ประเด็นสำคัญ
- Chevrolet Silverado EV รถกระบะไฟฟ้าที่พัฒนาบนแพลตฟอร์มรถกระบะไฟฟ้าโดยเฉพาะ เพื่อรองรับระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเทคโนโลยีอำนวยความสะดวก ความปลอดภัย และฟีเจอร์อเนกประสงค์รอบด้าน
- Chevrolet Silverado EV ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 664 แรงม้า แรงบิกสูงสุด 1,056 นิวตันเมตร และความจุแบตเตอรี่สูงสุด สามารถนำพาตัวรถวิ่งได้ไกลถึง 644 กม./ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง
- ตัวรถได้รับการพัฒนาระบบลากจูงรถพ่วงอัจฉริยะ ที่สามารถรองรับการใช้งานควบคู่กับระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติเลเวล 2
General Motor เดินหน้าเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดด้วย All-New Chevrolet Silverado EV โดยได้รับการพัฒนาบนแพลตฟอร์มรถกระบะไฟฟ้าโดยเฉพาะที่ผสมผสานทั้งประสิทธิภาพการบรรทุก สมรรถนะ และความอเนกประสงค์ พร้อมท้าชน Ford F-150 Lightning, Rivian R1T เป็นต้น
Chevrolet Silverado EV จะมีรายละเอียดที่แตกต่างจาก 2022 Silverado รุ่นปรับโฉมทั้งด้านบุคลิก ฟีเจอร์ และระบบขับเคลื่อนอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากได้รับการพัฒนาบนแพลตฟอร์มสำหรับรถกระบะไฟฟ้าโดยเฉพาะ ส่งผลให้มีการปรับตำแหน่งระบบขับเคลื่อนใหม่ อัปเกรดช่วงล่างที่เหมาะสม รวมถึงพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้น
ภายนอก และกระบะท้ายที่ออกแบบสำหรับรถกระบะไฟฟ้า
ด้านบุคลิกสะท้อนความโดดเด่น ล้ำสมัย และความนุ่มนวลด้วยเส้นสายที่โค้งมน ด้วยการออกแบบส่วนหน้ารถตามหลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อการส่งกระแสลมไปยังด้านข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดแรงต้านลม กับมวลอากาศที่ปั่นป่วนในระหว่างวิ่งได้อย่างมาก และคาดว่าจะให้ค่าสัมประสิทธิ์ต้นทานอากาศที่ต่ำกว่ารถกระบะไฟฟ้าขนาด Full Size ของคู่แข่ง
ส่วนหน้ารถมีระยะยื่นที่สั้น กระจังหน้าปิดทึบสไตล์รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งใต้ฝากระโปรงจะมีกระบะหน้าอเนกประสงค์ที่สารมารถเป็นได้ทั้งที่นั่ง ที่วางของ ที่เก็บของ และในอนาคตจะออกแบบชุดอุปกรณ์เสริมสำหรับปรับพื้นที่ส่วนนี้ เช่น ฉากกั้น หรือตะข่าย
ด้านข้างมาพร้อมกับการออกแบบที่เพียวบาง ขอบซุ้มล้อเด่นสง่างาม รับกับกันชนหน้ากับขอบชายล่างได้เป็นอย่างดี, ล้ออัลลอยขนาด 24 นิ้ว, ของเสาสีดำ รวมถึงมีตัวเลือกสีทูโทนหลังคาดำด้วย และในเวลานี้จะจำหน่ายรุ่น 4 ประตู หรือ Crew Cab เท่านั้น
สำหรับกระบะท้ายจะยาวถึง 1,803 มม. ที่มาพร้อม Multi-Flex Midgate ซึ่งเคยนำมาใช้ในรุ่น Chevrolet Avalanche โดยที่จะสามารถเปิดบานประตูกั้นห้องโดยสารด้านหลังให้ทะลุเพื่อขยายพื้นที่กระบะท้ายสำหรับวางสัมภาระที่มีความยาวได้ ซึ่งช่วยเพิ่มความยาวกระบะท้ายสูงสุดถึง 2,743 มม. และหากยาวไม่เพียงพอ ก็สามารถปรับฝากระบะท้ายแบบ Multi-Flex ให้แบนราบพร้อมกางแผงกั้นเพื่อขยายความยาวสูงสุด 3,302 มม.
ห้องโดยสารสุดล้ำ สุขสบายแม้เดินทางไกล
ภายในห้องโดยสารในรุ่นท็อปสุดอย่างรุ่น RST สะดุดตาด้วยเรือนไมล์จอดิจิทัลขนาด 11 นิ้ว กับจออินโฟเทนเมนต์ 17 นิ้ว, จอ Head-up Display, เบาะสีทูโทนเดินแถบสีแดงเพิ่มความโดดเด่น, พวงมาลัยท้ายตัด พร้อมตัวเปลี่ยนเกียร์บริเวณก้านคันโยก และ Paddle Shift, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกโซน, แท่นชาร์จสมาร็ทโฟนไร้สาย, ช่องแอร์ตอนหลังรวมถึงช่องเก็บของตรงคอนโซลกลางความจุมากถึง 31.8 ลิตร
ขณะเดียวกันก็ได้นำเสนอรุ่นที่รองลงอย่างอย่างรุ่น WT ที่ลดสีสันภายในลง รวมถึงเรือนไมล์จอดิจิทัล กับจออินโฟเทนเมนต์จะแยกกันชัดเจน และมีขนาดเล็กกว่า
กำลัง 664 แรงม้า วิ่งไกลกว่า 644 กม./แบตเตอรี่เต็ม
ด้านขุมพลังของในรุ่นเริ่มต้นอย่าง WT มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 510 แรงม้า แรงบิด 834 นิวตันเมตร
ขณะที่ Silverado EV RST First Edition จะได้รับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ กำลังสูงสุด 664 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,056 นิวตันเมตรขึ้นไป พร้อมโหมด Wide Open Watts ซึ่งช่วยมอบอัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ได้ภายในเวลาไม่ถึง 4.5 วินาที
ส่วนแบตเตอรี่นั้นจะมีด้วยกันหลายความจุ ซึ่งแบตเตอรี่ตัวท็อปสุดจะสามารถวิ่งได้ไกลถึง 400 ไมล์ หรือ 644 กม./ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง รวมถึงตัวรถรองรับการชาร์จแบบ DC ได้มากถึง 350 กิโลวัตต์ ซึ่งจะช่วยให้ตัวรถสามารถวิ่งได้ไกลถึง 161 กม. ด้วยการชาร์จเพียง 10 นาที และยังรองรับการชาร์แบบ vehicle-to-vehicle หรือการชาร์จพ่วงจากรถอีกคันผ่านปลั๊กชาร์จที่ออกแบบเฉพาะ
นอกจากนี้ แบตเตอรี่ตัวรถยังสามารถรองรับการพ่วงกับอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือ PowerBase ด้วยช่องเสียบปลั๊กมากกว่า 10 ช่อง จ่ายกระแสไฟฟ้าได้มากถึง 10.2 กิโลวัตต์ และสามารถป้อนไฟฟ้าเข้าสู่บ้านสำหรับทำหน้าที่ไฟฉุกเฉินได้ด้วย
จัดเต็มเทคโลโลยีพ่วงท้ายรถแห่งอนาคต
ความสามารถลากจูงน้ำหนักเริ่มต้นได้สูงสุดถึง 3,629 กก. แต่ในอนาคตจะมาพร้อมแพ็คเกจเสริมเพิ่อให้รองรับน้ำหนักลากจูงสูงสุด 9,072 กก.
ด้านระบบพ่วงรถลากนั้น จะได้รับทั้งตัวควบคุมระบบเบรกรถพ่วง, โหมด Tow/Haul และระบบ Hitch Guidance ส่วนในรุ่น RST จะได้รับ Advanced Trailering System เพิ่ม ซึ่งเป็นออพชั่นที่มีเฉพาะใน Silverado รุ่นไฮเอนด์เท่านั้น
สำหรับ RST First Edition จะมาพร้อมกับพวงมาลัยสี่ล้อ กับโช้คอัพแบบถุงลมแบบปรับได้ โดยสามารถยกสูง หรือโหลดเตี้ยได้มากถึง 50 มม. รวมถึงได้รับระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ Super Cruise ที่ครอบคลุมการควบคุมส่วนรถพ่วงได้แม้อยู่ในสภาวะแฮนด์ฟรี ครอบคลุมการใช้งานได้มากถึง 321,869 กม. บนถนนไฮเวร์ในอเมริกาและแคนาดา
ราคาและกำหนดการวางจำหน่าย
คาดว่า Chevrolet Silverado EV จะเริ่มทยอยวางจำหน่ายราว ๆ ช่วงไตรมาสที่สองของปี 2023 โดยประมาณ พร้อมราคาเริ่มต้นในรุ่น WT ที่ 39,000 ดอลลาร์ และอาจจะมีราคาสูงสุดราว ๆ 80,000 ดอลลาร์ ซึ่งในเวลานี้ได้เปิดสั่งจองแล้ว
เครดิตข้อมูลจาก carscoops.com