระจ่างใสขึ้น ลดการสร้างเม็ดสีเมลานินในชั้นเซลล์ผิว
- ฝ้า กระ จุดด่างดำจางลง ผิวสม่ำเสมอยิ่งขึ้น
- เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว เติมร่องริ้วให้เต็ม ผิวเรียบเนียนขึ้น ลดโอกาสเกิดริ้วรอย
- ตัวยาของเมโส(มาเด้คอลลาเจน)สามารถช่วยลดการเกิดสิวได้ ช่วยให้ความมันบนใบหน้าลดลง รูขุมขนจึงจางลงได้ด้วย เป็นการลดความกว้างของรูขุมขนที่สาเหตุการเกิดสิว
หากฉีดเมโสหน้าใสเป็นครั้งแรก ควรเลือกฉีดตัวไหน
สำหรับผู้ที่ฉีดเป็นครั้งแรกและอยากเห็นผลดีตั้งแต่ครั้งแรก ยี่ห้อที่นิยมที่สุดจะเป็น มาเด้คอลลาเจน เพราะเป็นตัวที่ช่วยปรับโครงสร้างผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความแข็งแรง ลดผดผื่น อาการแพ้ง่าย และเมื่อผิวแข็งแรงแล้ว จะบำรุงด้วยสกินแคร์ หรือเลือกฉีดเมโสหน้าใสตัวอื่นๆ ตามก็จะเห็นผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
วิธีเช็คว่ามาเด้คอลลาเจนเป็นของแท้
ในความจริงแล้วมาเด้คอลลาเจนไม่สามารถจำหน่ายให้บุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ได้ หากเลือกรับบริการที่สถานพยาบาลหรือคลินิกที่น่าเชื่อถือก็จะมั่นใจได้ระดับหนึ่งว่าเป็นของแท้ แต่หากอยากเพิ่มความมั่นใจ สามาถเช็กได้จากข้อสังเกตดังนี้
-ที่บาร์โค้ดจะต้องมีชื่อคลินิกและอาจมีชื่อบริษัทที่ซื้อได้
-มีสติกเกอร์ที่ข้างฝากล่อง และเปิดจากรอยปรุกลางกล่อง
-ตัวยาจะประกอบด้วยมาเด้ 2 cc + คอลลาเจน 2 cc เป็น 4 cc
เมโสหน้าใสต้องทำบ่อยมั้ย ฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล?
สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด ผิวจะดูสุขภาพดี ยืดหยุ่นขึ้น แต่จะยิ่งเห็นได้ชัดเมื่อฉีดไปครั้งที่ 3 – 5 และต่อเนื่องทุกๆ 1 – 2 สัปดาห์ต่อครั้ง ซึ่งจะเห็นผลเร็วช้าก็อยู่ที่สภาพผิวของแต่ละคนอีกที พอถึงระยะนี้ผิวจะมีความเปลี่ยนแปลงให้เห็นอย่างชัดเจน และควรฉีดต่อไปอีกเพื่อคงผลลัพธ์ที่ดี แต่ให้เว้นระยะการฉีดให้ห่างขึ้นกว่าช่วงแรกๆ
หลังฉีดเมโสหน้าใสแล้วเห็นผลเลยมั้ย?
ปกติจะใช้เวลาเห็นผลลัพธ์หลังจากวันที่ฉีดไปแล้ว 1 – 2 สัปดาห์ แต่ในช่วงแรกๆ หลังฉีดประมาณ 3 วันก็จะสามารถรู้สึกได้ว่าผิวเรียบลื่นขึ้นเช่นกัน
ฉีดเมโสหน้าใสแล้วผลลัพธ์อยู่นานกี่เดือน
สามารถคงผลลัพธ์ได้ 1 – 2 เดือน ร่วมด้วยกับการดูแลรักษาผิวด้วยวิธีทั่วไป และหากฉีดอย่างต่อเนื่องทุกๆ 2 – 4 สัปดาห์ จะยิ่งช่วยให้อยู่ได้นานยิ่งขึ้น หลายคนกังวลว่าหากหยุดฉีดเมโสไปแล้วผิวหน้าจะแย่ลงหรือไม่ คำตอบคือ เมโสหน้าใสเป็นเหมือนการบำรุงผิว ไม่ต่างจากทาสกินแคร์ เพียงแต่เข้มข้นและเห็นผลได้ไวและยาวนานกว่า เมื่อหยุดฉีดผิวหน้าจะกลับมาอยู่ในสภาพเดิมกับตอนที่ยังไม่ได้เริ่มฉีด แต่ไม่แย่ลงไปกว่านั้น หากกลับมาฉีดใหม่ผิวก็จะดีขึ้นอีกครั้ง ซึ่งใครที่อยากให้ผลลัพธ์ดีต่อเนื่อง แนะนำให้ฉีดอย่างสม่ำเสมอจะดีกว่า
เมโสหน้าใส ฉีดได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่?
ฉีดได้ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป ไม่มีอันตราย เพราะเป็นตัวยาที่มาจากวิตามินรวม ที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้างให้กังวลใจ หากเลือกฉีดกับสถานพยาบาลหรือคลินิกที่ได้มาตรฐาน โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และต้องมั่นใจว่าเป็นของแท้
หลังฉีดเมโสหน้าใส แต่งหน้าได้มั้ย?
ไม่ควรแต่งหน้าเลยทันทีหลังฉีด เพราะอาจมีสิ่งปนเปื้อนลงไปอุดตันและเข้าสู่ผิวผ่านทางรอยเข็มฉีดยาได้ ควรล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าแทน และเลี่ยงการแต่งหน้าอย่างน้อย 3 ชั่วโมง หากจำเป็นต้องแต่งจริงๆ แต่ทางทีดีควรเว้นไปเลย 1 วันหลังฉีดเมโสหน้าใส
ฉีดเมโสหน้าใสเจ็บรึเปล่า?
ไม่เจ็บมาก เพราะใช้เวลาเพียง 5 – 10 นาที จะมีความรู้สึกเจ็บตอนเดินยาเล็กน้อย ซึ่งมีการประคบเย็นระหว่างฉีดเพื่อช่วยลดอาการ ไม่ถึงขั้นต้องแปะยาชา
วิธีดูแลผิวหน้าใสอื่นๆ นอกจาการทำเมโสหน้าใส มีอะไรบ้าง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน
- ทำความสะอาดหน้าให้สะอาด ควรใช้ผลิตภัณฑ์ลบเครื่องสำอางด้วยทุกครั้งหากมีการแต่งหน้า
- รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เน้นเสริมวิตามินซึ่งเป็นอาหารผิว
- พักผ่อนอย่างเพียงพอ ให้ร่างกายได้ฟื้นฟูการทำงานของเซลล์ต่างๆ
- ออกกำลังกาย กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ให้ไปเลี้ยงผิวได้ดีขึ้น
- ทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกแดด
ผื่นขึ้นหลังฉีดเมโสหน้าใส ปกติมั้ย ทำไมถึงเป็น?
ตามปกติแล้วการฉีดเมโสหน้าใสจะไม่ทำให้เกิดผดผื่น หากมีผื่นขึ้นเป็นไปได้ว่าได้รับตัวยาของปลอมแล้วเกิดอาการแพ้ หรือเพราะอุปกรณ์ที่ใช้ไม่สะอาดทำให้ติดเชื้อ ทุกคนที่ตัดสินใจฉีดเมโสหน้าใสจึงควรต้องเคร่งครัดกับการเลือกสถานที่ให้บริการที่ได้มาตรฐานเพื่อเลี่ยงอาการดังกล่าว
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดเมโสหน้าใส
- เลี่ยงการกด นวด เกา หรือทำกิจกรรมที่รุนแรงต่อผิวหน้า
- งดการแต่งหน้าหรือทาครีมบริเวณที่ฉีดอย่างน้อย 1 วัน เพื่อเว้นช่วงให้ตัวยาซึมเข้าผิว
- ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดได้ หากมีอาการแดง ช้ำเพราะเข็ม
- เลี่ยงไปยังสถานที่ที่แดดจัด และควรทาครีมกันแดดเพื่อเพิ่มการป้องกัน
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่
เมโสหน้าใสฉีดได้ทุกคนมั้ย
มีข้อยกเว้นสำหรับบางคนที่ไม่ควรฉีดเมโสหน้าใส แบ่งเป็น 4 กลุ่มดังนี้
-คนที่แพ้วิตามินเอ บี ซี และอี กลูต้าไทโอน คอลลาเจน รวมทั้งโคเอนไซม์
-มีประวัติแพ้ยาชาแบบทาขั้นรุนแรง
-คนที่มีรอยช้ำเลือดบนผิวหน้า เสี่ยงติดเชื้อง่าย
-อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์และให้นมบุตร
อยากฉีดเมโสหน้าใสต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง?
หลักๆ ต้องมั่นใจว่าเลือกคลินิกที่ปลอดภัย มีอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน สะอาด เชื่อถือได้ เลือกใช้ตัวยาของแท้ที่ผ่านการรับรองของอย. และฉีดด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
ฉีดเมโสหน้าใสราคาแพงมั้ย
ราคาเริ่มต้นต่อเข็มจะอยู่ที่ประมาณ 2,500 บาท ซึ่งหากทำเป็นคอร์ส หลายคลินิกก็มีราคาพิเศษที่ประหยัดขึ้นให้ได้เลือกด้วยเช่นกัน
รีวิวเมโสหน้าใส
สรุปเมโสหน้าใสดีมั้ย? ทำดีหรือเปล่า
สำหรับใครที่ต้องการบำรุงผิวหน้าอย่างล้ำลึก เห็นผลไว แต่ไม่เป็นอันตราย การฉีดเมโสหน้าใสก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ทำได้แบบไร้กังวล หากเลือกทำกับคลินิกที่ได้มาตรฐานก็มั่นใจได้ว่าไม่มีผลข้างเคียง ทั้งนี้ควรได้รับคำปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ เพื่อให้ได้ยี่ห้อและสูตรที่เหมาะสมกับความต้องการด้วยนั่นเอง