fish oil ตั้งครรภ์ น้ำมันปลา ปลาแซลมอน ผู้หญิงท้องยาก วางแผนท้อง

งานวิจัยเผย น้ำมันปลา ดีต่อสตรีวางแผนท้อง และมีบุตรยาก ช่วยปรับปรุงคุณภาพสเปิร์ม

ผู้หญิงวัย 35 ขึ้นไปที่เซลล์ไข่เริ่มเสื่อมคุณภาพ ประสิทธิภาพในการทำงานของรังไข่ลดลง ควรทานโอเมก้า 3 ให้เพียงพอ

Home / HEALTH / งานวิจัยเผย น้ำมันปลา ดีต่อสตรีวางแผนท้อง และมีบุตรยาก ช่วยปรับปรุงคุณภาพสเปิร์ม

“น้ำมันปลา” หรือ “fish oil” นั้น สกัดมาจากปลาทะเลน้ำลึก พบมากในปลาแซลมอน และปลาทูน่า โดยสกัดมาจากผิวหนังของปลา เนื้อปลา และตัวปลา ปลาทะเลมีกรดไขมันหลายชนิด แต่กรดไขมันที่มีมากในน้ำมันปลาทะเล คือ Docosahexaenoic acid (DHA) และ Eicosapentaenoic acid (EPA) ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวใน กลุ่มโอเมก้า3 ขณะเดียวกันก็พบได้ในปลาน้ำจืด เช่น ปลาดุก ปลาช่อน และปลาสวาย แต่อาจมีปริมาณโอเมก้า 3 ที่ต่ำกว่า อีกทั้งชนิดของเนื้อปลาจะมีปริมาณไขมัน DHA และ EPA แตกต่างกันไป ซึ่งกรดไขมันทั้งสองชนิดนี้มีส่วนช่วยต้านการอักเสบ ลดระดับไขมันที่เป็นอันตราย เพิ่มไขมันดีในเลือด ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ช่วยเสริมสร้างเซลล์สมองและดวงตา

น้ำมันปลา ดีต่อสตรีวางแผนท้อง และมีบุตรยาก

ในส่วนของการเสริมภาวะเจริญพันธุ์ (fertility) นั้น โอเมก้า 3 ช่วยเพิ่มการสร้าง nitric oxide ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงอวัยวะสืบพันธุ์ได้ดีขึ้นมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มคุณภาพเซลล์ไข่ โดยเฉพาะผู้หญิงวัย 35 ขึ้นไปที่เซลล์ไข่เริ่มเสื่อมคุณภาพ ประสิทธิภาพในการทำงานของรังไข่ลดลง ควรทานโอเมก้า 3 ให้เพียงพอ นอกจากนี้โอเมก้า 3 ยังมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มคุณภาพของสเปิร์มอีกด้วย

ครูก้อย นัชชา ลอยซูศักดิ์ ที่ปรึกษาเตรียมตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยากตามหลักวิทยาศาสตร์ และผู้ก่อตั้งเพจ babyandmom.co.th ได้ให้ข้อมูลว่า ไขมันมี 2 ประเภท ได้แก่ ไขมันไม่อิ่มตัว คือ ไขมันดี เป็นไขมันจำเป็น (Essential Fatty acid) ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ต้องได้รับเข้าไปจากการทานอาหาร หรือได้รับจากอาหารเสริมสกัด เช่น น้ำมันปลา หรือที่เรียกว่า Fish oil ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิง ช่วยในการเสริมสร้างภาวะเจริญพันธุ์และช่วยเพิ่มคุณภาพของไข่ และเพิ่มความหนาให้กับผนังมดลูกให้พร้อมรับการฝังตัวของตัวอ่อน และไขมันอีกประเภทหนึ่งที่ผู้หญิงวางแผนท้องต้องหลีกเลี่ยงคือ ไขมันอิ่มตัว คือ ไขมันจากสัตว์ หรือไขมันทรานส์ (Trans Fat) หรือเรียกว่า ไขมันเลว ซึ่งผู้หญิงวางแผนตั้งครรภ์ต้องงด เพราะมีงานวิจัยชี้ว่า ผู้หญิงที่กินไขมันทรานส์ ( Trans Fat) ท้องยาก

มีรายงานการศึกษาวิจัย จาก National Institute of Health (NIH) สถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ได้ทำการศึกษางานวิจัยเกี่ยวกับภาวะเจริญพันธุ์ที่เกี่ยวพันกับไขมันอิ่มตัว และภาวะเจริญพันธุ์ของผู้หญิง พบว่าการทานอาหารที่มีไข่มันอิ่มตัวสูง ทำให้เกิดภาวะไข่ไม่ตกสูงขึ้น โดยทุก 2 % ที่ทานไขมันอิ่มตัวเข้าไป ส่งผลให้ไข่ไม่ตกถึง 73% ซึ่งนอกจากจะทำให้ภาวะเจริญพันธุ์ลดลงแล้ว ยังก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดด้วย

อีกงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Aging Cell เมื่อปี 2012 จาก Harvard Medical School ประเทศสหรัฐอเมริกา รายงานว่าการได้รับโอเมก้า 3 จะช่วยยืดอายุระบบสืบพันธุ์และช่วยปรับปรุงคุณภาพไข่ และจากงานวิจัยของสถาบัน University of Colorado Advanced Reproductive Medicine เมื่อปี 2016 ได้นำเสนอในที่ประชุม American Society for Reproductive Medicine Meeting ได้รายงานการทดลองกับหนูทดลองที่รับโอเมก้า 3 พบว่า หนูทดลองมีไข่ที่อยู่ในภาวะเจริญพันธุ์ที่สามารถปฏิสนธิกลายเป็นตัวอ่อนที่มีชีวิตได้มากกว่า กล่าวคือคุณภาพของเซลล์ไข่จะมีคุณภาพมากกว่าสัตว์ที่ไม่ได้รับโอเมก้า3 ซึ่งไข่ที่มีคุณภาพนี้เองมีโอกาสที่จะพัฒนาไปเป็นตัวอ่อนที่มีคุณภาพได้ในอนาคต (embryo development)

นักวิจัยจึงสรุปเบื้องต้นได้ว่าโอเมก้า 3 มีส่วนช่วยเพิ่มภาวะเจริญพันธุ์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของรังไข่ (ovarian reserve) การตกไข่ (ovulation) และเพิ่มคุณภาพของเซลล์ไข่ อย่างไรก็ตามยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในมนุษย์ต่อไป

ยังมีอีกงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร The American Journal of Clinical Nutrition เมื่อปี 2016 ศึกษาพบว่าการรับประทานอาหารที่มีโอเมก้า 3 สูงมีส่วนในการ “ช่วยลดภาวะไข่ไม่ตก” (anovulation) นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนตัวสำคัญในการทำให้มดลูกหนาตัวเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์อีกด้วย

ต่อมาในปี 2017 University of Colorado Advanced Reproductive Medicine ได้ศึกษาอย่างต่อเนื่องในผลของทานโอเมก้า 3 ต่อภาวะเจริญพันธุ์ ที่ได้นำเสนอในงานสัมมนา Endocrine Society ได้เสนอผลการวิจัยที่ทดลองกับผู้หญิงที่อยู่ในภาวะอ้วน (Obese women) ซึ่งโรคอ้วนเป็นสาเหตุหนึ่งของภาวะมีบุตรยาก และทำให้ร่างกายอักเสบ ซึ่งการอักเสบก็เป็นสาหตุหนึ่งของการมีบุตรยากเช่นกัน ผลการศึกษาพบว่าโอเมก้า 3 ช่วยเพิ่มฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ช่วยให้ไข่ตกเป็นปกติขึ้น และฮอร์โมนตัวนี้มีส่วนช่วยให้มดลูกพร้อมรับการฝังตัวของตัวอ่อน การทานโอเมก้า 3 จึงมีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ ยิ่งไปกว่านั้นโอเมก้า 3 ยังช่วยลดการอักเสบเรื้อรัง จากการทดลองพบว่าระดับค่าความอักเสบของผู้หญิงในกลุ่มทดลองลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

จากวารสาร Human Reproduction ปี 2017 เป็นงานวิจัยของ Harvard T.H. Chan School of Public Health ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้แนะนำว่า การทานโอเมก้า3 เป็นการเตรียมความพร้อมอย่างหนึ่งก่อนเข้าสู่กระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว หรือเตรียมไข่ และช่วยเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์สูงขึ้น

โดย ครูก้อย นัชชา กล่าวสรุปว่า โอเมก้า 3 ในน้ำมันปลา (Fish oil) เหมาะสำหรับผู้หญิงเตรียมตั้งครรภ์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีบุตรยาก ซึ่งจากการศึกษางานวิจัยหลากหลายฉบับสามารถสรุปประโยชน์ของ โอเมก้า 3 ในน้ำมันปลา (Fish oil) ได้ดังนี้

สำหรับผู้หญิงเตรียมก่อนตั้งครรภ์

น้ำมันปลา (Fish oil) ช่วยทำให้การตกไข่เป็นปกติ การปรับสมดุลฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิง ช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมน โปรเจสเตอโรน ( Progesterone ) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้ไข่ตกปกติ และช่วยให้ผนังมดลูกหนาขึ้น พร้อมรับการฝังตัวของตัวอ่อน ช่วยปรับปรุงคุณภาพของเซลล์ไข่ และยืดระยะภาวะรังไข่เสื่อมออกไป

สำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์

ในน้ำมันปลา (Fish oil) มี โอเมก้า 3 มี DHA ที่จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพดวงตา สมอง และ เสริมสร้างระบบประสาทของทารกให้แข็งแรง นอกจากนี้ โอเมก้า 3 ยังให้ EPA ซึ่งช่วยดูแลลูกน้อยในครรภ์ให้แข็งแรง ช่วยป้องกันการคลอดก่อนกำหนด ช่วยเพิ่มน้ำหนักของลูกในครรภ์ ช่วยลดความเครียดหรืออาการซึมเศร้าของแม่หลังคลอดได้ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มน้ำนมสำหรับคุณแม่หลังคลอดอีกด้วย

สำหรับบุคคลทั่วไป

น้ำมันปลา (Fish oil) ช่วยดูแลสุขภาพ ลดคอเลสเตอรอล ลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเกิดจากร่างกายได้รับจากอาหารประเภทไขมันโดยตรง หรือ ร่างกายสร้างขึ้นเมื่อรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป และช่วยเพิ่มระดับไขมันดี

งานวิจัยเผยน้ำมันปลา (Fish oil) ช่วยปรับปรุงคุณภาพของสเปิร์มได้

ในส่วนของผู้ชายนั้นมีงานวิจัยหลายฉบับที่ได้ศึกษาถึงความสัมพันธ์ของโภชนาการและคุณภาพของสเปิร์มพบว่ามีความสัมพันธ์กัน โดยการรับประทานอาหารที่มีโอเมก้า 3 สูงช่วยปรับปรุงคุณภาพของสเปิร์มได้

นักวิจัยศึกษาต่อเนื่องถึงเรื่องของการรับประทานปลาทะเลที่มีโอเมก้า 3 และการทานอาหารเสริม Fish Oil ที่มีโอเมก้า 3 สูง ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของสเปิร์มพบว่า โอเมก้า 3 ช่วยให้สเปิร์มมีคุณภาพดีขึ้นและอาจช่วยแก้ปัญหาภาวะมีบุตรยากที่มีสาเหตุมาจากฝ่ายชาย (male Infertility)ได้

โดย ครูก้อย นัชชา ได้กล่าวว่า จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Asian Journal of Andrology เมื่อปี 2012 พบว่ าโอเมก้า 3 ช่วยเสริมการทำงานของระบบการสร้างน้ำอสุจิของมนุษย์ได้ดีขึ้น ส่งผลต่อการเพิ่มจำนวนสเปิร์ม (sperm count) การเคลื่อนไหวของสเปิร์ม (sperm motility) และรูปร่างของสเปิร์มที่สมบูรณ์ขึ้น (sperm morphology)

จากงานวิจัยนี้ได้อ้างถึงงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Andrologia เมื่อปี 2011ได้ทำการศึกษาผู้ชายที่มีบุตรยาก 238 คน โดยให้ทานโอเมก้า 3 ประเภท EPA และ DHA ปริมาณ 1.84 กรัมต่อวัน เป็นเวลา 32 สัปดาห์ พบว่า จำนวนสเปิร์มและความหนาแน่นของเซลล์สเปิร์มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ดังนั้น ผู้หญิงเตรียมบำรุงก่อนตั้งครรภ์ต้องเสริมด้วย Fish Oil โดยปริมาณที่ควรรับประทาน น้ำมันปลา (Fish oil) ต่อวันวันละ 500-1,000 มิลลิกรัม ทานหลังอาหาร เพื่อเพิ่มคุณภาพเซลล์ไข่และให้คุณสามีทานด้วยเพื่อสเปิร์มที่แข็งแรง สำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานเพื่อความปลอดภัย ครูก้อย นัชชา กล่าวสรุป.

ข้อมูลจาก: Research Talk โดย ครูก้อย นัชชา ลอยชูศักดิ์ ผู้ก่อตั้งเพจ Babyandmom.co.th