ยังมีหลายคนอีกมากที่เข้าใจผิดและคิดว่าการแปรงฟันให้สะอาดต้องขัดแรงๆเน้นๆ ฟันจะได้สะอาดเอี่ยมอ่อง (นี่ฟันนะคะ ไม่ใช่กระเบื้องห้องน้ำ ) ที่จริงแล้วมันเป็นการแปรงฟันที่ผิดมหันต์ค่ะคุณขา เพราะการแปรงฟันแรงๆ ไม่ได้แค่ทำให้ฟันสะอาดเพียงอย่างเดียว แต่คุณจะได้อาการเหงือกอักเสบ เหงือกร่น และปัญหาเหงือกตามมาอีกมากมาย และรู้ไหมคะว่าการดูแลเหงือกให้แข็งแรงนั้นสำคัญไม่แพ้การดูแลฟันให้สะอาดแข็งแรงเลยล่ะค่ะ และสำหรับใครที่ต้องเปลี่ยนแปรงสีฟันบ่อยกว่าปกติ หรือใช้แปรงสีฟันไม่กี่ครั้งขนแปรงก็เริ่มบานแล้ว นี่อาจเป็นสัญญาอันดับแรกๆที่บอกว่าคุณใช้มันบดขยี้ลงไปที่เหงือกและฟันรุนแรงเกินไปค่ะ
เริ่มสังเกตเห็นเหงือกร่นมากขึ้น นี่เป็นสัญญาณว่าเหงือกถูกทำร้ายจากการแปรงฟันที่แรงเกินไป จนทำให้ผิวเหงือกร่นขึ้นไป และอาจส่งผลเสียต่อฟันได้มากมาย ไปจนถึงการทำร้ายรากฟัน
รู้สึกเสียวฟันบ่อยๆ อาจเป็นสาเหตุต่อเนื่องมาจากเหงือกร่น และทำให้เส้นประสาทของฟันถูกกระทบได้ง่ายขึ้นเมื่อเจอกับของร้อนหรือเย็นจัด หรือไม่สามารถกัดอาหารแข็งๆได้
ขนแปรงสีฟันดูยับเยิน เพราะเกิดจากการเสียดสีที่รุนแรงเกินไป รวมทั้งการเลือกใช้แปรงสีฟันที่ขนแข็ง ก็ทำให้เกิดปัญหากับเหงือกและฟันได้เช่นกัน ดังนั้นหากรู้สึกว่าเพียงแค่1-2 อาทิตย์ แปรงสีฟันเริ่มเยินแล้ว หลังจากเพิ่งแกะของใหม่มาใช้งาน แสดงว่าคุณแปรงฟันแรงเกินไปแล้ว
ขอบฟันที่อยู่ชิดกับเหงือกเริ่มมีสีเข้มขึ้น นั่นแสดงถึงปัญหาสุขภาพฟันที่กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว และจำเป็นต้องได้รับการรักษาและป้องกันการเกิดเพิ่มมากขึ้น
วิธีแก้ไขเมื่อคุณรู้ตัวตัวเองแปรงฟันแรงเกินไป
1 เลือกใช้แปรงที่ขนนุ่มเป็นอันดับแรก และให้ถือแปรงสีฟันทำมุม 45องศาเข้าหาฟันและแปรงเบาๆไปมา หากคุณมักจะลืมตัวให้ลองใช้มือข้างที่ไม่ถนัดเพื่อลดแรงกด
2 เปลี่ยนมาใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า ส่วนใหญ่แล้วแปรงสีฟันไฟฟ้ามักจะมีระบบเตือนเมื่อคุณออกแรงมากเกินไป ไฟสัญญาณบนแปรงจะเปลี่ยนสีเพื่อทำให้คุณรู้ว่าหนักมือเกินไป หรือหากไม่มีแบบเตือนก็ไม่เป็นไร เพราะส่วนใหญ่แปรงสีฟันไฟฟ้า จะทำงานในความแรงที่พอดี ขอเพียงคุณดูตามคำแนะนำที่มีก็เพียงพอ
3 ลองเปลี่ยนวิธีจับแปรงสีฟัน จะช่วยลดแรงกดเวลาแปรงไม่ให้แรงเกินไปได้ เช่นปกติคนทั่วไปมักจะกำแปรงสีฟันด้วยนิ้วทั้ง5 ให้ลองเปลี่ยนมาจับเหมือนเวลาจับปากกาด้วยนิ้วเพียง3นิ้วดูเวลาแปรงฟัน ก็จะช่วยลดน้ำหนักลงได้
