หากนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวใน สิงคโปร์ คนส่วนใหญ่จะนึกถึง อ่าวมารีนา เบย์ ที่มีรูปปั้นเมอร์ไลอ้อนพ่นน้ำและตึกระฟ้า หรือเที่ยวสวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ สิงคโปร์ แวะชอปปิงย่านออร์ชาร์ด ตระเวนกินที่ไชน่าทาวน์ แต่ยังมีสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจและน่าค้นหาอีกหลายแห่ง ขอแนะนำ “กัมปง เกอลัม (Kampong Gelam)”ย่านมุสลิมหลากหลายเชื้อชาติที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีความสำคัญในฐานะหนึ่งในรากเหง้าของสิงคโปร์จนถึงปัจจุบัน
เปิดมุมมองใหม่ที่สิงคโปร์ ชวนสัมผัสเสน่ห์ Kampong Gelam ย่านมรดกทางวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม อาหารและงานศิลปะ
ช่วงนี้ยังคงต้อง #เที่ยวทิพย์ กันไปก่อน พาไปดูย่าน “กัมปง เกอลัม(Kampong Gelam)”พร้อมเรียนรู้ประวัติศาสตร์หนึ่งในชุมชนเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของสิงคโปร์ผ่านสถานที่สำคัญ วัฒนธรรมอาหาร ร้านค้าและผลงานศิลปะบนกำแพงใหม่ล่าสุด เพื่อสัมผัสเสน่ห์ย่านมรดกทางวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนใครแห่งนี้
ประวัติความเป็นมาย่าน กัมปง
คำว่า “กัมปง” เป็นภาษามลายู หมายถึง หมู่บ้าน ส่วนคำว่า “เกอลัม หรือ กลาม” หมายถึง ต้นเสม็ดขาวใบยาว ซึ่งในอดีตสามารถพบได้ทั่วไปในย่านนี้นำมาใช้ในการต่อเรือ ทำยารักษาโรค และปรุงอาหาร โดยย่านกัมปง เกอลัม เดิมเป็นหมู่บ้านชาวประมงเนื่องจากตั้งอยู่ติดแม่น้ำโรชอ ร์(Rochor River) ต่อมาในปี ค.ศ. 1820 ซึ่งเป็นยุคแรกของการก่อตั้งอาณานิคมสิงคโปร์เซอร์สแตมฟอร์ด ราฟเฟิลส์(Sir Stamford Raffles) ได้จัดสรรพื้นที่นี้ให้กับชุมชนชาวมาเลย์ อาหรับ และบูกิส และเป็นที่พำนักของสุลต่านฮุสเซน และพ่อค้าที่เดินทางมาจากตะวันออกไกล เดิมทีเหล่ามุสลิมที่เดินทางมาถึงสิงคโปร์จะอาศัยอยู่ในบ้านพักขนาดใหญ่ร่วมกับคนที่เดินทางมาจากบ้านเกิดเดียวกัน โดยเรียกบ้านพักในลักษณะนี้ว่าปอนด๊ก (Pondok)และจะตั้งชื่อที่พักตามเมืองบ้านเกิด เช่น ปอนด๊กชวา (Pondok Java)นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการนำวัฒนธรรมของชาวมุสลิมจากหลากหลายเชื้อชาติเข้ามาสู่สิงคโปร์
1. มัสยิด อนุสรณ์สถานแห่งชาติ กับความเป็นมาของชุมชนมุสลิมในสิงคโปร์
โดมทองของมัสยิดสุลต่าน (Sultan Mosque หรือ Masjid Sultan)ที่ต้องแสงอาทิตย์ เป็นแลนด์มาร์คประจำย่านกัมปง เกอลัม ตั้งอยู่บนถนนบัสซอระห์ (Bussorah Street) สร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1824เพื่ออุทิศแด่สุลต่านฮุสเซนชาห์ (Sultan Hussein Shah) สุลต่านองค์แรกของสิงคโปร์ แต่เดิมเป็นอาคารชั้นเดียวต่อมามีสภาพทรุดโทรมตามกาลเวลาจึงสร้างขึ้นใหม่ในปีค.ศ. 1932 ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นสามารถรองรับชาวมุสลิมได้ถึง 5,000 คน จุดเด่นของสถาปัตยกรรมคือโดมสีทองอร่ามขนาดใหญ่ ฐานของแต่ละโดมประดับด้วยแก้วก้นขวดที่บริจาคโดยมุสลิมผู้ยากไร้ในระหว่างการก่อสร้าง เพื่อให้ชาวมุสลิมทุกคนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของมัสยิด โดยมัสยิดแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติในปี ค.ศ. 1975 อีกด้วย
ปัจจุบันกัมปง เกอลัมจึงถูกเรียกว่า “ย่านมุสลิม” ได้รับการบูรณะตกแต่งใหม่ และเติมชีวิตชีวาด้วยการดึงเอาสีสันในอดีตกลับคืนมา โดยเฉพาะตึกแถวที่ได้รับการอนุรักษ์ในบริเวณฮาจิเลน (Haji Lane) ถนนอาหรับ (Arab Street) ถนนแบกแดด (Baghdad Street) และถนนบัสซอระห์ (Bussorah Street) ได้มีการพัฒนากลายมาเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและศิลปะอันงดงามสำหรับนักเดินทางสมัยใหม่ที่หลงใหลในการเรียนรู้และสัมผัสวัฒนธรรมอย่างใกล้ชิด
2.ลิ้มรสวัฒนธรรมมุสลิมผ่านอาหารหลากหลายชาติ
สำหรับวัฒนธรรมในด้านอาหารย่านกัมปง เกอลัมเป็นแหล่งที่รวบรวมร้านอาหารจากหลากหลายเชื้อชาติทั้งมาเลย์ อินเดียและตะวันออกกลางมาไว้ด้วยกัน โดยมีร้านเด็ดอย่างร้าน HjhMaimunahNasi Padang (ข้าวราดแกงแบบมาเลย์) ที่ได้รับรางวัลมิชลินบิบกูร์มองด์ พร้อมจัดเสิร์ฟมาในรสชาติแบบอาหารมาเลย์ต้นตำรับ มีเมนูสุดคลาสสิกอย่าง ซัมบาล โกเร็ง (เต้าหู้ทอด ถั่วแขก และน้ำพริก) และ อะยัม บาการ์ (ไก่ย่าง) จัดเสิร์ฟคู่กับข้าวสวยร้อนๆ รับรองอร่อยอย่าบอกใคร
และร้านซัม ซัม สิงคโปร์ (ZamZam Singapore) ร้านอาหารอินเดียนที่มีดีด้านโรตี โดยเฉพาะเมนูโรตีปราตา (โรตีแผ่นแบนสูตรอินเดียใต้) และมะตะบะ (แป้งโรตียัดไส้ด้วยเนื้อสัตว์และไข่) ที่ได้เนื้อสัมผัสของแผ่นแป้งที่เนียนนุ่ม และมีกลิ่นหอมของเครื่องเทศที่สอดไส้ในโรตี หรือถ้าใครชอบทานอาหารสไตล์เลบานอน จะลองไปที่ Beirut Grill(เบรุต กริล)ก็ได้ นอกจากอาหารคาวแล้วยังมีขนมหวานจากร้าน ฮาบิบิ สวีท แอนด์ เซเวอรี(Habibi Sweet &Savoury) ที่ขึ้นชื่อเรื่องเบเกอรีตะวันออกกลางและอาหรับแฝงไปด้วยกลิ่นอายสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน โดยมีเมนูซิกเนเจอร์อย่าง บาคลาวา (ขนมอบสอดไส้ถั่วและน้ำผึ้ง) และมะอ์มูล(คุกกี้อาหรับที่ทำมาจากอินทผลัม ถั่ว และมะเดื่อ) ทานคู่กับชาเอิร์ลเกรย์ ชาดาร์จีลิง หรือกาแฟ
3.แหล่งชอปปิงสำหรับนักสะสมเรื่องราว
ร้านปรุงน้ำหอมที่เก่าแต่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1933 Sifr Aromaticsในปัจจุบันสืบทอดศาสตร์การปรุงน้ำหอมอันเก่าแก่มาตั้งแต่รุ่นปู่ผู้บุกเบิกร้านปรุงน้ำหอมในสิงคโปร์ภายใต้แบรนด์คาซูรา (Kazura) โดยในยุคของทายาทรุ่นที่สามโจฮาริ คาซูรา (Johari Kazura) ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ หลังจากที่ได้เรียนศาสตร์การปรุงน้ำหอมเพิ่มเติมจากฝรั่งเศส และเปิดร้านภายใต้แบรนด์ใหม่ ชื่อ Sifr Aromatics
ซึ่ง Sifr แปลว่าศูนย์ในภาษาอาราบิกสื่อถึงการเริ่มต้นแบรนด์ใหม่ด้วยตนเอง ร้านแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องของกลิ่นที่มีให้เลือกมากมายโดยมีกลิ่นหลัก (Heart Notes) ทั้งกลิ่นวานิลลา ไม้จันทน์ ยาสูบ หนังซิตรัสและดอกมะลิ ที่นำเอาหัวเชื้อน้ำหอมและขวดน้ำหอมวินเทจจากฝรั่งเศสมาใช้ภายในร้าน นอกจากนี้ยังให้บริการรังสรรค์กลิ่นน้ำหอมเฉพาะบุคคล โดยนำเอาวัตถุดิบใหม่ๆ อาทิ พริกไทยสีชมพูและวาซาบิ มาสรรค์สร้างให้เกิดกลิ่นที่เข้ากับบุคลิกของเจ้าของน้ำหอมได้อย่างน่าอัศจรรย์และยังมีเวิร์กชอปการทำน้ำหอมสำหรับผู้ที่สนใจได้เรียนรู้อีกด้วย
4.ถ่ายรูปชิคๆ กับผลงาน สตรีทอาร์ต นักเล่าเรื่องราวของชุมชน
ย่านกัมปงเกอลัม ถือเป็นย่านที่มีความสำคัญต่อสตรีทอาร์ตในสิงคโปร์เป็นอย่างมาก โดยกราฟฟิตี้ ฮอลล์ออฟ เฟรม (Graffiti Hall of Fame)ผลงานศิลปะชิ้นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งแล้วเสร็จเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมาเป็นโปรเจกต์ที่เกิดจากความร่วมมือของศิลปินในสิงคโปร์กว่า 17 ชีวิต อาทิดิดิเยร์ จาบา มาติเยอ (Didier Jaba Mathieu) สแลคซาทู (Slacsatu) ซีโร (ZERO) และแอนซ์ (ANTZ) รวมถึงศิลปินหน้าใหม่อย่าง โจจีอะโตมิกค์ (JojieAtomick) และสตูดิโอ มูนชายด์ (Studio Moonchild) ซึ่งต่างถ่ายทอดเรื่องราวของสิงคโปร์และสร้างคุณค่าให้กราฟฟิตี้เป็นที่ยอมรับของประชาชนทั่วไปผ่านแผ่นผนังซึ่งเป็นรั้วกั้นเขตก่อสร้างความสูงกว่า 5 เมตรยาว 230 เมตรมาเป็นผนังแสดงศิลปะที่สะท้อนภาพสังคมของย่านกัมปง เกอลัมที่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
โดยผลงานกราฟฟิตี้นี้ถูกจัดแสดงเพียงชั่วคราวในโซนก่อสร้างโดยกลุ่มวันกัมปง เกอลัม (One Kampong Gelam) ได้ร่วมกับการท่องเที่ยวสิงคโปร์(STB)นำศิลปะมาเชื่อมกับชุมชนโดยผลงานเหล่านี้ยังสามารถสแกนคิวอาร์โค้ดผลงานผ่านระบบเสมือนจริง(Augmented Reality)ได้อีกด้วย พร้อมกันนี้ยังมีทัวร์สิงคโปร์ไซด์คาร์(SingaporeSidecar) ที่จะพานั่งรถพ่วงวินเทจไปพร้อมกับไกด์เพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของย่านนี้ และในอนาคตจะเปิดให้เวิร์กชอปกับเหล่าศิลปินอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีโปรเจกต์กราฟฟิตี้ที่บูรณะและต่อเติมจากผลงานเดิม โดยศิลปินชื่อดังชาวสิงคโปร์เออร์เนสต์ซาคาเรวิก(Ernest Zacharevic) โดยนำผลงานที่สร้างขึ้นในปี 2013 ต่อขยายสู่ชิ้นงานใหม่ในปี 2020 อันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยผลงานชิ้นนี้ได้พูดถึงชุมชนของย่านกัมปงเกอลัมที่ทุกคนอยู่ร่วมกันและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยชิ้นงานไอคอนิคของเออร์เนสต์นั้นคือ ภาพเด็กสองคนที่นั่งอยู่ในรถเข็นโดยใช้รถเข็นของจริงมาประกอบจนกลายเป็น “ตู้ปันสุข” ที่ชาวสิงคโปร์ได้แบ่งปันของใช้หรืออาหารให้แก่กันโดยเป็นผลงานร่วมของศิลปินและนักเรียนกว่า 22 คนตั้งอยู่ที่อาคารสำนักงานของบริษัทเอเอ็มซี เอเชีย จำกัด (AMC Asia pte. ltd)
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสถานที่ที่น่าสนใจของย่านวันกัมปง เกอลัมหากคนไทยสนใจออกเที่ยวทิพย์ตามล่าหาสถานที่ท่องเที่ยวสุด Unseen ของย่านนี้สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.visitsingapore.com และสำหรับผู้ที่สนใจผลงานกราฟฟิตี้สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://hof.visitkamponggelam.com.sg/
ข้อมูลอ้างอิง
- · https://www.haikudeck.com/copy-of-kampong-glam-xie-hengli-uncategorized-presentation-1qY6nnPNL0#slide3
- · https://thehoneycombers.com/singapore/arab-street-singapore-guide/
- · https://www.timeout.com/singapore/things-to-do/sultan-mosque
- · https://visitkamponggelam.com.sg/article/pondok-java-the-centre-of-javanese-culture-and-birth-place-of-satay/
- · https://food.grab.com/sg/en/restaurant/hjh-maimunah-joo-chiat-road-delivery/4-CZJ3LBJBVBTXWE
- · https://shop.chope.co/products/baklava-pistachio-by-habibi-sweet-savoury
- · https://thehoneycombers.com/singapore/kampong-glam-singapore/