หลังจากบทความก่อนหน้าได้มีการนำเสนอ The New Mercedes-Benz C-Class พร้อมขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน Mild Hybrid อันทรงพลัง ซึ่งเป็นรถยนต์สเปคอเมริกา ล่าสุดได้เปิดข้อมูลของสเปคยุโรปและอินเตอร์ ที่จะมาพร้อกับเครื่องยนต์อันหลากหลายยิ่งขึ้น
เริ่มจากขุมพลังของสเปคยุโรปนั้น จะมีเครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร พ่วงระบบไฮบริดแบบ Mild Hybrid ที่ครอบคลุม 2 รุ่นย่อย ได้แก่
C180 สมรรถนะสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิด 263 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-96 กม. / ชม. ภายใน 8.6 วินาที
C200 ให้สมรรถนะสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-96 กม. / ชม. ภายใน 7.3 วินาที
รวมถึงเครื่องยนต์ความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบใน C300 แบบเดียวกับสเปคอเมริกา แต่จะไม่พ่วงระบบไฮบริด จึงให้สมรรถนะที่ 255 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-96 กม. / ชม.ภายใน 6.0 วินาที
กับเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร ที่มีด้วยกันทั้ง 3 รุ่นย่อย ประกอบด้วย C200d, C220d และ C300d โดยมีรายละเอียดสมรรถนะดังนี้
C200d กำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิด 380 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-96 กม. / ชม. ภายใน 7.7 วินาที
C220d กำลังสูงสุด 200 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-96 กม. / ชม. ภายใน 7.3 วินาที
C300d กำลังสูงสุด 269 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-96 กม. / ชม. ภายใน 5.7 วินาที
อีกหนึ่งขุมพลังที่น่าจับตามองไม่แพ้กันก็คือ ขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดที่จะใช้ชื่อรุ่นว่า C300e มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 25.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่ได้รับการออกแบบไม่ให้รบกวนพื้นที่ภายในห้องโดยสาร โดยให้สมรรถนะสูงสุด 304 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร สามารถใช้ระบบไฟฟ้าวิ่งได้ด้วยความเร็วถึง 139 กม./ชม. และประสิทธิภาพในการเดินทางไกลที่ทำได้ตั้งแต่ 54 -99 กม./ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ตามมาตรฐานการทดสอบจาก WLTP
ทั้งนี้ ในรุ่นปลั๊กอินไฮบริดจะได้รับชุดโช้คอัพถุงลมแบบมาตรฐานที่ล้อหลัง เพื่อชดเชยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น แต่ลูกค้าสามารถเลือกชุดโช้คอัพถุงลมแบบ AirMatic ที่ช่วยเสริมความนุ่มนวลในการขับขี่ยิ่งขึ้น
สำหรับประสิทธิภาพการชาร์จไฟแบบกระแสตรงนั้น ด้วยเทคโนโลยีออนบอร์ดที่สามารถใช้เวลาในการชาร์จไฟให้เต็มได้ภายใน 30 นาที ผ่านเครื่องชาร์จ 55 กิโลวัตต์ชั่วโมง และสามารถกู้คืนพลังงานไฟฟ้าในระหว่างเบรกได้สูงสุดถึง 100 กิโลวัตต์
ด้านระบบส่งกำลังในทุกขุมพลังจะจับคู่กับเกียร์ 9G-Tronic 9 สปีด ที่มีน้ำหนักเบากว่าเดิม 30% ควบคู่กับระบบขับเคลื่อนจะมีให้เลือกทั้งขับล้อหลัง และระบบขับสี่ล้อ 4Matic ที่ได้พัฒนาระบบกระจายแรงบิดล้อหน้าใหม่ล่าสุด
สำหรับรายละเอียดตัวรถอื่น ๆ ของ C-Class โฉมใหม่นั้น จะมาพร้อมกับการดีไซน์อันงดงาม ตัวถังที่ใหญ่ขึ้น กว้างขึ้นเล็กน้อย ภายในที่เสมือนถ่ายทอดจาก S-Class โฉมใหม่ พร้อมกับกำหนดการวางจำหน่ายในตลาดยุโรป จะเริ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อนนี้
เครดิตข้อมูลจาก carscoops.com