BMW สหรัฐอเมริกา เตรียมปิดม่านรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นบุกเบิก และเป็นหนึ่งรุ่นบุกเบิกที่ใช้โครงสร้างเสริมคาร์บอนไฟเบอร์ ด้วยการยุติการผลิตและจัดจำหน่าย BMW i3 ในเดือนกรกฎาคมนี้
แม้ว่า BMW i3 จะยังคงได้รับความนิยมในตลาดยุโรป แต่ในอเมริกานั้นกลับมียอดขายลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยยอดขายสูงสุดที่ทำไว้อยู่ในช่วงปี 2015 อยู่ที่ 11,024 คัน แต่หลังจากนั้นในปี 2016 ยอดขายก็ลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะในปี 2019 ก็ทำยอดขายได้เพียงแค่ 1,508 คันเท่านั้น และด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็ส่งผลต่อการผลิต และยอดขายในอเมริกาด้วยเช่นกัน
แม้ว่า BMW i3 จะยุติการทำตลาดในอเมริกา แต่ทางบริษัทฯ ก็ได้ผลักดันทั้ง BMW i4 และ BMW iX ในฐานะรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ให้ประสิทธิภาพการขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าที่ดียิ่งขึ้น เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกก็ดีมากขึ้นยิ่งกัน โดยจะมีแพลนวางจำหน่ายในอเมริกาช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป
BMW i3 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2013 ที่ผ่านมา และได้ประกาศปรับโฉมใหม่เมื่อปี 2017 ทว่าจนถึงปี 2021 ก็ยังไม่มีวี่แววของการสานต่อสู่เจนเนอเรชั่นที่สอง เฉกเช่นเดียวกับ BMW i8 รถสปอร์ตไฮบริดรุ่นราวคราวเดียวกันที่ได้พับโครงการพัฒนาโฉมใหม่อย่างไม่มีกำหนดเนื่องจากต้องสงวนงบประมาณสำหรับการพัฒนาโปรเจคอื่น ๆ ที่มีความสำคัญมากกว่า และรักษาสภาพคล่องจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ระบาดในช่วงปี 2020 อีกด้วย
แม้ว่า BMW i3 จะเข้าสู่ช่วงปลายอายุขัยแล้ว แต่คาดว่าอาจจะยังคงทำตลาดได้จนถึงปี 2022 – 2024 โดยประมาณ
และหากไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ เพิ่มเติม BMW i3 ก็อาจจะปิดตำนานรถยนต์ไฟฟ้าพร้อมเครื่องปั่นไฟ และโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ตาม i8 ที่ยุติไปก่อนหน้านั้นเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2020 ที่ผ่านมา
BMW i3 รถแฮทช์แบ็ครุ่นนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในโมเดลซีรี่ย์ i ที่ล้ำสมัยที่สุดในยุคนั้น ตั้งแต่เทคโนโลยีขุมพลังไฟฟ้าพร้อมเครื่องปั่นไฟขนาดเล็กที่ช่วยลดช่องว่างของความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าในยุคที่สถานีชาร์จยังไม่แพร่หลาย, โครงสร้างเสริมคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อลดน้ำหนักตัวถัง, วัสดุประกอบรถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงบรรจุเทคโนโลยีอัจฉริยะสมัยใหม่มากมายจนสร้างปรากฎการณ์ Talk of the town ได้ในยุคนั้น และยังได้คว้ารางวัลมาแล้วมากมาย
ถึงกระนั้น ซีรี่ย์ i ก็ยังคงโดดเด่นในด้านรถยนต์พลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และชิ้นส่วนรถยนต์จากวัตถุดิบแห่งความยั่งยืนที่ได้สานต่อสู่ i4 กับ iX ประกอบกับด้วยเทคโนโลยีและองค์ความรู้ต่าง ๆ จากซีรี่ย์ i ถูกพัฒนาต่อยอดและส่งต่อให้กับรถซีรี่ย์อื่น ๆ ของแบรนด์ อาทิ แพลตฟอร์ม เทคโนโลยีขุมพลังไฮบริด-ปลั๊กอินไฮบริด, คัดสรรวัสดุ และกระบวนการผลืตจากแหล่งผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสวัสดิการของบุคลากร จนกลายมาเป็นจุดแข็งของแบรนด์ BMW ที่คนทั้งโลกต่างยอมรับ
เครดิตข้อมูลจาก bmwblog.com และ carscoops.com