วัดสำเร็จ เกาะสมุย แหล่งโบราณสถานสำคัญ
เชิงประวัติศาสตร์ อายุกว่า 200 ปี

วัดสำเร็จ วัดดังเกาะสมุย นับเป็นวัดเก่าแก่แหล่งโบราณสถานสำคัญเชิงประวัติศาสตร์อายุกว่า 200 ปี อันเป็นศูนย์รวมใจของชาวบ้านบนเกาะสมุย เป็นวัดที่พ่อเฒ่าแม่เฒ่าเลื่อมใสศรัทธาเป็นยิ่งนัก และยังคงส่งต่อความผูกพันและศรัทธานี้มาถึงลูกหลานชาวสมุยอย่างเหนียวแน่น เป็นอีกหนึ่งจุดมูที่คนในพื้นที่รับประกันความศักดิ์สิทธิ์ ว่ากันว่า มีเรื่องอันใด ให้มากราบพระโบราณ 74 องค์ที่วิหาร แล้วจะสำเร็จ บ้างก็ปลดหนี้ได้ บ้างก็ขอเรื่องการงาน ปากท้อง การเงิน พูดง่ายๆ ว่า ขอแค่เป็นคนดี อยู่ในศีลในธรรม ไม่คดโกงใคร ไม่มุสา ไม่ผิดลูกผิดเมียคนอื่น ประกอบสัมมาอาชีพ รักษาคำพูดแล้วล่ะก็ สิ่งที่ขอจะสำเร็จทุกรายไป

ประวัติวัดสำเร็จ
วัดสำเร็จ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งของเกาะสมุย มีอายุมากกว่า 200 ปี จากลักษณะศิลปกรรมในวัดสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยาถึงกรุงธนบุรีตอนต้น (พ.ศ. 2310 – 2313) ตามประวัติวัดกล่าวไว้ว่าตั้งเมื่อ พ.ศ. 2340 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2423

โดยพระนิพนธ์ในสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ทรงแต่งเป็นรายงานการเสด็จตรวจราชการหัวเมืองปักษ์ใต้ ทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๗ ทรงกล่าวถึงวัดมะเร็ตไว้ว่า
” … เดินข้ามท้องนาไปถึงวัดมะเรศอยู่บนโคกสูงกลางทุ่ง ข้างวัดด้านใต้มีทุ่งนาใหญ่กว้างเหลือประมาณ เรียกว่าทุ่งใหญ่ วัดมะเรศนี้ มีโบสถ์ร้างมุงหลังคาจากโบสถ์หนึ่ง มีวิหารมุงหลังคากระเบื้อง ฝาผนังก่อด้วยอิฐบุราณชำรุด มีพระประธานหน้าตักกว้าง 8 ศอก และมีพระพุทธรูปใหญ่น้อยตั้งเต็มวิหารประมาณ 50 รูป มีกุฎีมุงจากเครื่องผูกฝาขัดแตะ 4 หลัง มีหอฉัน 1 หลัง มีพระเจดีย์บุราณอย่างเก่า 1 องค์ ในวัดนั้นมีต้นไม้ใหญ่ๆ ร่มรื่นเย็นสบาย … วัดมะเรศนี้ได้ความว่า ท่านขรัวพุดษรเป็นพระแต่ครั้งแผ่นดินขุนหลวงตากสร้างไว้ … “

ชื่อที่คุ้นเคยในท้องถิ่นและเรียกขานกันมาแต่เดิม คือ วัดมะเร็ต และเคยมีชื่ออย่างเป็นทางการตามทำเนียบวัดในพระราชอาณาจักร คือ วัดคงคาคีรี ซึ่งมีหลักฐานปรากฏตามบันทึกในหนังสือจดหมายเหตุพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสแหลมมลายู คราว ร.ศ. 107 และ 108 ในการเสด็จพระราชดำเนินประพาสเกาะสมุย เมื่อวันเสาร์ เดือน 9 แรม 10 ค่ำ ร.ศ. 107 ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2431
ในปี พ.ศ. 2455 สมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชได้เสด็จมาเกาะสมุยและเยี่ยมชมวัดต่างๆ รวมทั้งวัดสำเร็จ พระองค์ได้ชื่นชมผลการทำงานของเจ้าอาวาส มี อินทสุวัณโณ เป็นอย่างมาก สมเด็จฯ จึงได้ทรงเปลี่ยนชื่อวัดจากวัดมะเร็ต เป็นวัดสัมฤทธิ์ แต่หลังจากกลับกรุงเทพไปแล้วประมาณ 3 เดือนได้ทรงมีหนังสือแจ้งเปลี่ยนชื่อวัดสัมฤทธิ์ เป็น “วัดสำเร็จ” จนถึงปัจจุบัน
สถานที่และสิ่งสำคัญในวัด

วิหารพระ
ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของวัดติดกับอุโบสถ แม้ว่าในปัจจุบันวิหารหลังนี้ได้รับการบูรณะซ่อมแซมเปลี่ยนแปลงจากเดิมไปมากก็ตาม แต่ก็ยังคงเป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปใหญ่น้อยสกุลช่างท้องถิ่นเกาะสมุย ซึ่งเริ่มสร้างมาตั้งแต่ครั้งกรุงธนบุรี และพบร่องรอยการสร้างใหม่เพิ่มเติมในภายหลัง รวมทั้งการซ่อมแซมองค์เก่าเรื่อยมาจนกระทั่งปี พ.ศ. 2472 ภายในวิหารสำรวจพบบัวบรรจุอัฐิ 1 องค์ มีรูปคนปรากฏอยู่สันนิษฐานว่าเป็นของขรัวพุดสอน พระพุทธรูปใหญ่น้อย จำนวน 74 องค์ เป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ จำนวน 1 องค์ พระพุทธรูปปางมารวิชัย จำนวน 58 องค์ พระพุทธรูปปางสมาธิ จำนวน 13 องค์ พระพุทธรูปปางประทับยืน จำนวน 2 องค์ (สร้างด้วยไม้ลงรักปิดทองล่องชาด) นอกจากนั้นทั้งบัวบรรจุอัฐิฐานและรูปปั้นบุคคล พระพุทธรูปใหญ่น้อยล้วนสร้างด้วยหินปะการังหรือศิลาการัง โดยนำหินปะการังมาแกะสลักเป็นองค์พระพุทธรูป ฉาบปูน ลงรักปิดทองล่องชาด เม็ดพระศกทำด้วยหอยเกลียวเล็กๆ ซึ่งพบได้ทั่วไปตามชายหาดนาเทียนไม่ไกลจากวัดมะเร็ต







สถูปหรือบัวบรรจุอัฐิขรัวพุดสอน
สร้างขึ้นเพื่อบรรจุโถแก้วใส่อัฐิขรัวพุดสอน ตั้งอยู่บริเวณด้านทิศใต้ของวัด ถัดออกไปจากวิหารพระ ท่านขรัวพุดสอนเป็นพระแต่ครั้งแผ่นดินขุนหลวงตาก เมื่อขรัวพุดสอนมรณภาพแล้ว ราษฎรปลงศพเก็บอัฐิใส่โถแก้วตั้งไว้พร้อมด้วยเครื่องสักการะบูชายังมีอยู่จนบัดนี้ ในปัจจจุบันสถูปบรรจุอัฐิของขรัวพุดสอนได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์สร้างมณฑปครอบ

รูปหล่อพระครูวิบูลย์ธรรมสาร (เพชร ติสโส)
พระครูวิบูลย์ธรรมสาร (เพชร ติสโส) หรือพ่อท่านเพชร หรือหลวงพ่อเพชรของชาวบ้าน ท่านเป็นชาวเกาะสมุยโดยกำเนิด เกิดเมื่อ พ.ศ. 2388 ที่บ้านลิปะน้อย มีหลักฐานจารึกไว้ว่าท่านเกิดในสกุล “สมวงศ์” อุปสมบทที่วัดใหม่ประมาณปี 2411 หลังจากอุปสมบทได้ระยะหนึ่งจึงได้เดินทางไปศึกษาพระปริยัติธรรมที่เมืองไชยา และสำนักวัดมหาธาตุ กรุงเทพมหานคร รวมทั้งเมื่อเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ครั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดสำเร็จได้นำคณะสงฆ์ของวัดซึ่งรวมทั้งพระมี อินทสุวัณโณ เดินทางไปเยี่ยมชมศาสนสถานและศึกษาธรรมะที่ประเทศศรีลังกาและแผ่นดินพุทธภูมิประเทศอินเดีย
หลวงพ่อเพชรเป็นพระที่บำเพ็ญเพียรด้านวิปัสสนาอย่างอุตสาหะ ออกเดินธุดงค์ไปรอบเกาะสมุย มีวัตรปฏิบัติแบบพระป่า กินอยู่อย่างง่าย นิยมปักกลดพักแรมอยู่ตามป่าช้าของวัดต่างๆ พร้อมกับการเผยแพร่พระปริยัติธรรมและหลักปฏิบัติต่างๆ เผยแพร่สู่ศาสนิกชนอย่างสม่ำเสมอ หลวงพ่อเพชรจึงได้รับการยกย่องทั้งจากภายในเกาะสมุย เกาะพะงัน และจากฝั่งแผ่นดินใหญ่ว่าเป็นพระวิปัสสนาจารย์ที่มีความสามารถสูงในทางการปกครองของสงฆ์ หลวงพ่อเพชรได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสครั้งแรกที่วัดใหม่ และปี พ.ศ. 2441 เป็นเจ้าอาวาสวัดมะเร็ตหรือวัดสำเร็จเป็นวัดที่สอง และในปี พ.ศ.2442 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะแขวงเกาะสมุยเป็นองค์แรก ต่อมาประมาณปี พ.ศ.2450 ได้ย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสวัดประเดิม ตำบลหน้าเมืองและในปี พ.ศ.2455 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ราชทินนามเป็น พระครูวิบูลย์ธรรมสาร หลวงพ่อเพชร ได้เกิดอาพาธ และมรณภาพลงในปี พ.ศ.2459 อายุ 71 พรรษา 48

รูปหล่อพระครูทีปาจารคุณารักษ์(มี อินทสุวัณโณ)
พระครูทีปาจารคุณารักษ์ (มี อินทสุวัณโณ) เป็นเจ้าอาวาสวัดสำเร็จองค์ที่ 3 และเป็นเจ้าคณะอำเภอเกาะสมุยองค์ที่ 4 เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งโรงเรียนเพื่อสอนเยาวชนตามแนวปัจจุบันเป็นครั้งแรกในเกาะสมุยชื่อว่าโรงเรียนวัดสำเร็จ โดยพระอาจารย์เป็นทั้งครูใหญ่และครูผู้สอน
พระครูทีปาจารคุณารักษ์ (มี อินทสุวัณโณ) เกิดเมื่อ พ.ศ. 2421 ในสกุล “บุญสิน” ที่ตำบลมะเร็ต อำเภอเกาะสมุย ได้ศึกษาเบื้องต้นกับคุณตาอยู่ที่บ้านและที่วัดกับครูที่มาจากนครศรีธรรมราช จนอ่านออกเขียนได้เมื่อ พ.ศ. 2442 อายุครบบวช ได้อุปสมบทที่วัดประเดิมแต่มาจำวัดอยู่ที่วัดสำเร็จ เพื่อจะได้เล่าเรียนพระปริยัติธรรมและวิปัสสนากรรมฐานกับพ่อท่านเพชร ติสโส รวมทั้งได้ร่วมออกธุดงค์กับพ่อท่านเพชรหลายครั้ง พระมี อินทสุวัณโณมีความมุมานะต่อการเล่าเรียนเป็นอย่างมากจนพ่อท่านเพชร ติสโส ผู้เป็นอาจารย์ส่งไปศึกษาธรรมต่อที่วัดมหาธาตุ กรุงเทพมหานคร พระมี อินทสุวัณโณ ได้ศึกษาอยู่ที่วัดมหาธาตุอยู่ระยะหนึ่งก็ได้กลับมาดูแลพ่อท่านเพชร ติสโสผู้เป็นอาจารย์ที่เกิดอาพาธและมรณภาพลงในเวลาต่อมา

พระมี อินทสุวัณ โณ หรือพระครูทีปาจารคุณารักษ์ในเวลาต่อมา ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ 3 ของวัดสำเร็จ อาจารย์ให้ความสำคัญกับการศึกษามาก จึงได้ชักชวนชาวบ้านร่วมกันสร้างโรงเรียนประชาบาลขึ้นในวัดซึ่งเป็นโรงเรียน แรกของเกาะสมุย ชื่อว่าโรงเรียนวัดมะเร็ตหรือวัดคงคาคีรี โดยการรับเด็กชายที่ฝากไว้ตามวัดมะเร็ต วัดประเดิม วัดละไม 50 คนเศษมาเป็นนักเรียนรุ่นแรก เปิดสอนตั้งแต่ชั้น ประถม 1 ถึง ประถม 4 โดยไม่มีค่าเล่าเรียน อาจารย์มี รับหน้าที่ทั้งเป็นครูใหญ่และครูผู้สอน ส่วนครูอื่น ได้พระสงฆ์และผู้มีความรู้อื่นๆ มาช่วยกัน จนทางราชการยื่นมือเข้ามาช่วยเมื่อ พ.ศ.2455 ทำให้แบ่งเบาภาระลงได้บ้าง ส่วนอาจารย์มี ก็รับหน้าที่ครูใหญ่และครูผู้สอนอยู่ร่วม 30 ปี และในปี พ.ศ.2515 โรงเรียนวัดสำเร็จที่ได้เป็นสถานศึกษาให้เยาวชนในหลายรุ่นอายุคน ก็ถูกย้ายไปตั้งที่บ้านหน้าค่ายและให้ชื่อใหม่ว่า “โรงเรียนบ้านหน้าค่าย” จนถึงทุกวันนี้
พระครูทีปาจารคุณารักษ์ (มี อินทสุวัณโณ) ได้อุทิศตนให้กับพระพุทธศาสนา ให้กับการศึกษาของเยาวชน และการพัฒนาชุมชนเป็นอย่างมาก และด้วยบุคลิกที่เคร่งครัดต่อระเบียบวินัย ทั้งลูกศิษย์ พระเณร และชาวบ้านต่างเกรงกลัวและเคารพรักท่านเป็นอย่างยิ่ง อาจารย์ได้ถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2517อายุ 97 ปี พรรษา 75
พระพุทธรูปในอุโบสถ
- พระประธาน พระพุทธรูปหินสีขาว หรือ พระพุทธรูปศิลายวง ตามคำเรียกขานของชาวเกาะสมุย แกะสลักด้วยศิลาสีขาว เป็นพุทธศิลป์อย่างพม่าแกะสลักในประเทศพม่า เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร หน้าตักกว้าง 35 นิ้ว สูง 45 นิ้ว บริเวณฐานพระสลักอักษรไว้ว่า “ศก 126 พุทธศาสนา 2450 ล่วง”
- พระพุทธรูปองค์เล็กหน้าพระประธาน พระพุทธรูปศิลายวง ปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชร เช่นเดียวกับพระประธาน สันนิษฐานว่านำมาในคราวเดียว บริเวณฐานพระเขียนอักษรว่า “รูปสมมติพระพุทธเจ้า ทำด้วยหินสีขาวจากพม่า”
- พระพุทธรูปเบื้องซ้ายและเบื้องขวาพระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หล่อด้วยโลหะ ประทับนั่งขัดสมาธิราบ บนฐานบัว ส่วนฐานมีการจารอักษรศักราชที่สร้าง คือ พุทธศักราช 2465 ซึ่งตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
- พระพุทธรูปหล่อโลหะขนาดเล็ก วางอยู่เบื้องล่างหน้าฐานชุกชีด้านขวาพระประธาน ส่วนฐานแสดงให้เห็นทั้งเทคนิคและกระบวนลาย อันเป็นที่นิยมในช่วงปลายกรุงศรีอยุธยาถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ช่วงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก แต่พระพักตร์และพระวรกายที่ค่อนข้างอ้วนล่ำ ไม่เพรียวบางอย่างศิลปกรรมในพระนครในระยะเวลาดังกล่าว ชวนให้นึกถึงพระสิหิงค์หรือพระขนมต้ม สกุลช่างนครศรีธรรมราช
- พระพุทธไสยาสน์ศิลายวง ประดิษฐานอยู่ในอาคารทีปาจารรวมใจอนุสรณ์ ไม่ได้อยู่ภายในพระอุโบสถแกะสลักด้วยศิลาสีขาว เป็นพุทธศิลป์อย่างพม่า สันนิษฐานว่านำมาคราวเดียวกับพระประธานและพระพุทธรูปศิลายวงองค์อื่นๆ เมื่อ พ.ศ. 2450

เจดีย์พ่อเฒ่าขรัวพุดสอน
เจดีย์บุราณหรือเจดีย์พ่อเฒ่าขรัวพุดสอนองค์ที่ 1 ตั้งอยู่บริเวณระหว่างอุโบสถและกุฏิสงฆ์อาคันตุกะมีลักษณะเป็นพระเจดีย์เก่า ก่ออิฐฉาบปูน ทรงปราสาทย่อมุมไม้สิบสอง ตามขนบนิยมของรูปแบบศิลปกรรมช่วงปลายกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ส่วนฐานและบัลลังก์ตกแต่งด้วยลายปูนปั้นรูปทรงกลีบบัว เครื่องถ้วยจีน ส่วนยอดประดับสถูปจำลองทำนองเดียวกับเจดีย์พระบรมธาตุไชยา มีเจดีย์บริวารเป็นเจดีย์ประจำทิศและเจดีย์ประจำมุม เจดีย์ประจำทิศส่วนเรือนธาตุทำเป็นช่องคูหาสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูป

เจดีย์องค์นี้ เป็นเจดีย์หนึ่งในจำนวน 3 องค์ที่สร้างขึ้น โดยขรัวพุดสอน ดังที่สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุขเจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ทรงกล่าวไว้ว่า ” … อนึ่งท่านขรัวพุดษรองค์นี้ ได้ทำพระเจดีย์อย่างเก่าที่ระลึกไว้ในเกาะสมุยนี้ 3 แห่ง คือวัดมะเรศแห่งหนึ่ง ที่หน้าพระลานด้านเหนือ แห่งหนึ่ง ที่แหลมดินเกาะสมุยด้านใต้แห่งหนึ่ง … ” (ภาณุพันธุวงศ์วรเดช, สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าฯ กรมพระยา 2504:44) ได้รับการบูรณะ โดยกรมศิลปากรเมื่อปี พ.ศ.2544

หอสวดมนต์





กุฏิสงฆ์อาคันตุกะ


นอกจากนี้ที่นี่ยังมี อาคารเรียนพระปริยัติธรรม ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์อาคันตุกะ และบ่อน้ำเก่า นับเป็นแหล่งโบราณสถานที่ สงบ สวยงาม และศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนักบนเกาะสมุย


































ภาพโดย MTHAI TEAM
ที่อยู่ : เลขที่ 1 หมู่ที่ 5 ตำบลมะเร็ต อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84140
Google map : https://maps.app.goo.gl/oaSwdeMZPAPuZATw9
เวลาทำการ : 08.00 น. -18.00 น.
เนื้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
สักการะ เจดีย์เขาหัวจุก จุดชมวิวเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
กราบสังขารหลวงพ่อแดง วัดคุณาราม สายมู เกาะสมุยต้องห้ามพลาด!
กราบพระธาตุศิลางู ชมศิลปะอุโบสถแดง วัดราชธรรมาราม เกาะสมุย
คำทำนายดวงชะตาของคุณวางจำหน่ายแล้ววันนี้
ช่องทางการสั่งซื้อที่แอปพลิเคชัน MTHAI
มือถือแอนดรอยด์ : https://play.google.com/store/apps/details
มือถือ iOS ไอโฟน : https://apps.apple.com/gr/app/mthai-com/id471243201
