“A.P. Honda” ประกาศยกระดับโครงการ “Race to the Dream” สู่มาตรฐานระดับโลก HRC เขย่าวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย พร้อมชวนคนไทย เชียร์นักแข่งหนึ่งเดียวของไทยในการแข่งขันระดับโลก Moto2
“A.P. Honda” ผู้นำวงการ Motorsport ไทยประกาศแผน Motorsport ปี 2019 ยกระดับโครงการ “Race to the Dream” สู่มาตรฐานระดับโลก HRC เพิ่มความเข้มข้นในการพัฒนานักบิดทุกระดับ เดินหน้าเต็มสูบตามโร้ดแม็ปผลักดันนักบิดสายเลือดไทยไปสู่สังเวียนระดับโลก ส่ง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ดาวรุ่งไทยวัย 20 ปี ขยับเข้าร่วมการแข่งขันชิงแชมป์โลกรุ่น โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ แบบเต็มฤดูกาลกับสังกัด “อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย” พร้อมชวนคนไทย เชียร์นักแข่งหนึ่งเดียวของไทยในการแข่งขันระดับโลก โมโตทู
เมื่อวันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด แถลงข่าวนโยบายด้านมอเตอร์สปอร์ตประจำฤดูกาล โดยนับเป็นการขยับตัวครั้งใหญ่เพื่อก้าวตามโร้ดแม็ปสร้างนักบิดสายเลือดไทย เข้าสู่การแข่งขัน “MotoGP” ให้ได้ภายในปี 2025 ในโครงการ “Race to the Dream” พร้อมเพิ่มระดับความเข้มขันเทียบเท่ามาตรฐานระดับโลกอย่าง HRC หรือ Honda Racing Corporations
สุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด กล่าวถึง แนวทางด้านมอเตอร์สปอร์ตของฮอนด้า ในปี 2019 ว่า “เอ.พี. ฮอนด้า บุกเบิกส่งนักแข่งสัญชาติไทยไปลุยสังเวียนระดับเอเชียและระดับโลกมาอย่างยาวนาน เราทุ่มเทผลักดันสร้าง นักแข่งไทยที่มีศักยภาพระดับโลก ไปเป็นตัวแทนในรายการระดับเวิลด์กรังด์ปรีซ์มาโดยตลอด ล่าสุดโครงการสร้างนักแข่งไทยสู่สนามระดับโลก ได้ถูกกำหนดอย่างเป็นขั้นตอนตามเส้นทาง Race To The Dream ตั้งแต่ปี 2017 โดยเริ่มตั้งแต่การค้นหาเด็กที่มีพรสวรรค์มาฝึกฝนทักษะการขับขี่อย่างถูกวิธี และฝึกความแข็งแกร่งของร่างกาย เพื่อให้สามารถก้าวขึ้นสู่สนามระดับโลกได้อย่างแข็งแกร่งในนามประเทศไทย ซึ่งในปีที่ 3 ของแผน Race to The Dream นี้ เราได้ยกระดับการพัฒนาในแต่ละขั้นสู่มาตรฐานทีมแข่งระดับโลก HRC (Honda Racing Corporation) องค์กรพัฒนานักแข่งและรถแข่งระดับโลกของฮอนด้าที่มีผลงานในการสร้างแชมป์ให้ฮอนด้าสูงสุดระดับโลก
โดยในแผนพัฒนาสู่มาตรฐานระดับโลก มี 5 เรื่องหลัก คือ
1. เริ่มที่ Racing Machine A.P. Honda มีการนำเข้าพร้อมกำหนดให้โครงการขั้นต้นของโรดแม็ป ใช้รถแข่งระดับโลกที่ใช้ในการ
ฝึกซ้อมอย่าง Honda NSF100 สำหรับโครงการ เอ.พี. ฮอนด้า อะคาเดมี เช่นเดียวกับโรงเรียนเรซซิ่งระดับชั้นนำอื่น ๆ ของโลก รวมถึงรถแข่ง Honda NSF250 มาตรฐานเดียวกับ Moto3 มาใช้แข่งขันในรายการ ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ เพื่อสร้างความคุ้นเคยก่อนขยับขึ้นสู่การแข่งขัน เอเชีย ทาเลนต์ คัพ และ Moto3 ต่อไป
2. พัฒนาทักษะการขับขี่ให้แก่นักแข่งแบบก้าวกระโดด ด้วยโครงการแลกเปลี่ยนนักแข่ง Rider Exchange Project ที่ดำเนินการร่วมกับ Mobility Land ผู้บริหารสนาม Suzuka แห่งประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้โอกาสนักแข่งในรายการ Thailand Talent Cup และรายการ Suzuka Sunday Road Race ได้มีประสบการณ์การแข่งขันที่สนามใหม่ๆที่ไม่คุ้นเคย นอกจากนั้น ยังเพิ่มโอกาสในการฝึกฝนทักษะการขับขี่ขั้นสูงด้วยการท้าทายให้นักแข่งได้ลงแข่งสะสมประสบการณ์ในรายการแข่งที่สูงกว่ารายการหลักของตน อาทิ ก๊อง ธัชกร และ ฟิล์ม ปิยวัฒน์ นักแข่งในรายการ ATC 2019 ควบการแข่งในรุ่น AP250 ซีซี รายการ ARRC
3.พัฒนาศักยภาพความฟิตพร้อมทางร่างกายของนักแข่ง ด้วยการออกแบบโปรแกรมฝึกอบรมใหม่ มาตรฐานระดับทีมแข่ง HRC โดยกำหนดให้มีการฝึกสอน และ ฝึกปฎิบัติอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการทดสอบสมรรถร่างกาย พร้อมการให้คำแนะนำแบบตัวต่อตัว จาก HRC Support Trainer ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาศักยภาพร่างกายจาก HRC
4. พัฒนาทักษะช่างทีมแข่งตามมาตรฐาน HRC โดยการสนับสนุนจาก HRC Technical Master
5. เน้นสร้างประชากรนักแข่งหน้าใหม่ เพื่อค้นหาดาวรุ่งช้างเผือกเข้าสู่วงการ ตั้งแต่การ Pre – Audition โดยมอบหมายให้ ฟิล์ม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิด Moto2 คนแรกของประเทศไทย ผู้มีประสบการณ์ทั้งในการเรียนรู้ฝึกฝน การแข่งขันพัฒนาทักษะ และการเป็นไรเดอร์โค้ช มาเป็น Race Ambassador ในโครงการ Race To The Dream เพื่อสื่อสารกับสาธารณชน และสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยยุคใหม่ ชื่นชอบและสนใจเป็นนักแข่งรถจักรยานยนต์ เพื่อเข้าร่วมในการพัฒนาฝึกซ้อมให้เป็นนัก แข่งที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับโลก ที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยต่อไปในอนาคต
“ความมุ่งหวังหลักของ A.P. Honda ในการผลักดันนักแข่งไทยสู่สนามระดับโลกตามโครงการ Race to The Dream คือ เพื่อสร้างให้กีฬามอเตอร์สปอร์ตกลายเป็นกีฬายอดนิยมของคนไทยทุกเพศทุกวัย เพื่อให้คนไทยได้เชียร์นักแข่งไทยในสนามระดับโลก” สุชาติ อรุณแสงโรจน์ กล่าวเพิ่มเติม
โดยปีนี้ A.P. Honda ได้ขยับตัวครั้งใหญ่เพื่อเข้าใกล้เป้าหมายการพานักบิดไทยเข้าสู่การแข่งขัน MotoGP ด้วยการส่ง “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดดาวรุ่งอายุน้อยสุดของไทยในเวทีระดับโลกด้วยวัยเพียง 20 ปี ลงแข่งขันในศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก รุ่น “Moto2 World Championship” แบบเต็มฤดูกาล ร่วมกับสังกัด “Idemitsu Honda Team Asia” หลังฉายแววคว้าแชมป์ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ ในปี 2016 ก่อนจะขยับขึ้นไปโลดแล่นในจูเนียร์ทีมของฮอนด้า ในรายการ “FIM CEV Moto3 Junior World Championship” ในปี 2017-2018 ด้วยผลงานโดดเด่นมีลุ้นแชมป์และโพเดียมหลายสนาม พร้อมกับคว้าอันดับ 9 จากการแข่งขันด้วยสิทธิ์ไวด์การ์ดในศึก โมโตทรี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2018 สนามที่ 15 ในรายการ PTT Thailand Grand Prix ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์”
สุชาติ อรุณแสงโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย เชิญชวนคนไทย ร่วมเชียร์นักแข่งหนึ่งเดียวของไทย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา หมายเลข 35” ในการแข่งขันระดับโลก รุ่นโมโตทูเต็มฤดูกาล ย้ำความมั่นใจเชื่อมั่นในฝีมือนักแข่งไทย “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา จะสามารถสร้างเซอร์ไพรส์ให้แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย ได้ประทับใจกับการคว้าแต้มสุดล้ำค่าในโฮมเรซบ้านเกิดได้อีกครั้งแน่นอน
สำหรับ สมเกียรติ ได้รับฉายาว่า “คิงคองก้อง” ซึ่งมีที่มาจากการที่ทีมงานชาวต่างชาติ เรียกชื่อเล่น “ก้อง” แต่ออกเสียงเป็น “คอง” ประกอบกับรูปร่างสูงใหญ่ของนักบิดไทยที่แสดงถึงความแข็งแกร่ง แต่มีความคล่องแคล่วว่องไว ส่งผลให้กลายมาเป็นฉายาใหม่สำหรับการลุยศึก Moto2 ในฤดูกาล 2019 ภายใต้รถแข่งหมายเลข 35
ในส่วนของการเฟ้นหาดาวรุ่งดวงใหม่ที่มีพรสวรรค์ในการขับขี่ให้เป็นไปตามโรดแม๊ปที่วางไว้ ในปี 2019 เริ่มที่โครงการ เอ.พี. ฮอนด้า อะคาเดมี ไทยแลนด์ A.P. Honda ยังคงดำเนินการคัดเลือกเยาวชน อายุระหว่าง 9-14 ปี จำนวน 15 คน เพื่อเข้าร่วมโปรแกรมพัฒนานักแข่งรถจักรยานยนต์มืออาชีพอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่สอง โดยปีนี้เราได้เด็กใหม่ที่ผ่านการออดิชั่นเข้ามาเป็นนักแข่งรุ่นที่ 2 ของโครงการจำนวน 9 คน รวมกับเด็กเก่ารุ่นแรกอีกจำนวน 6 คน ลงทำการแข่งขันแบบเก็บคะแนนกันทั้งสิ้น 10 สนาม
ขยับขึ้นไปอีกโครงการ คือ Honda Thailand Talent Cup ปีนี้ถือเป็นปีที่ 4 และเรามีเด็กจากโครงการ เอ.พี. ฮอนด้า อะคาเดมี ขยับขึ้นมาเข้าร่วมโครงการได้มากถึง 5 คน ซึ่งเป็นการเข้ามาตามสิทธิ์ของแชมป์และรองแชมป์การแข่งขันจำนวน 3 คน เป็นเด็ก เอ.พี. ฮอนด้า อะคาเดมี ที่สมัครเข้าร่วมการคัดเลือกหรือออดิชั่นตามกฎเกณฑ์ที่บริษัท ฯ กำหนดไว้ได้เพิ่มอีก 2 คน ที่เหลือจะเป็นเด็กเก่าจากโครงการ Thailand Talent Cup ในปีก่อนหน้าอีก 5 คน และอีก 2 คน เป็นเด็กจากทีมแข่งอิสระที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ ที่เหลือจะเป็นนักแข่งนานาชาติที่ขอเข้าร่วมการแข่งขันอีก 7 คน รวมทั้งสิ้นในปีนี้ จะมีนักแข่งในโครงการจำนวน 19 คน และจะตัดสินแชมป์ประจำปีจากการแข่งขันแบบเก็บคะแนนทั้งสิ้น 7 สนาม
ส่วนในระดับภูมิภาคเอเชีย A.P. Honda ส่งนักแข่งดาวรุ่งอย่าง “ก๊อง” ธัชกร บัวศรี, “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ และ “บิว” วริทธิ์ ทองนพคุณ 3 ดาวรุ่งที่ขยับขึ้นมาจากรายการ “ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ” ลงดวลความเร็วในโปรแกรมเฟ้นหาดาวรุ่งจากทวีปเอเชีย เข้าร่วมการแข่งขันรายการ “Idemitsu Asia Talent Cup 2019” ในขณะที่ทั้ง “ก๊อง”-ธัชกร และ “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ยังได้รับโอกาสให้ฝึกฝนฝีมือเพิ่มเติม ในการเข้าร่วมการแข่งขันรายการ Asia Road Racing Championship 2019 ภายใต้สังกัดทีมแข่ง “เอ.พี. ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” เป็นคู่หูคู่ใหม่ที่จะร่วมผลึกกำลังกับยอดนักบิดสาวแกร่งขวัญใจคนไทย “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช ลงล่าความสำเร็จในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. รวมถึงขยับ “นิว” กฤชพร แก้วสนธิ ขึ้นมาแข่งในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซี.ซี. คู่กับนักแข่งฝีมือดีอย่าง “แชมป์” ภาสวิชญ์ ฐิติวรารักษ์
นอกจากนี้ A.P. Honda ยังส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันรายการชิงแชมป์ประเทศไทย FMSCT Thailand Supercross 2019 ในรุ่น MX2-A นำทีมโดย รองแชมป์อันดับ 2 “แซ้ง” กฤษฎา จำรูญจารีต ร่วมด้วย “กั๊ก” ปิยะนัฐ เกิดศิริ และนักแข่งหน้าใหม่เจ้าของตำแหน่งแชมป์รุ่น MX2-B ที่เพิ่งขยับขึ้นมาขี่ในคลาสนี้เป็นครั้งแรกอย่าง “โอชิ” พัสกร ปริยวงศธร เพื่อสานต่อความสำเร็จในการแข่งขันประเภททางฝุ่นและสร้างนักบิดรุ่นใหม่เข้าสู่ทีมอย่างต่อเนื่อง
สำหรับ แฟนๆ ความเร็วชาวไทยสามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของนักบิดไทยในโครงการ “Race to the Dream” และผลการแข่งขันของ “คิงคองก้อง” สมเกียรติ จันทรา ในศึก Moto2 World Championship 2019 ได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ รถจักรยานยนต์ฮอนด้า (Honda Motorcycle Thailand) www.facebook.com/hondamotorcyclethailand/ พร้อมรับชมการแข่งขันได้ผ่านทางช่อง Fox Sports ในทุกสนามการแข่งขัน