กรรมฐานน้ำเย็น วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร หลวงพ่อเยื้อน เยื้อน ขนฺติพโล

ง่ายกว่าที่เคย! วิธีฝึกสติ กรรมฐานน้ำเย็น หลวงพ่อเยื้อน

“กรรมฐานน้ำเย็น” นับว่าเป็นการปฏิบัติธรรมอีกทางหนึ่งที่จะช่วยให้จิตเราพบความว่างเปล่าปราศจากกิเลสทั้งหลาย มีสติ อันจะก่อให้เกิดสมาธิ แลปัญญาที่จะทำการต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จ

Home / ธรรมะ / ง่ายกว่าที่เคย! วิธีฝึกสติ กรรมฐานน้ำเย็น หลวงพ่อเยื้อน

การนั่งสมาธิ ฝึกสติสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่ม โดยวิธีกำหนดลมหายใจ นับเลข นับพุทโธ ฯลฯ อาจเป็นเรื่องยุ่งยาก ซับซ้อน ทำได้ไม่นาน สำหรับบางคน จิตก็วิ่งวุ่นดังลิงจ๋อ ไปทางโน้นที ไปทางนี้ที ไม่อยู่นิ่ง กรรมฐานน้ำเย็น เป็นวิธีกรรมฐานฝึกสติ ฝึกสมาธิอีกวิธีหนึ่งที่สามารถปฏิบัติและเข้าถึงสติ สมาธิได้โดยง่าย โดยพระเทพวชิรญาณโสภณ (เยื้อน ขนฺติพโล) หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า หลวงพ่อเยื้อน วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร จ.สุรินทร์ เป็นผู้คิดค้นวิธีกรรมฐานน้ำเย็นขึ้น และวิธีกรรมฐานน้ำเย็นก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย จนกระทั่งคุณ คม ร่อนพิบูลย์ นักแต่งเพลงได้นำกรรมฐานน้ำเย็นมาแต่งเป็นเพลงในทางธรรมเพื่อเผยแพร่ต่อไป

“กรรมฐานน้ำเย็น” นับว่าเป็นการปฏิบัติธรรมอีกทางหนึ่งที่จะช่วยให้จิตเราพบความว่างเปล่าปราศจากกิเลสทั้งหลาย มีสติ อันจะก่อให้เกิดสมาธิ แลปัญญาที่จะทำการต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จได้ และเมื่อทีมงาน MThai ได้มีโอกาสเข้าพบหลวงพ่อเยื้อน หลวงพ่อก็มีเมตตาเผยแผ่ธรรมะการปฏิบัติกรรมฐานน้ำเย็นไว้ดังนี้

กรรมฐานน้ำเย็น

การฝึกกรรมฐานน้ำเย็น เป็นอีกวิธีปฏิบัติกรรมฐานในแบบง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก เริ่มด้วยการดื่มน้ำเย็นเป็นตัวเรียกสติ โดยเมื่อดื่มน้ำเย็นลงไปแล้ว ให้สังเกตการเคลื่อนไหวของน้ำเย็นในร่างกายหลังจากดื่ม กำหนดจิตไปที่น้ำเย็นว่าเคลื่อนที่ไปถึงจุดใด ก็ให้จิตจดจ่ออยู่กับจุดนั้น ให้จิตตามไปจนถึงสุดปลายน้ำว่าตกอยู่ตรงจุดไหน ก็ตั้งสติกำหนดจิตระลึกถึงจุดนั้น เมื่อจิตจดจ่อถึงจุดปลายน้ำแล้ว สติก็จะไม่ไปไหน เมื่อนั้นจิตจะว่างเกิดเป็นสมาธิ โดยไม่ต้องนับลมหายใจ หรือ ระลึกพุทโธ ด้วยใช้น้ำเย็นเป็นตัวแทนในการกำหนดระลึกรู้สึกตัว

หยดน้ำ

“น้ำเย็น” จึงเปรียบเสมือนฐานที่ตั้ง ถ้ามีฐานรู้สึกความเย็นสุดท้ายแล้ว ก็จะสัมผัสรู้ ระลึกได้ว่าความเย็นอยู่ตรงไหน ถ้าลงถึงท้องเมื่อไหร่ ก็จะเกิด “ความรู้ชัด” ขึ้นในจิตเอง เกิดเป็นสภาวะจิตว่าง ซึ่งแน่นอนว่า การฝึกสติ รู้สึกตัวเช่นนี้ จะต้องฝึกไปเรื่อยๆ ขาดการปฏิบัติหมั่นฝึกไม่ได้

หลวงพ่อเยื้อน

หากเมื่อเคยลองทำกรรมฐานน้ำเย็นแล้ว เกิดความรู้ชัดขึ้นแล้ว แต่ไม่ได้ดื่มน้ำเย็น เราจะเรียกจิตว่างของเรากลับคืนมาได้อย่างไร

หลวงพ่อเยื้อน จึงแนะนำว่า ให้กำมือแล้วดูเล็บนิ้วหัวแม่มือที่กำดู เพ่งจิตจดจ่อไปจนกว่าจะเรียกความรู้สึกของน้ำเย็นในร่างกายเราได้ เป็นการเรียกให้รู้สึกตัว สัมผัสได้ถึงน้ำเย็นเมื่อครั้งที่กรรมฐานน้ำเย็นไปได้ ซึ่งนี่ก็คือวิธีเรียกสติอย่างง่าย ทั้งๆ ที่น้ำเย็นมันหายไปแล้ว แต่เรายังรู้สึก นั่นเป็นเพราะจิตเราปัจจุบัน

หลวงพ่อเยื้อนกล่าวต่อว่า ” ถ้ามีอดีต อนาคต ผู้รู้จะไม่เกิด แต่เมื่อจิตปัจจุบันปั๊บ สติเราก็คือปัจจุบันด้วย มันก็เลยปรากฏในท้องเรา เพราะตอนนี้ดูเล็บนานๆ ไปความเย็นก็เพิ่มขึ้นๆ ซึ่งตอนนี้เราก็ไม่ดูเล็บแล้ว เพราะเรามีบ้านอยู่แล้ว นี่คือฐานที่ตั้งของจิต เพราะน้ำเย็นเป็นฐานที่ตั้งของจิตได้ดีที่สุด ดีกว่าอย่างอื่นเลย เพราะว่าเราจะรู้เลยว่าน้ำมันลงไปถึงไหน เลยสะดือเราก็รู้อีก ถึงกระเพาะเราก็รู้อีก เพราะภาวนาเพื่อหาผู้รู้ แต่ถ้ามันไปไม่ถึงตรงนั้นมันก็ไม่รู้ ถ้าไม่ใช่น้ำเย็น”

เมื่อครั้งสมัยก่อนพุทธกาลที่เจ้าชายสิทธัตถะได้อธิษฐานจิตเมื่อครั้งเลิกบำเพ็ญทุกรกิริยา พระองค์ทรงลอยถาดอาหารหลังเสวยข้าวมธุปายาธลงในแม่น้ำเนรัญชราและได้อธิษฐานเสี่ยงพระบารมีว่า “ถ้าจะได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ขอให้ถาดทองลอยทวนกระแสน้ำ หากไม่สำเร็จสมประสงค์ ขอให้ถาดลอยไปตามกระแสน้ำ”

พระพุทธเจ้า

ในพระพุทธประวัติกล่าวว่า ถาดนั้นได้ลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป จนถึงวังน้ำวนแห่งหนึ่ง จึงจมลงสู่นาคพิภพ ไปกระทบกับถาดสามใบอดีตพุทธเจ้าสามพระองค์คือ

  • พระกกุสันธพุทธเจ้า
  • พระโกนาคมนพุทธเจ้า
  • พระกัสสปพุทธเจ้า

พญานาคราชซึ่งกำลังหลับอยู่ในนาคพิภพ เมื่อได้ยินเสียงถาดกระทบกันจึงรู้ได้ทันทีว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะบังเกิดขึ้นในโลกมนุษย์อีกพระองค์หนึ่งแล้ว

พระพุทธเจ้า

หลวงพ่อเยื้อนกล่าวกับทีมงาน MThai ต่อว่า ” การดื่มน้ำเย็นลงไปเพื่อทำกรรมฐาน ก็เปรียบดั่งแม่น้ำเนรัญชราอยู่กับเรา ส่วนถาดที่เจ้าชายสิทธัตถะลอยก็คือสติ สติเราต้องตามน้ำไป น้ำสุดตรงไหน สติเราก็อยู่ที่จุดนั้น เมื่อไปถึงสุดแล้ว ก็จะเกิดเป็นสมาธิ แต่จะอยู่กับเราได้นานหรือไม่ได้นาน ก็อยู่ที่เราจะเติม …เรียกว่า “เติมจิต”

“หมั่นเติมเรื่อยๆ เพราะเรามีแก้วรองรับแล้ว เราเทน้ำนิดเดียวมันก็อยู่ ขอเพียงแค่หมั่นเติมอยู่เรื่อยๆ น้ำเย็นที่หมั่นเติมจะพาไปถึงเป้าหมาย นั่นแหละเติมจิตก็เติมอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องไปเติมที่อื่น เพราะจิตเราไม่ได้อยู่กับใจ จิตเราก็คือผู้รู้ ไม่ใช่รู้ไปนู่นไปนี่นะ ไปรู้เรื่องคนอื่นนะ อันนี้ไม่ใช่จิต อันนั้นเราเรียกวิญญาณ วิญญาณผีปอบ เป็นของไม่รู้ รู้แต่เรื่องคนอื่น

หลวงพ่อเยื้อน

ถ้าจิตเราเจอข้างในปุ๊บ มันจะไม่วอกแวกไปที่อื่น จิตเราก็จะหยุดอยู่ตรงนั้น ไม่ไปที่อื่นเพราะหยุดแล้ว ดังนั้นการภาวนาก็คือเพื่อต้องการหยุด ถ้าเราหยุดได้ตรงนี้ปุ๊บ มันก็คือการหยุดของเรานี่แหละ หยุดแล้วมันไม่เกี่ยวกับร่างกาย มันหยุดอยู่ตรงนั้น เหมือนหยุดอยู่กับร่างกาย แต่มันไม่เกี่ยว เหมือนหยุดอยู่กับลำไส้แต่ไม่เห็นลำไส้ แค่รู้สึก จิตตรงนี้เขาเรียกว่าจิตหยุด

ถ้าหยุดปั๊บ มันก็หยุดเกิด หยุดเกิดปั๊บ ก็ปรุงแต่งไม่ได้ล่ะ นั่นคือจิตเดิมแท้ของเรา อยู่ตรงนั้นแหละ เราไม่ต้องไปใกล้กิเลส น้ำเย็นล่อเข้าไป กิเลสไม่มีแล้ว เหมือนกรรมฐานน้ำเย็น เขาบอกต้องยืนกรานไว้ ถ้ายืนกรานไว้ให้อยู่กับความเย็นสุดท้าย จิตเราจะไม่ออก ยืนกรานเหมือนเราวางแก้วน้ำนี้ เราวางปุ๊บเนี่ย ลมพัดมาก็พัดไป แก้วมันก็อยู่เหมือนเดิม นี่เขาเรียกยืนกรานไว้ ถ้ายืนกรานปั๊บไปเห็นจิตเดิม จิตของเราเลยนะ จิตของเราคือผู้รู้ เห็นจิตจริงๆ เลยทีนี้ ถ้ายืนกรานจะเห็นเลยชัดเจน”

ฝึกสติ

หากประสบการณ์การนั่งสมาธิที่ผ่านมาของคุณเคยยุ่งยาก จัดการไม่ได้มาก่อน หากคุณต้องการฝึกสติ การระลึกรู้สึกตัว ระลึกรู้อยู่กับปัจจุบัน ให้เกิดสติ สมาธิอันจะนำไปสู่ปัญญาที่จะสามารถจัดการกับอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง จัดการกับปัญหา ความยุ่งยากต่างๆ ในชีวิต ลองนำวิธีปฏิบัติกรรมฐานน้ำเย็นของหลวงพ่อเยื้อนไปปฏิบัติดูสักครั้งค่ะ อาจเปลี่ยนมุมมองต่อการนั่งวิปัสสนากรรมฐานไปอีกแบบเลยก็เป็นได้

ขอขอบคุณภาพหลวงพ่อเยื้อนจาก คุณรักษ์ เขาศาลา

เนื้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

เลขเด็ดฝันเห็นนั่งสมาธิเห็นพญานาค ทำนายฝันนั่งสมาธิเห็นพญานาค แม่นๆ

เลขเด็ดฝันเห็นเห็นคนนั่งสมาธิ ทำนายฝันเห็นคนนั่งสมาธิ แม่นๆ

กรณ์-ศรีริต้า ร่วมเป็นเจ้าภาพบวชพระใหม่ภาคฤดูร้อน 15 รูป