สายมูห้ามพลาด! กับวัดลับที่เกาะฮ่องกง เปลี่ยนปีชง…ให้เป็นปีเฮง โดยการท่องเที่ยวฮ่องกง (Hong Kong Tourism Board: HKTB) ขอเอาใจ ตัวแม่ & ตัวลูก ที่เลิฟการมูเตลูทุกลมหายใจเข้าออก กับวัดดังในเกาะฮ่องกง ที่คนไทยอาจจะยังไม่ค่อยรู้ ว่าถ้าแวะมามูเตลูที่นี่แล้ว คุณจะได้ความเฮง ความปัง ติดไม้ติดมือกลับไปด้วยแบบจึ้งๆ แน่นอน!

ทริปนี้เป็นทริปสายมูที่แท้ทรู เพราะเดินทางในช่วงเช้าตรู่ รับพลังแสงอาทิตย์อ่อนๆ วิตามินดี ไปแบบเต็มๆ พอถึงที่เกาะฮ่องกง ก็แวะเติมพลังมื้อเที่ยง ก่อนการเดินทางไปมูกันแบบจัดเต็มตลอดวัน ที่ร้านติมซำชื่อดัง Luk On Kui ต้นตำรับติ่มซำฮ่องกงแท้ ที่อร่อยทุก เมนู แค่มีเมนูอะไรมาวางตรงหน้า ก็หมดเกลี้ยงภายในพริบตา บางเมนูต้องขอเบิ้ลซ้ำ อาทิ ขนมจีบ ซาลาเปา ปอเปี๊ยะทอด

พออิ่มท้องมื้อเที่ยง เราก็พร้อมไปมูแบบจัดเต็ม ที่วัดแรกของทริป วัด Kwong Fuk Ancestral Hall (Pak Shing Temple) เป็นอีกหนึ่งในวัดที่เก่าที่สุดของฮ่องกง หรือที่คนไทยจะเรียกกันว่า วัดจี้กง และทริปนี้พิเศษสุดๆ เพราะได้ อาจารย์คฑา ชินบัญชร มาเป็นผู้นำทำพิธีมูแบบขนลุกทุกขั้นตอน โดยเฉพาะคนที่อยากมีความรักดีๆ อยากมีคู่แท้ในชีวิต วัดจี้กง พร้อมตอบโจทย์ในพลังแห่งความรักดีที่สุด

หลังมูเสร็จ ก็แวะเดินเล่นที่ย่าน Tai Ping Shan ดื่มกาแฟเย็นให้สดชื่นในยามบ่าย และเดินสำรวจดูของกระจุ๊กกระจิกที่ PMQ แหล่งขายของสุดชิค ที่ในอดีตอาคารแห่งนี้เคยเป็นที่พักของข้าราชการตำรวจของเกาะฮ่องกง


พอตกเย็นเราก็ไปรับประทานอาหารที่ร้าน JUNO ร้านอาหารฟู๊ดฟิวชั่น ระดับมิชลิน สไตล์อิตาเลียนเมดิเตอร์เรเนียน ตั้งอยู่บนถนน Wing Lok จากนั้นก็เดินทางเข้าที่พักที่โรงแรมสุดหรูอย่าง New World Millennium Hong Kong


เช้าของทริปวันที่ 2 เราเดินทางไปมูกันที่วัด Western Monastery ที่เห็นครั้งแรกต้องร้องว๊าว!!! กับความสวยของ เจดีย์ 9 ชั้น หรือ เจดีย์หมื่นพจน์ และความเงียบสงบของวัด เหมือนเราได้ย้อนเวลาไปสู่ยุคราชวงศ์หมิง ซึ่งวัดนี้ทาง อาจารย์คฑา ชินบัญชร ก็ทำหน้าที่นำพิธีมู ขอพรจากเหล่าองค์เทพ เพื่อเสริมพลัง ในด้านสติปัญญา และการเจรจาให้ราบรื่น

จากนั้นเดินทางไปวัดที่อยู่ติดกันคือ วัดหยวนหยวน (Yuen Yuen Institute) วัดนี้ทาง อาจารย์คฑา ก็ได้นำพิธีปัดเบาสะเดาะเคราะห์ คนที่เกิดปีชงในปีนี้ ซึ่งวัดนี้เป็นวัดที่ผสมผสานความเชื่อของ 3 ศาสนา พุทธ เต๋า และ ขงจื๊อ ใครที่มาวัดนี้ ต้องขอพร เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย เพราะท่านคือตัวพ่อของ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ

เสร็จจากการมู 2 วัด เราก็ไปเติมพลังมื้อเที่ยงที่ ร้าน Yue Kee Roasted Goose Restaurant กับเมนูอาหารฮ่องกงขนานแท้ บอกเลยว่าเมนู หมูแดง คือที่สุดของที่สุด เนื้อหมูแดง หอม นุ่ม ละลายในปาก แบบละมุนละไมสุดๆ

หลังจากอิ่มท้องแล้ว เราเดินทางไปมูต่อแบบรัวๆ ที่ วัดหลินฟ้า (Lin Fa Kung Temple) เป็นวัดเก่าแก่ในย่าน Tin Hua Causeway Bay ที่ชาวฮ่องกงนับถือกันมานาน วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิง โดยอาจารย์คฑา แนะนำใครที่ชอบเสี่ยงโชค ต้องมามูที่วัดนี้ เพราะมีเทพเจ้า “ย้ำ-ฉ่อย-สั่น” เทพเจ้าแห่งโชคลาภ (แบบดาร์คๆ) ใครคอหวย คอหุ้น ชอบเสี่ยงโชค รีบวิ่งตัวตรง มาขอพรเด็ดๆ จากท่านได้เลย

จากนั้นเราก็เดินไปเยี่ยมชมศูนย์การศึกษาเทศกาลเชิดมังกรไฟ Tai Hang ที่ Tai Hang Fire Dragon Heritage Centre ที่นี่เราจะได้เรียนรู้สุดยอดอีกหนึ่งวัฒนธรรมของเกาะฮ่องกง กับการเชิดมังกรที่ปักธูปกว่าเจ็ดหมื่นดอก โดยตัวมังกรยาวถึง 220 ฟุต น้ำหนักราวๆ เกือบกิโลกรัม สำหรับเทศกาลนี้ถือเป็นการชำระล้างสิ่งไม่ดี ปัดเป่าโรคภัย และสิ่งอัปมงคล

จากนั้นได้เวลามื้อเย็นที่ เป็น Hotpot ร้อนๆ ที่ร้าน Lau Haa Hotpot ถือเป็นมื้อที่หลายๆ คนรอคอย เพราะจะได้ลิ้มลองรสชาติหมาล่าแบบแท้ๆ ทุกเมนูอาหารที่นำมาวางบนโต๊ะ จะถูกโยนลงไปในหม้อไปอย่างรวดเร็ว และหายเกลี้ยงภายไปชั่วในพริบตา

เช้าวันที่ 3 ของทริป ตื่นมามูพร้อมกับละอองฝน แต่นั้นไม่ใช่อุปสรรค ถือว่าเป็นน้ำทิพย์จากสวรรค์ เช้านี้เราเดินทางไปยัง วัดเจ้าแม่ทับทิม จอสเฮ้าส์เบย์ (Tin Hau Temple, Joss House Bay) บอกเลยว่าบรรยากาศที่นี่สวยงาม สงบ ร่มเย็ฺน หน้าวัดเป็นทะเล หลังวัดเป็นภูเขา ช่างเป็นอะไรที่งดงามยิ่งนัก ใครที่อยากมีลูก หายจากโรคภัยไข้เจ็บ หรืออยากมีเงินใช้ไม่ขาดมือ เจ้าแม่ทับทิม จอสเฮ้าส์เบย์ รอดลบันดาลพรให้ทุกๆ คนสมหวัง

จากนั้นเดินทางไปต่อกันที่ วัดแชกงโหวช้ง (Che Kung Temple, Ho Chung) ที่ตั้งอยู่ในย่านซาเทิน (Sha Tin) และวัดนี้คือวัดต้นฉบับออริจินอลของวัดแชกง มีอายุถึง 400 ปี และถือเป็นหนึ่งในวัดเก่าแก่ที่สุดของเกาะฮ่องกง และวัดนี้ยังมีกังหันนำโชคที่ให้เราได้หมุนขอพรต่างๆ เหมือนที่วัดแชกงหมิวอีกด้วย

มูกันแบบ 2 วัดติดๆ ท้องเริ่มร้องจ๊อกๆ มื้อเที่ยงเราแวะไปที่ร้าน Chuen Kee Seafood Restaurant บอกเลยว่าอาหารซีฟู๊ดที่นี่เด็ดมาก ใครสายซีฟู๊ดห้ามพลาดร้านนี้เด็ดขาด เพราะแค่ไปถึงหน้าร้านก็คิดว่าอยู่อควาเรียม เพราะมีตู้สัตว์น้ำทะเล ที่พวกเขาพร้อมพลีชีพเป็นเมนูมื้อเด็ดสำหรับทุกคน

ต่อไปด้วยการเดินทางไปย่าน Central ที่มีพื้นที่ฮวงจุ้ยดีที่สุด เราได้เรียนรู้ฮวงจุ้ยเป็นเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ สำหรับการดำเนินชีวิต ซึ่งที่เกาะฮ่องกง ศาสตร์ของฮวงจุ้ยเป็นเรื่องที่มีเสน่ห์ และน่าสนใจมาก เช่น คู่แข่งอย่าง ตึก HSBC จะมีปืนใหญ่ หันหน้าไปทางตึก Bank of China ที่ตัวอาคารคล้ายกับมีดดาบ ก็ถือเป็นความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยที่สู้รบกันในทางธุรกิจ

มื้อเย็นเราไปดินเนอร์เป็นมื้อส่งท้ายทริปที่ ร้าน Azure 80 ร้านอาหารสไตล์เสฉวน และเซี่ยงไฮ้ บรรยากาศที่คะแนนเต็มสิบให้ล้าน เพราะเราสามารถมองผ่านกระจก ไปเห็นวิวสวยๆ แสงสีของเกาะฮ่องกงในยามค่ำคืน ร้านนี้เหมาะกับการมาเดทมาก เชื่อว่ารอบหน้าถ้ามาอีก คงได้เดทกับใครสักคนที่ร้านนี้ชัวร์ๆ เพราะเรามูขอพรเรื่องความรักที่ วัดจี้กง ในวันแรกไว้แล้ว อิอิ!!!

ถือเป็น 3 วันแห่งความประทับใจที่ การท่องเที่ยวฮ่องกง (Hong Kong Tourism Board: HKTB) จัดให้แบบจัดเต็มตลอดทริป อิ่มทั้งเรื่องมู และอิ่มแบบจุกๆ ในเรื่องของอาหาร เกาะฮ่องกงจะมากี่ครั้ง ก็ยังแฮปปี้เหมือนเดิมทุกครั้ง
