งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 นี้ ถือได้ว่าเป็นปีแห่งวงการยานยนต์ไฟฟ้าของไทยที่จัดหนักจัดเต็มรูปแบบ ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ ทุกระดับ ทุกไลฟ์สไตล์ และทุกสัญชาติ เพื่อการต้อนรับนโยบายกระตุ้นใช้รถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาล และการปรับราคาใหม่ ทำให้ผู้ร่วมงานหันมาให้ความสนใจรถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น
ขณะเดียวกันในงานนี้ยังได้พบกับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติไทยที่ร่วมออกบูธกัน ซึ่งการมาในครั้งนี้ถือได้ว่าไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง เพราะแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติไทย และแบรนด์ร่วมทุนจากบริษัทชั้นนำของโลก ได้นำเสนอยานยนต์ไฟฟ้าที่หลากหลายไม่แพ้ใคร และไม่ธรรมดา ตั้งแต่รถสกู๊ตเตอร์ รถยนต์ขนาดเล็ก แพลตฟอร์มรถ ไปจนถึงรถบัสไฟฟ้าขนาดใหญ่ ที่ผู้เข้าชมงานต้องไปสัมผัสอย่างใกล้ชิดสักครั้งในชีวิต
Takano Auto Thailand / Takano.bkk
เริ่มแรกด้วยแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มีตัวรถกระบะไฟฟ้าชูโรงอย่าง TTE-500 แม้จะเปิดตัวมานานกว่า 2 ปีแล้ว แต่ก็ยังได้รับความสนใจจากแฟน ๆ รถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นรถกระบะไฟฟ้าที่ขับขี่และบรรทุกของได้จริง ดีไซน์น่ารักโดดเด่น ภายในมาพร้อมออพชั่นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนไทย และตัวรถรองรับการชาร์จไฟบ้านได้อย่างง่ายดาย โดยชาร์จไฟ 1 ครั้งจะเสียค่าสิ้นเปลืองเพียง 60 บาท และหากชาร์จเต็ม 1 ครั้งจะวิ่งได้ไกลกว่า 100 – 120 กิโลเมตร และรองรับการคัสตอมได้ตามต้องการ
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือรถจักรยานยนต์สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า TM350 – TM500 ที่มาพร้อมดีไซน์ทันสมัย กะทัดรัด พร้อมฟีเจอร์ที่ทันสมัยครบครัน สมรรถนะจากมอเตอร์ไฟฟ้า 3,500 – 5,000 วัตต์ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟสความจุตั้งแต่ 2.2 ถึง 2.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ความเร็วสูงสุดตั้งแต่ 70 – 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนระยะทางต่อความจุแบตเตอรี่จะอยู่ที่ 70 – 80 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง
นอกจากนี้ภายในงานยังได้จัดแสดงรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่น ๆ อาทิ รถสองแถวขนาดใหญ่ ไปจนถึงรถกระบะขนาด 1 ตัน ที่ดัดแปลงส่วนท้ายเป็นที่บรรทุกสินค้าพร้อมหลังคา และเสริมด้วยแผงโซล่าเซลล์ ที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา ปิดท้ายด้วยข้อเสนอดี ๆ สำหรับลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของ Takano TTE-500 ภายในงานนี้ด้วย
Sakun.C
ทางด้านแบรนด์ “สกุลฎ์ซี” ผู้ผลิตมินิบัส และเรืออะลูมิเนียมของไทย ที่ในเวลานี้ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้าด้วยรถบัสไฟฟ้าตัวถังอะลูมิเนียมที่พัฒนาโดยกลุ่มโชคนำชัย
ซึ่งไฮไลท์ของงานนี้คือรุ่นความยาว 12 เมตร แบบ low floor 39+1 ที่นั่ง 53 ยืน มอเตอร์ไฟฟ้าเหนี่ยวนำ 220 กิโลวัตต์ (สูงสุด), 110 กิโลวัตต์ (ต่อเนื่อง) แรงบิดสูงสุด 3,000 นิวตันเมตร (สูงสุด) พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมเหล็กฟอตเฟส (LiFePO4) 207 กิโลวัตต์ชั่วโมง รองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส แบบ 2 ขนาด 70 กิโลวัตต์
ประกอบกับทีมผู้ผลิตได้พัฒนาตัวถังและชิ้นส่วนอะลูมิเนียมที่มีความทนทานสูง ไม่ว่าจะทนทานต่อการถูกชน และทนทานต่อทุกสภาวะอากาศ น้ำหนักเบา อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างเต็มที่ ทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร
นอกจากนี้ยังมีรุ่นความยาว 7 เมตร 20+1 ที่นั่ง ที่วางจำหน่ายแล้วในรุ่นใช้น้ำมัน และรุ่นพลังงานไฟฟ้า โดยผู้สนใจามารถทดลองนั่งรถบัสตัวถัง-แชสซีอะลูมิเนียมฝีมือคนไทย 100% ได้อย่างเต็มที่ภายในงานนี้เท่านั้น
Horizon+
แบรนด์ผู้ผลิตและประกอบรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้เครือบริษัทลูก ARUN+ ที่จัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่าง ปตท. และ Foxconn Technology Group ที่ได้ประกาศร่วมทุนกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเดือนกันยายน 2564 ที่ผ่านมา พร้อมแผนการจัดตั้งโรงงานฐานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจรบนพื้นที่กว่า 350 ไร่ ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
ควบคู่กับการเผยโฉมแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้า MIH Platform จาก Foxconn ที่จะได้รับการผลิตในโรงงานนี้ด้วย
MIH Platform เป็นฐานช่วงล่างของรถยนต์ไฟฟ้าแบบ Open EV Platform ที่ได้รับการออกแบบและพัมนาให้มีความแข็งแรง ทนทาน และปรับโครงสร้างได้หลากหลายตั้งแต่รถซิตี้คาร์ขนาดเล็ก รถเก๋ง SUV ไปจนถึงรถบัสขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้ลดทั้งเวลาการผลิต ประหยัดงบประมาณในการพัฒนารถรุ่นใหม่ในอนาคต ส่งผลให้รถที่ผลิตจากแพลตฟอร์มนี้มีราคาที่ถูกลงเมื่อวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
สำหรับรถที่ได้รับการผลิตบนพื้นฐานแพลตฟอร์มนี้ ประกอบด้วย Foxtron Model C ยนตรกรรมครอสโอเวอร์ 7 ที่นั่ง สมรรถนะสูงสุด 400 แรงม้า อัตราเร่ง 0 100 กม./ชม. ภายใน 3.8 วินาที วิ่งได้ไกลถึง 700 กม./ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง และ Foxtron Model E ยนตรกรรมซีดานไฟฟ้า สมรรถนะสูงสุด 750 แรงม้า อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 2.8 วินาที วิ่งได้ไกลถึง 750 กม./ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง
แฟน ๆ ที่หลงไหลรถยนต์ไฟฟ้าที่เปี่ยมไปด้วยความล้ำสมัย และปลอดมลพิษ รีบหาโอกาสเยี่ยมชมรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ไทยที่ไม่ธรรมดา และผลงานการดัดแปลงจากรถยนต์น้ำมันสู่รถยนต์ไฟฟ้าที่น่าตื่นตาตื่นใจเพื่อพิสูจน์ศักยภาพของผู้พัฒนาชาวไทยที่ตอบโจทย์คนไทยได้สูงสุดในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี ถึงวันที่ 3 เมษายนนี้เท่านั้น