“ปลอม!! เปลือก!!” หนึ่งในวลีดังจาก ซีรี่ย์สุดฮิต Hormones วัยว้าวุ่น ที่วันนี้ยังถูกนำมาทำเป็น Meme บนโลกโซเชี่ยลแม้จะผ่านมากว่า 5 ปีแล้ว จนถึงวันนี้ ‘พี สาริษฐ์ ตรัยเลิศวิเชียร’ ผู้รับบท ‘บอส’ เจ้าของวลีนั้นเติบโตขึ้นมาพร้อมกับการเป็นนักแสดงและเจ้าของกิจการในวัยเพียง 23 ปีเท่านั้น วันนี้เราจึงจะมาคุยกับเขาถึงมุมมองที่เปลี่ยนไป ของ พี สาริษฐ์ และ ‘บอส Hormones’ ว่าจะโตขึ้นมาเป็นแบบไหนกัน
Q : แนะนำตัวเองหน่อยครับ
A : สวัสดีครับ พี สาริษฐ์ ตรัยเลิศวิเชียร ครับผม
Q : ตอนนี้ทำอะไรอยู่บ้าง?
A : ถ้าเป็นธุรกิจของตัวเองก็จะมีแบรนด์เสื้อผ้านะครับ ชื่อ BRAINWASHED THEORY แล้วก็มีตู้สติ๊กเกอร์ ชื่อ Sculpturebangkok
Q : แฟชั่นของ พี สาริษฐ์
A : จริง ๆ ก็ไม่ได้เป็นคนยึดติดว่าจะต้องเป็นแบบไหน แค่ใส่แล้วชอบและสบาย อะไรก็ตามที่ใส่แล้วสบายตัว แต่ก็ยังดูทันสมัย อยู่ในเทรนด์อยู่ ถ้านิยามง่ายๆ เลยก็คือ สบาย แต่ยังคงดูดี ถ้าจะให้ยกตัวอย่างแบรนด์ที่ชอบก็จะเป็น BEAMS ซึ่งจะนิ่งๆ เรียบๆ ง่ายๆ หน่อย แต่สามารถใส่ได้ทุกวัน.
Q : แรงบันดาลใจในการทำ แบรนด์เสื้อผ้า
A : เป็นสิ่งที่อยากทำมาตั้งแต่เด็ก จำได้ว่าสมัยประถม ตอนเลิกเรียนเราก็จะชอบวิ่งไป Siam Paragon เพื่อไปดูว่ามันมีแบบเสื้อผ้าอะไรใหม่ พออยากได้ก็จะจำราคาไว้แล้วก็ค่อยๆ เก็บเงินไปซื้อ ทำให้กลายเป็นคนชอบแต่ตัวตั้งแต่นั้นมา การมีแบรนด์เสื้อผ้าจึงเป็นความฝันอย่างหนึ่ง พอวันหนึ่งเราได้เข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง และเป็นที่รู้จัก ก็เริ่มมีคนชอบการแต่งตัวของเรา อยากให้เราทำเสื้อผ้าที่เราใส่ ก็เลยลองทำออกมาดูสัก 1-2 Products ก็ขายได้ค่อนข้างดีมากๆ เร็วมากๆ เลยทำยาวมาเรื่อยๆ เพราะสนุกด้วย.
Q : BRAINWASHED THEORY มีกี่คอลเลคชั่นแล้ว
A : พี เริ่มทำตั้งแต่ ปี 2 ถ้ามาถึงวันนี้ก็น่าจะประมาณ 9 คอลเลคชั่น ซึ่งปกติแล้วจะไม่ค่อยฟิกซ์เท่าไหร่ บางคอลเลคชั่นเลยจะมีแต่เสื้อยืดไปเลย.
Q : ที่มาของตู้สติ๊กเกอร์ Sculpturebangkok
A : จริงๆ คนริเริ่มจะเป็นเพื่อนของ พี ชื่อว่า ปิ่น ลักษิกา จิระดารากุล ที่เป็น Founder ของ Sculpturebangkok โดยมีแรงบันดาลใจจากตู้สติ๊กเกอร์ที่ ยุโรป หรือ นิวยอร์ก ตามบาร์ หรือ สถานที่ Public ต่างๆ ปิ่นเลยมองว่ามันเป็น Culture ที่น่าสนใจ แล้วในเมืองไทยก็ไม่เคยมีตู้ลักษณะนี้อยู่เลยลองตั้งดู แล้วกระแสตอบรับดีมาก บวกกับช่วงนั้น พี เองก็อยากทำสินค้าใหม่ของ BRAINWASHED THEORY ก็เลยลองคุยกันว่า จะเป็นสินต้าที่สามารถนำไปถ่ายในตู้ได้ เลยร่วมกันคิดจนกลายเป็นหมวกอย่างที่วางขายอยู่ ซึ่งกระแสตอบรับดีมากจนกลายเป็น Signature ของ Sculpturebangkok พอได้ทำงานร่วมกัน ก็เข้าขากัน ปิ่นเลยชวนมาทำงานด้วยกัน โดย พี จะดูงานด้านธุรกิจ ส่วนปิ่นก็จะเป็นคนดูเรื่องของ Direction ทั้งหมด ปัจจุบันนี้ Sculpturebangkok มีตู้สติ๊กเกอร์ ทั้งหมด 6 สาขา
สาขาของตู้สติ๊กเกอร์
@lidoconnect 11:00-20:00
@fics31 10:00-17:30
@hellobonci 10:30-17:30
@SELFCOFFEECHIANGMAI 10:00-17:00
WWAxCHOOSELESS OPENS WED-SUN 11:00-19:00
@dayday.ari DRIVETHRU
Q : ความต่างของ ชีวิตการเรียนและการทำงาน
A : คือ พี สอบเทียบชั้นตอนอยู่ ม.4 เพราะมันเป็นโรงเรียนอินเตอร์ สามารถสอบเทียบเข้ามหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่ ม.4 เราเลยคิดว่าจำเป็นต้องเรียน ม.5-6 ไหม..? เพราะคนที่เรียนต่อ ม.5-6 คือตั้งใจว่าจะไปเมืองนอก แต่พีเป็นคนติดบ้านอยากอยู่ไทยก็เลยเข้าเรียนมหาวิทยาลัยไทย เลยไม่ได้เรียนต่อ ม.5-6 แล้วสอบเทียบแทน
ซึ่งชีวิตตอนเรียนมันก็จะมีกฏเกณฑ์ มีครู มีพ่อแม่ แล้วก็มีเพื่อน ๆ ที่ยังเป็นห่วงอยู่เพราะว่ายังอยู่ในวัยเรียน คือทุกอย่างมันถูกวางเป็นสเต็ปมา สมมุติเราเข้ามหาวิทยาลัย ปี 1 ปี 2 ปี 3 ปี 4 มันก็จะรู้ว่าเป็นยังไง แล้วก็รู้แล้วว่าเรียนไปเพื่อทำอะไร คือทุกอย่างมันเห็นหมดว่ามันคืออะไร แต่พอเรียนจบออกมา ยังจำได้เลยนั่งคิดว่า “จะทำอะไรต่อดีว่ะ..?” ช่วยงานที่บ้านดีไหม? หรือ ไปทำของตัวเองดี? คือชีวิตมันเป็นของเรา เราจะทำอะไรก็ได้ ไม่มีอะไรถูก-ผิด หรือ ต่อให้เราทำไปเราก็ไม่รู้อยู่ดีว่ามันถูก-ผิด แล้วอะไรคือถูก-ผิด เงินเหรอ? หรือความสุขของเราเฉยๆ ?
______________
Q : ได้ย้อนกลับไปดูตัวเองในบทบาท บอส Hormones อีกครั้ง รู้สึกอย่างไร?
A : รู้สึกว่าเก่ง (555555) หมายถึงตัวละครนะ เพราะในยุคนั้นทุกคนก็จะทำตามเสียงส่วนใหญ่ คนอื่นๆ ก็ไม่กล้าที่จะคิดต่าง เพราะการคิดต่างมันน่ากลัว แล้วพอมันมีตัวละคร บอส Hormones ที่แสดงความคิดต่างออกมา “ไม่โอเค ไม่ยุติธรรม ใครไม่โอเคลุกออกมาเลย” มันเลยตราตรึงมาก คนเลยรู้ว้าว เพราะลึกๆ แล้วก็มีคนที่เห็นด้วยแต่ไม่กล้าที่จะแสดงออกมา ถือว่าเป็นคัวละครที่บุกเบิกความกล้าแบบนี้ ซึ่งตัวเองก็แอบกลัวตัวเองอยู่เหมือนกัน (55555) แต่ก็ดีใจเพราะถือว่าเป็นซีนที่ทำให้คนจำเราได้.
Q : คิดว่าปัจจุบัน ‘บอส Hormones’ จะโตขึ้นหรือเปลี่ยนมุมมองบ้างไหม?
A : คิดว่าเปลี่ยนไป ตอนที่เรารับบท บอส เรามีอายุ 16-17 ปี คือด้วยการแสดงในตอนนั้น จะมึความพุ่งมาก จะมีความแสดงออกที่สุดโต่ง แต่พอโตขึ้นชีวิตมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น มันไม่สามารถพูดออกมาตามที่เราคิดได้เลย ต่อให้จะเป็นการแสดงก็ตาม ถ้าเราได้กลับไปสวมบทบาท บอส อีกครั้งก็คงจะมีชั้นเชิงมากขึ้น และคงไม่ร้อนแบบนั้น จะมีความใจเย็นขึ้นมานิดนึง และแสดงออกอีกแบบแทน.
Q : บทบาทใน ‘แปลรักฉัน ด้วยใจเธอ 2’ ของ พี สาริษฐ์
A : รับบทเป็น แมงป่อง เพื่อนในแก๊งบิงซูของ โอ้วเอ๋ว ( รับบทโดย พีพี กฤษฏ์ อํานวยเดชกร )
Q : บทบาทที่แดกต่างกันของ ‘Hormones’ และ ‘แปลรักฉัน ด้วยใจเธอ 2’
A : แตกต่างกันมากเพราะ แมงป่อง เป็นตัวละครที่สนุก เฮฮา ปากจัด แบบ Extrovert ตรงข้ามกับบอสที่มีความเป็น Introvert เก็บ โกรธ คิดอะไรในใจ ซึ่งก็กลัวเหมือนกันว่าคนดูจะยังติดภาพความเป็น บอส อยู่ แต่พอไปอ่าน Feedback ทุกคนลืมภาพ บอส Hormones ไปแล้ว ก็ดีใจครับ.
Q : บทบาทไหนยากกว่ากัน?
A : ยากคนละแบบ แต่ พี เป็นคนประเภท Extrovert อยู่แล้วถ้าใกล้เคียงกว่าน่าจะเป็น แมงป่อง ทำให้เข้าถึงบทบาทได้ง่ายกว่า.
Q : ฝากผลงาน แปลรักฉัน ด้วยใจเธอ 2 หน่อยไหม?
A : ‘แปลรักฉัน ด้วยใจเธอ 2’ มีทั้งหมด 5 EP ยังไงก็ฝากด้วย เป็นเรื่องราวของ เต๋ และ โอ้วเอ๋ว ที่จะดำเนินความสัมพันธ์ผ่านเรื่องราวในพาร์ทนี้ โดยขอฝาก แมงป่อง ที่จะเข้ามาช่วยเป็นกำลังใจให้ โอ้วเอ๋ว และเพิ่มบรรยากาศให้สนุกขึ้น อยากให้ทุกคนได้ดู จะได้สนุกไปด้วยกัน.
Q : ในอนาคตอยากลองรับบทบาทไหนดูบ้าง?
A : อยากลองรับบทบาทแนวๆ Willy Wonka ใน Charlie And The Chocolate Factory ที่จะท้าทายหน่อย ไม่มีความเป็นคนขนาดนั้น ใส่ความบ้าๆ ลงไปนิดนึง
________
Q : หลังจากได้คุยมาเรารู้ว่า พี มีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง ทำธุรกิจที่เป็นผู้นำเทรนด์อย่างตู้สติ๊กเกอร์ และเป็นนักแสดง มีอะไรที่อยากลองทำอีกบ้าง?
A : อยากทำอสังหาฯ (55555) แต่อาจจะไม่ใช่อสังหาฯ ที่เห็นภาพในปัจจุบัน แต่เป็น อสังหาฯ แบบคนรุ่นใหม่ อาจจะในนามของแบรนด์ Sculpturebangkok ก็ได้ รอติดตามครับ.
Q : คิดว่าเราในวัย 23 ปี เรียกว่าประสบความสำเร็จได้รึยัง?
A : ยังครับ เพราะเรามีเป้าหมายของเรา ซึ่งถ้ายังไม่ถึงตรงน้ันก็ถือว่ายัง แต่ถ้าเป็นเส้นทางที่เป็นบันไดไปเรื่อยๆ เนี้ย ก็ถือว่า On the right way, on the right track.
#SNAP #พีสาริษฐ์ #แปลรักฉันด้วยใจเธอpart2 #peatrs